เซียวจิ่งสือผลักประตูห้องเปิดออก เห็นหลินหว่านนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างสงบ 

 

 

หลินหว่านได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็เงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าเป็นเซียวจิ่งสือ 

 

 

“หว่านหว่าน คุณเป็นอย่างไรบ้าง โอเคไหม” เซียวจิ่งสือมาที่ข้างกายหลินหว่าน ถามเธออย่างร้อนใจและเป็นห่วง 

 

 

หลินหว่านไม่ตอบ แต่กลับถามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณมาได้ยัอย่างไรคะ” 

 

 

“ผมมาเยี่ยมคุณน่ะ” เซียวจิ่งสือฟังน้ำเสียงเย็นชาของหลินหว่านแล้ว รีบอธิบายกับเธอว่า “แผลน้ำร้อนลวกที่แขนคุณ หมอตรวจดูหรือยัง จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า คุณรู้ไหมตอนผมเพิ่งมาถึงเอาแต่เป็นห่วงคุณมากเลย” 

 

 

หลินหว่านเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเซียวจิ่งสือ เธอนึกถึงภาพที่เขากับอันซิงอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหาร เธอไม่รู้ว่าท่าทางของเขาในตอนนี้เป็นแค่การแสดงหรือเปล่า 

 

 

ในเมื่อเขาเลือกอันซิงแล้ว ทำไมยังมายุ่งวุ่นวายกับเธออีก 

 

 

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านตอบกลับเสียงเย็น “แล้วก็ ฉันก็ไม่ต้องการความห่วงใยของคุณ คุณเซียว ถ้าคุณมีเวลาแบบนี้ก็น่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนกับคุณหนูอันเธอนะคะ!” 

 

 

เซียวจิ่งสือเห็นท่าทางเย็นชาของหลินหว่านแล้วนิ่งอึ้งไป เขาขมวดคิ้วถามหลินหว่าน “หว่านหว่าน คุณพูดอะไรนะ” ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “เรื่องของอันซิง คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกับเธอไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว หว่านหว่าน” 

 

 

“ไม่มีอะไรกันแต่คุณก็ไปที่ร้านอาหารกับเธอ” หลินหว่านถามเสียงเรียบ สีหน้าไร้ความรู้สึก 

 

 

“หว่านหว่าน คุณคิดมากไปแล้ว ผมกับอันซิงก็แค่เป็นตัวแทนของวั่นหย่ากรุ๊ปกับเทียนซิงกรุ๊ปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลยนะ” เซียวจิ่งสืออธิบาย 

 

 

พอเห็นว่าหลินหว่านไม่ได้มีทีท่าอ่อนลง เซียวจิ่งสือก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามโพล่งออกไป “หว่านหว่าน คุณคงไม่ได้หึงอันซิงหรอกใช่มั้ย” 

 

 

หึงเหรอ? เซียวจิ่งสือกล้าบอกว่าตอนนี้เธอกำลังหึงหวง วีนแตกไร้เหตุผลเพราะผู้หญิงแบบนั้น? นั่นออกจะเข้าใจเธอผิดไปมากเลยจริงๆ 

 

 

หลินหว่านสะกดกลั้นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจากก้นบึ้งของหัวใจ มองสบตาเซียวจิ่งสือไปตรงๆ แล้วพูดช้าชัด ว่า “คุณเซียว คุณเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของฉันคือ เพื่อความปลอดภัยของฉัน ไม่ว่าคุณกับอันซิงจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉันคิดว่าต่อไปเราควรจะรักษาระยะห่างกันไว้จะดีกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้นถ้าคุณหนูอันเธอเกิดไม่พอใจขึ้นมา ก็ไม่แน่ว่าเธอจะทำอะไรกับฉันอีก” 

 

 

เซียวจิ่งสือรู้ว่าหลินหว่านหมายถึงเรื่องที่อันซิงใส่ร้ายพนักงานเสิร์ฟเรื่องทำน้ำแกงร้อนหกลวกเธอ เรื่องนี้หลินหว่านถือว่าเป็นผู้เสียหายที่ไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ 

 

 

“หว่านหว่าน ผมรับรองเลยนะ ต่อไปผมจะไม่ยอมให้อันซิงมีโอกาสทำร้ายคุณอีกดีไหม แต่ว่าคุณต้องเชื่อว่าความสัมพันธ์ของผมกับอันซิงเป็นแค่ผลประโยชน์ของบ้านตระกูลอันกับตระกูลเซียวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้แล้ว ผมกับเธอไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันเลย ผมหวังว่าคุณจะไม่พูดว่าจะรักษาระยะห่างกับผมอีก ได้ไหม” เซียวจิ่งสือพูดกับหลินหว่านอย่างจริงใจ 

 

 

หลินหว่านฟังแล้วมองสบตาเซียวจิ่งสือนิ่งนาน จากนั้นยิ้มเย้ยหยันพลางถามว่า “ผลประโยชน์? เซียวจิ่งสือ คุณลองบอกมาดูซิ ในโลกนี้ยังมีผลประโยชน์อะไรที่ทำให้คุณชายเซียวต้องยอมเสียสละ ยอมอยู่ร่วมกับผู้หญิงที่คุณพร่ำพูดว่าไม่มีความสัมพันธ์อะไรด้วย” 

 

 

เซียวจิ่งสือนิ่งอึ้งไปอย่างอับจนคำพูด เขาพูดว่า “หว่านหว่าน เรื่องนี้ผมยังไม่สามารถบอกเหตุผลทุกอย่างกับคุณได้ชั่วคราว แต่ว่าคุณต้องเชื่อผมนะ ผม…” 

 

 

“เซียวจิ่งสือ คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว!” หลินหว่านพูดขัดขึ้น “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ฉันเข้าใจแล้ว ในใจของคุณ ผลประโยชน์สำคัญที่สุด จะอยู่กับใครเป็นแค่เรื่องรองลงมา ใช่ไหมละคะ!” 

 

 

หลินหว่านถามตามติดมาเป็นชุด “ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบ้านตระกูลอันหรือไม่ ขอเพียงเป็นเรื่องผลประโยชน์ของบ้านตระกูลเซียว คุณก็ยอมได้ทั้งนั้น อยู่กับคนที่คุณไม่ชอบก็ได้ ใช่หรือเปล่าละคะ” 

 

 

“ผม…” 

 

 

คำพูดนี้ทำให้เซียวจิ่งสือหมดปัญญาจะตอบ ถ้าเขาบอกว่าใช่ เขาก็จะเป็นคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์จริงอย่างที่หลินหว่านพูด ถ้าเขาตอบว่าไม่ใช่ หลินหว่านก็จะคิดว่า อันซิงเป็นคนที่เขา ‘ยินยอมพร้อมใจ’ จะอยู่ด้วย 

 

 

ทิ้งช่วงไปครู่หนึ่ง เซียวจิ่งสือก็พูดขึ้น “ผมกับอันซิงเป็นแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น หว่านหว่าน คุณเชื่อผมนะ คนที่ผมรักมีแต่คุณเท่านั้น แล้วก็…หว่านหว่าน ผมไม่อยากได้ยินคุณพูดว่าจะรักษาระยะห่างกับผม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ยอมให้คุณไปจากผมหรอก” 

 

 

เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านนิ่งอยู่ เธอไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เธอบอกว่าจะรักษาระยะห่างกับเขา เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะถูกหลินหว่านสลัดทิ้งไปอย่างนั้น 

 

 

“แสดงละคร? เซียวจิ่งสือ คุณนี่ทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาเลยจริงๆ นะ เล่นละครกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบ คุณก็ทำได้งั้นสิ?” หลินหว่านพูดเย้ยหยัน 

 

 

เซียวจิ่งสือฟังแล้วคิดจะอธิบาย แต่หลินหว่านพูดต่อว่า “เซียวจิ่งสือ ทางที่ดีคุณอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าคนอย่างคุณอีก ฉันรังเกียจคนที่หลอกลวงความรู้สึกคนอื่นได้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง” 

 

 

เซียวจิ่งสือสีหน้าย่ำแย่ลงไปทุกที ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาส่งเสียงออกมาว่า “หว่านหว่าน ผมเป็นคนของตระกูลเซียว และเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ผมย่อมต้องทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ผมไม่ใช่คนที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์อย่างที่คุณคิดแน่นอน! เรื่องของอันซิง ผมยังบอกอะไรคุณตอนนี้ไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าคุณจะยังเข้าใจผมกับอันซิงผิดๆ ต่อไป รอให้เรื่องทั้งหมดผ่านไปแล้ว ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของผมที่มีต่อคุณเอง” 

 

 

เว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เซียวจิ่งสือพูดต่อว่า “แต่…หว่านหว่าน ถ้าคุณคิดจะใช้ข้ออ้างนี้ผละห่างจากผม ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!” 

 

 

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองยิ่งร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ หลินหว่านขึงตาเข้าใส่เซียวจิ่งสืออย่างดุดัน กำลังจะพูดบางอย่าง ตอนนั้นเอง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก เฉียวมั่วเฉินเดินเข้ามา เขายกกล่องอาหารในมือขึ้นแล้วพูดกับหลินหว่าน “หว่านหว่าน อาหารค่ำมาแล้ว เธอรีบกินตอนยังร้อนเถอะ” 

 

 

พูดจบ เฉียวมั่วเฉินเหมือนจะรู้สึกถึงบรรยากาศหนักอึ้งภายในห้อง เขามองไปทางเซียวจิ่งสือกับหลิน 

 

 

หว่านด้วยสายตาประหลาด 

 

 

เมื่อเห็นว่าหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือเหมือนยังมีคำพูดที่ยังคุยไม่จบ เฉียวมั่วเฉินคิดดูแล้วพูดว่า “หว่านหว่าน เธอกินข้าวก่อนเถอะ ฉันจะไปถามคุณหมอว่ามีข้อห้ามอะไรที่ต้องระวังอีกบ้าง” 

 

 

แม้จะแค่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวัน แต่เฉียวมั่วเฉินดูออกแล้วว่า เซียวจิ่งสือซึ่งในความรู้สึกเขาแล้วแค่มีคุณสมบัติพอจะคบหากับน้องเขาได้ ท่าทางเขาก็ดูรักหลินหว่านเอามากๆ ทีเดียว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนกลับไม่เหมือนคู่รักกันธรรมดาทั่วไป คิดจะอยู่ด้วยกันจริงๆ ยังต้องเจออุปสรรคอีกมาก 

 

 

ถึงอย่างไรก็ให้พวกเขาได้คุยกันให้เข้าใจชัดแจ้งก่อน เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกยังต้องแก้ไขกันเอง ไม่อย่างนั้นเขาที่เป็นคนนอกก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก 

 

 

พอเฉียวมั่วเฉินไปแล้ว ดวงตาของเซียวจิ่งสือเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่หลินหว่านไม่เข้าใจ เขาถามหลินหว่านว่า “หว่านหว่าน เมื่อครู่ผมพูดชัดเจนพอแล้วนะ คุณยังมีอะไรอยากจะพูดไหม”