ตอนที่ 1713 ทะเลสาบพิสดาร

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1713 ทะเลสาบพิสดาร

โอเอซิสแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ครอบคลุมพื้นที่ราวหลายสิบหมู่เท่านั้น มีทะเลสาบใสกระจ่างอยู่ใจกลางพื้นที่เขียวชอุ่ม ดูราวกับอัญมณีอันงดงามที่อยู่บนยอดมงกุฎ มีความโดดเด่นจับตามาก ต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นสูงตระหง่านอยู่บริเวณสองฟากของทะเลสาบ พุ่มไม้เขียวชอุ่มสร้างความสงบเย็นให้กับนักรบที่อาศัยร่มเงาของมัน

“มีโอเอซิสอยู่จริงๆ!”

“น้ำ! ผมอยากดื่มน้ำ!”

เหล่านักรบต่างทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขารีบพุ่งเข้าหาโอเอซิสที่เห็น

แต่เมื่อเห็นโอเอซิส จางเซวียนก็ครุ่นคิดหนัก เขารีบตรวจสอบพื้นที่โดยรอบก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความพรั่นพรึง

“หยุดก่อน! อย่าดื่มน้ำนั่นนะ!” เขาตะโกนขณะรีบเข้าไปยับยั้งคนเหล่านั้นไว้

แต่เพราะความกระหายที่ไม่อาจระงับไว้ได้ เหล่านักรบที่นัยน์ตาแดงก่ำต่างก็พุ่งเข้าใส่ทะเลสาบในช่วงเวลาที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิดอยู่ บางคนก็ดื่มน้ำเข้าไปเต็มอึกหรือไม่ก็จิบน้ำเข้าไปแล้ว

เห็นทีท่าแปลกประหลาดของจางเซวียน นักรบคนหนึ่งที่ออกจะสุขุมกว่าคนอื่นๆก็หันมาตั้งคำถาม “ผู้อาวุโส มีอะไรผิดปกติหรือ?”

แม้ชายหนุ่มคนนี้จะทำให้พวกเขาต้องสิ้นเปลืองหยดน้ำทิพย์เพื่อล่อยักษ์ผืนทรายให้ปรากฏตัว แต่ข้อเท็จจริงก็คือเขาได้พาทุกคนมาจนถึงโอเอซิส ทั้งยังแสดงให้เห็นแล้วว่ามีสายตาเฉียบแหลมกว่าพวกเขา บางทีอีกฝ่ายอาจรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเข้ามายับยั้งทุกคนไว้

“ที่นี่มีบางอย่างแปลกๆ!” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตขณะรีบยับยั้งนักรบคนอื่นๆที่ยังไม่ทันได้จิบน้ำเอาไว้ก่อน “เท่าที่ดูจากระยะเวลาที่พวกคุณถูกส่งทะลุมิติเข้ามาที่นี่ ก็น่าจะมีนักรบกลุ่มอื่นๆค้นพบความลับของทะเลทรายแห่งนี้และมาถึงโอเอซิสก่อนหน้านี้แล้ว อันที่จริง รอยเท้าที่อยู่รอบๆก็บ่งบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่นี่ก่อนหน้าเรา แล้วพวกเขาหายไปไหน?”

จางเซวียนเสียเวลาอยู่ในป่าหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงทะเลทรายแห่งนี้ แม้ความลับของทะเลทรายจะยังคงไม่ได้รับการเปิดเผย แต่ก็เป็นไปได้ว่าน่าจะมีคนบางกลุ่มที่มาถึงก่อนพวกเขา

อีกอย่าง คนส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้าเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อก็จัดได้ว่าเป็นกลุ่มอำนาจหลักของทวีปแห่งปรมาจารย์ ทั้งความเฉลียวฉลาดและสายตาอันเฉียบคมของพวกเขาถือว่าเหนือชั้นกว่านักรบทั่วไป

ว่าแต่…คนพวกนั้นหายไปไหน?

“คุณพูดถูก! มีรอยเท้าที่นำมาสู่โอเอซิสแห่งนี้…” นักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณคนหนึ่งชะงักก่อนจะรีบสำรวจพื้นที่โดยรอบ และพบรอยเท้าตื้นๆอยู่ในบริเวณรอบโอเอซิส แต่โชคร้ายที่รอยเท้าส่วนหนึ่งหายไปหลังจากถูกผืนทรายพัดเข้าปกคลุม

“มหัศจรรย์จริงๆ น้ำนี่ใช้ดื่มได้! ในที่สุดผมก็ไม่ต้องทรมานอีกแล้ว…”

นักรบ 2-3 คนที่พุ่งเข้าไปในโอเอซิสและดื่มน้ำก่อนหน้านี้พากันอุทานด้วยความตื่นเต้น

น้ำที่พวกเขานำติดตัวมาด้วยไม่อาจดับความกระหายได้ มีแต่จะทำให้ร่างกายแห้งผากและร้อนรุ่มกว่าเดิม พวกเขารู้สึกราวกับมีกองเพลิงสุมอยู่ภายใน

“ขอผมลองหน่อย…”

เมื่อได้ยินคำนั้น นักรบคนอื่นๆที่ถูกจางเซวียนยับยั้งไว้ก่อนหน้านี้ก็พุ่งเข้าใส่เพื่อหวังชิมรสชาติของน้ำเช่นกัน แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะดื่มน้ำ ชายวัยกลางคนที่ดื่มน้ำเข้าไปเป็นคนแรกก็เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง ควันสีขาวลอยโขมงออกจากร่างของเขา

“อ๊ากกกก….” เสียงครางด้วยความเจ็บปวดหลุดรอดออกจากลำคอของชายผู้นั้น

ราวกับมีบางอย่างทิ่มแทงลำคอของเขา ทำให้เขาต้องเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสขณะที่นัยน์ตาแทบปะทุออกจากเบ้าด้วยความพรั่นพรึง

แต่ยิ่งเกลือกกลิ้งมากแค่ไหน ควันก็ยิ่งลอยโขมงออกจากร่างของเขามากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนเขาพร้อมจะกลายร่างเป็นเปลวเพลิงได้ทุกขณะ

“ผม…”

ชายวัยกลางคนไม่ได้เป็นคนเดียวที่ตกเป็นเหยื่อ นักรบอีก 3 คนที่พุ่งเข้าใส่ทะเลสาบเพื่อดื่มน้ำ ก่อนหน้านี้ก็ทรุดฮวบลงกับพื้นเช่นกัน ควันสีขาวลอยโขมงออกจากร่างของพวกเขา ดูเหมือนทุกคนกำลังเผชิญความเจ็บปวดที่แทบไม่อาจทนทานได้

“แย่แล้ว!”

จางเซวียนรีบปล่อยกระแสพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ร่างของชายวัยกลางคนเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขา แต่ยังไม่ทันที่พลังปราณเทียบฟ้าจะเข้าถึงตัว ร่างที่กำลังกลิ้งเกลือกไปมานั้นก็ขาดเป็น 2 ท่อน

ฟึ่บ!

ร่างของเขาแหลกสลาย กลายสภาพเป็นกองทรายสีเหลือง

“เฮ้ยยย…”

ด้วยความพรั่นพรึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทุกคนรีบล่าถอยจากทะเลสาบด้วยใบหน้าซีดเผือด

หากนักรบที่อยู่ตรงหน้าเขาแปรสภาพกลายเป็นเถ้าถ่านหรือเป็นโครงกระดูก พวกเขาก็ยังพอรับได้เพราะตอนที่ทุกคนเลือกเดินทางเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อ ก็ได้บอกตัวเองไว้แล้วว่าอาจไม่มีชีวิตรอดกลับไป แต่ชายวัยกลางคนกลับสลายกลายเป็นผืนทราย มันเกิดอะไรขึ้น?

ต้องเผชิญกับความตายด้วยการกลายร่างเป็นผืนทราย…คงไม่ใช่ว่าทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่อยู่รอบตัวพวกเขาคือสิ่งที่หลงเหลือจากซากศพนับไม่ถ้วนหรอกนะ ใช่ไหม?

ความคิดนั้นทำให้ทุกคนขนลุกขนพอง ความพรั่นพรึงทะลวงลึกเข้าสู่จิตวิญญาณของพวกเขา

“ผู้อาวุโส ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย…”

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนแปรสภาพเป็นทรายสีเหลือง นักรบอีก 3 คนที่เหลือรีบวิงวอนจางเซวียนด้วยดวงตาที่บ่งบอกความพรั่นพรึง

พวกเขามุ่งหน้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อด้วยความตั้งใจว่าจะฝ่าด่านคอขวดและยกระดับวรยุทธให้ได้ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะนำพาพวกเขาไปสู่กรงเล็บแห่งความตาย?

จางเซวียนก็ผงะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะมัวจังงัง จึงรีบเดินเข้าหานักรบทั้ง 3 และทาบนิ้วลงไป กระแสพลังปราณเทียบฟ้าไหลเข้าสู่ร่างของทั้ง 3 คนอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่พลังปราณของจางเซวียนเข้าสู่ร่างของคนเหล่านั้น จางเซวียนก็พลันรู้สึกได้ถึงกองเพลิงที่สุมอยู่ในร่างของพวกเขา พร้อมที่จะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

“ฮึ่มมม!”

จางเซวียนคำราม เขาปล่อยกระแสพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อพยายามดับเพลิงนั้น

ฟึ่บ!

ทันทีที่พลังปราณเทียบฟ้าปะทะกับเปลวเพลิง เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่เข้าจู่โจมพลังปราณเทียบฟ้า ดูเหมือนมันพยายามจะแผดเผาพลังปราณของเขาให้กลายเป็นเปลวไฟ

“จัดการมันเลย!”

กระแสพลังปราณเทียบฟ้าอันดุเดือดพุ่งเข้าสู่ร่างของนักรบทั้ง 3 โดยไม่หยุดยั้ง ร่างของจางเซวียนเริ่มเปล่งประกายสีทองออกมา ราวกับจะแปรเปลี่ยนเป็นรูปปั้นสีทอง

ทั้งพลังปราณ กายเนื้อ และจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาสามารถทนทานได้แม้แต่กับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด แม้เปลวเพลิงในร่างของนักรบทั้ง 3 ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ

ฟึ่บ!

ด้วยกระแสเกรี้ยวกราดของพลังปราณเทียบฟ้า สุดท้ายเปลวเพลิงที่อยู่ในร่างของนักรบเหล่านั้นก็มอดดับลง เมื่อรู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็รอดพ้นจากกรงเล็บแห่งความตายแล้ว นักรบทั้ง 3 ที่หน้าซีดเผือดก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนและความโล่งใจ พวกเขารีบคุกเข่าและโค้งคำนับให้จางเซวียน “ผู้อาวุโส ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้”

“ไม่ต้องมีพิธีรีตองไปหรอก” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ เขาหันไปพูดกับคนอื่นๆที่เหลือ “ที่นี่มีบางอย่างแปลกประหลาดพิสดาร อย่ามัวรีรออยู่รอบทะเลสาบเลย กลับไปที่โอเอซิสเถอะ!”

ต่อให้จางเซวียนไม่พูด นักรบที่เหลือก็หวาดผวาเกินกว่าจะอ้อยอิ่งอยู่รอบทะเลสาบแล้ว

ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่าสะพรึงสำหรับพวกเขาอีกต่อไป แต่การที่ต้องกลายร่างเป็นทรายสีเหลือง และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้คนข้างหลังเลย นั่นถือเป็นความตายที่น่าสะพรึงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว

จางเซวียนไม่ได้กลับสู่โอเอซิสพร้อมกับคนอื่นๆ เขาเดินไปยังกองทรายที่หลงเหลืออยู่จากร่างของชายวัยกลางคน แล้วหยิบทรายกำมือหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็พิจารณามันอย่างถี่ถ้วน

ร่างของชายวัยกลางคนถูกเผาอย่างหมดจดจนแม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เหลือ หากเขาไม่ได้เห็นกับตา จะไม่มีทางเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะหายวับไปได้ด้วยวิธีการแบบนี้

“ผู้อาวุโส คราวนี้เราจะทำอย่างไรดี?”

นักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณคนหนึ่งก้าวออกมาสำรวจกองทรายเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจสรุปอะไรได้ จึงได้แต่หันมาตั้งคำถามกับจางเซวียน

“นำหยดน้ำทิพย์นี้ไปให้คนอื่นๆดื่ม” จางเซวียนสะบัดข้อมือและนำน้ำเต้าหลายลูกออกมา

มันคือหยดน้ำทิพย์ที่เขาเก็บมาจากผืนป่าแห่งนั้น สามารถดับความกระหายให้กับนักรบทั้งกลุ่มได้ในช่วงเวลานี้

ไม่ใช่เพราะเขาหวงน้ำทิพย์ แต่เรื่องของเรื่องก็คือผู้ที่ได้ดื่มหยดน้ำทิพย์แล้วจะไม่สามารถดึงดูดยักษ์ผืนทรายได้อีก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บมันเอาไว้กับตัวจนกว่าจะมาถึงโอเอซิส ซึ่งเมื่อมาถึงที่หมายแล้ว ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จางเซวียนจะต้องหวงหยดน้ำทิพย์เอาไว้อีก

“ขอบคุณมาก ผู้อาวุโส!”

นักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณคนนั้นรีบรับหยดน้ำทิพย์มาและแจกจ่ายให้กับคนที่เหลือ หลังจากได้ดื่มลงไปอึกใหญ่ ความกระหายของพวกเขาก็บรรเทาลง ทุกคนได้แต่มองจางเซวียนด้วยความสำนึกในบุญคุณ

จางเซวียนไม่ใส่ใจคนเหล่านั้น หลังจากพินิจพิจารณาผืนทรายที่หลงเหลืออยู่แล้ว เขาก็ออกเดินไปรอบอาณาบริเวณของทะเลสาบ

คลื่นความเย็นแผ่ออกมาจากทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า เมื่อยืนอยู่ข้างทะเลสาบ เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนแม้แต่น้อยทั้งที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งผาก ในเวลาเดียวกัน น้ำในทะเลสาบก็ใสกระจ่าง ดูบริสุทธิ์เสียจนไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงที่เพิ่งสังหารชายวัยกลางคนผู้นั้นเลย

ทั้งๆที่สำรวจอาณาบริเวณรอบทะเลสาบแล้ว จางเซวียนก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีสิงสาราสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ภายในโอเอซิส ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งอื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีเงื่อนงำใดๆให้ค้นหา จางเซวียนก็เดินตรงไปยังทะเลสาบและวักน้ำขึ้นมาดื่มเหมือนกับที่ชายวัยกลางคนและนักรบอีก 3 คนทำไปก่อนหน้านี้

“ผู้อาวุโส ระวังด้วย!”

เห็นจางเซวียนวักน้ำขึ้นมา ทุกคนแทบกระโดดด้วยความพรั่นพรึง

“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” จางเซวียนยิ้มให้ความมั่นใจกับคนเหล่านั้น

ขนาดเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดก็ยังแผดเผาร่างกายของเขาไม่ได้ จึงไม่มีทางที่เปลวเพลิงระดับนี้จะทำอันตรายเขาได้เลย

จางเซวียนมองดูน้ำใสที่เขาวักใส่มือ จากนั้นก็ใช้ทั้งดวงตาหยั่งรู้และการรับรู้จิตวิญญาณตรวจสอบมัน แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ด้วยความงุนงง จึงได้แต่จิบน้ำเข้าไป 1 อึก

“ผู้อาวุโส!”

“ระวังตัวด้วยนะ!”

คนที่เหลือพากันหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึงหลังจากเห็นภาพอันน่าทึ่งอยู่ตรงหน้า

ชายวัยกลางคนเพิ่งเสียชีวิตไปหมาดๆหลังจากดื่มน้ำนั้น แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรหากเกิดเหตุแบบเดียวกันกับผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้า?