ตอนที่ 588 ของไม่คุ้นตา

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 588

ของไม่คุ้นตา

“นายท่าน…”เมื่อยามรุ่งเช้ามาถึง หลินเฟยก็มารอชุนเจ๋ออยู่ที่หน้าร้านตามที่ชุนเจ๋อสั่งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานพร้อมเตรียมตัวตามที่ชุนเจ๋อบอกจริงๆ เครื่องแบบวันนี้ของหลินเฟยดูหรูหรากว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า นอกจากเสื้อผ้าแล้วหลินเฟยยังต้องสวมเครื่องประดับที่มีตราสัญลักษณ์ของร้านตระกูลชุนอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพราะการเข้าพบขุนนางชั้นผู้ใหญ่นั้นต้องทำตัวให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

“นี่มันอะไรงั้นหรือ”ชุนเจ๋อถามพลางมองหนังสือเล่มหนึ่งที่หลินเฟยยื่นมาให้ เนื้อกระดาษและรูปแบบของเล่มแปลกตามากสำหรับชุนเจ๋อทำเอามันดูสะดุดตาไม่น้อยเลย

“เมื่อวานนี้ท่านเสียตำราไปเล่มหนึ่งเพื่อช่วยเหลือข้า หวังว่าตำราเล่มนี้ชดเชยให้ท่านได้”หลินเฟยตอบพลางมอบตำราเล่มนั้นให้ชุนเจ๋อ ตำราเล่มนี้เป็นหนึ่งในวิชาที่หลินเฟยจดจำมาจากอาณาจักรไป๋ แถมหลินเฟยยังนั่งเขียนเนื้อหาในตำราตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาลงบนกระดาษที่ซื้อมาก่อนจะออกจากอาณาจักรไป๋อีกต่างหาก

“เจ้ามีของแบบนี้ด้วยงั้นหรือ”ชุนเจ๋อถามด้วยท่าทีสงสัย ตัวหลินเฟยที่มาขอทำงานกับมันนั้นแทบไม่มีสมบัติติดตัวมาเลย เท่าที่มันจำได้ก็ไม่เคยเห็นหลินเฟยพกตำราเล่มนี้ติดตัวมาด้วยนี่นา

“นี่เป็นวิชาที่ตระกูลของข้าเก็บรักษาเอาไว้มาตั้งแต่รุ่นของทวดขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา จะให้บอกได้อย่างไรว่ามันพึ่งนั่งคัดลอกเมื่อวานนี้เอง แต่เรื่องวิชานี้รักษามาตั้งแต่รุ่นทวดก็เป็นความจริงเพราะวิชาที่มันคัดลอกมาให้เป็นวิชาที่อยู่ในชั้นตำราของวังมังกรแห่งเมืองร้อยแปดอสูรหรือก็คือเมืองของกลุ่มนักล่าอสูรนั่นเอง

“แต่มัน…ดูใหม่จังเลยนะ”ชุนเจ๋อตอบด้วยท่าทีงงๆ ในฐานะพ่อค้าตัวมันย่อมมองสินค้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่มีทางที่ตำรากระดาษจะเก็บรักษาผ่านกาลเวลา 4 รุ่นได้โดยเนื้อกระดาษไม่สึกหรอแม้แต่น้อยได้หรอกต่อให้เก็บเอาไว้ในแหวนมิติหรือมิติของยอดฝีมือก็ตาม เพราะในมิติสำหรับเก็บของนั้นเวลาก็ยังผ่านไปเป็นปกติอยู่ดี

“จริงๆแล้วเล่มเก่ามันย่ำแย่มากแล้วขอรับ เล่มนั้นก็เลยเป็นเล่มที่พึ่งคัดลอกใหม่”หลินเฟยตอบออกไปโดยใช้ความจริงเพียงครึ่งเดียวเช่นเดิม เล่มเก่าที่เมืองร้อยแปดอสูรก็เก่ามากจริงๆอย่างที่หลินเฟยบอก แล้วเล่มที่พึ่งส่งให้ชุนเจ๋อไปก็เป็นเล่มคัดลอกใหม่จริงๆนี่นา

“อย่างนั้นหรือ งั้นข้าจะเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยนำมันไปให้เจ้าสำนักข้างๆตีราคาก็แล้วกัน”ชุนเจ๋อตอบพลางเก็บตำราของหลินเฟยเข้าแหวนมิติ น่าเสียดายชุนเจ๋อแม้มีพลังวิญญาณอยู่บ้างแต่ไม่ได้แตกฉานเรื่องวิชาฝีมือ ตัวมันไม่สามารถตีราคาตำรายุทธได้

“ขอรับ”หลินเฟยยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ อย่างน้อยมันก็ได้ตอบแทนแล้ว แถมตำราที่หลินเฟยให้ไปยังเป็นวิชาที่สูงกว่าวิชาที่ยกให้จงเถ่าไปเสียอีก

“ว่าแต่ เจ้าแต่งชุดไหนก็ขึ้นจริงๆนะ สมแล้วที่ข้าคาดหวังว่าเจ้าจะเป็นหน้าเป็นตาให้ร้านเราได้”ชุนเจ๋อว่าพลางมองหลินเฟยในเครื่องแบบเต็มยศของร้านด้วยท่าทีชื่นชม คิดถูกจริงๆที่ให้ไป๋ฟานเลือกเครื่องประดับให้ แม้จะเป็นเครื่องประดับของผู้ชายและเสื้อผ้าของผู้ชาย แต่ก็ขับความงามของหลินเฟยออกมาได้มากทีเดียว แบบนี้ยิ้มดูไม่เหมือนผู้ชายเข้าไปใหญ่

“นายท่านถูกใจก็ดีแล้วขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ในเมื่อเป็นชุดทางการของร้านก็ช่วยไม่ได้ละนะ

“แน่นอน และข้าก็เชื่อด้วยว่าท่านจิ๋นจี้หลงต้องชอบแน่ๆ”ชุนเจ๋อยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะพาหลินเฟยขึ้นรถม้าเดินทางไปยังบ้านตระกูลจิ๋นทันที

.

.

“ท่านพี่ ทำไมทำหน้าหงอยแบบนั้นล่ะเจ้าคะ”ชุนชิงบุตรสาวของชุนเจ๋อถามขึ้นหลังจากเห็นพี่ชายของตัวเองนั่งเบื่อๆอยู่ที่ร้านชั้นแรก

“วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะนี่นา”ชุนถังตอบพลางเหลือบมองไปยังหน้าร้านด้วยท่าทีเบื่อๆ

“วันนี้ลูกค้าเยอะกว่าปกตินะเจ้าคะคุณชาย”พนักงานสาวคนหนึ่งตอบด้วยท่าทีงงๆ เพราะเมื่อวานปิดร้านช่วงเช้าเพราะเรื่องของจงเถ่า ทำให้ลูกค้าที่มาช่วงปิดร้านกลับมาซื้อใหม่ในวันนี้ ทำให้ลูกค้าในช่วงเช้ามีมากกว่าวันอื่นๆเสียอีกทำไมคุณชายถึงยังบอกว่าลูกค้าน้อยอีก

“ไม่ใช่ว่าเบื่อเพราะไม่ได้พบหน้าน้องหลินเฟยหรอกหรือ”ไป๋ฟานถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีรู้ทัน

“อะไรกัน นี่ท่านถูกใจพี่หลินเฟยเข้าแล้วหรือ”ชุนชิงถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีทะเล้น ปกติพี่ชายของนางไม่ค่อยสนใจสาวๆเท่าไหร่ อย่างพนักงานในร้านเองก็มีแต่สาวงามทั้งนั้นนี่

“เปล่าเสียหน่อย…”ชุนถังตอบพลางหลบสายตาไปทางอื่นๆ ทำเอาสาวๆต่างมองกันด้วยสายตารู้ทัน ร้อยวันพันปีชุนถังไม่เคยเฝ้าร้าน พอหลินเฟยมาถึงกับมาเฝ้าสามวันติดแล้วพวกนางจะคิดไปทางอื่นได้อย่างไร

“พี่ไป๋ฟาน นี่ชุดของพี่หลินเฟยงั้นหรือ”ชุนชิงถามพลางเดินเข้าไปหลังร้าน เพราะหลินเฟยต้องแต่งเครื่องแบบทางการของร้านก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปทำให้ที่หลังร้านมีเสื้อผ้าที่หลินเฟยถอดทิ้งเอาไว้ด้วยเช่นกัน

“น้องชิง อย่าไปเล่นของๆคนอื่นสิ”ชุนถังได้ยินว่าน้องสาวไปยุ่มย่ามกับเสื้อผ้าของหลินเฟยก็รีบลุกไปห้ามทันที ทำแบบนั้นมันเสียมารยาทไม่ใช่หรืออย่างไร

“อะไรกัน ท่านพี่ก็สนใจงั้นหรือ”ชุนชิงถามพลางนำเสื้อผ้าของหลินเฟยขึ้นมาดู แม้จะแค่หยิบขึ้นมาเฉยๆชุนชิงยังได้กลิ่นหอมจางๆลอยออกมาเลย แสดงว่าเครื่องหอมที่หลินเฟยใช้ต้องเป็นเครื่องหอมชั้นดีแน่ๆ

“ข้าไม่ได้….”ชุนถังยังไม่ทันปฏิเสธจบสายตาของมันก็เหลือบไปเห็นสร้อยคอที่วางเอาไว้ใกล้ๆกับชุดของหลินเฟย หากจำไม่ผิดสร้อยคอเส้นนั้นเป็นสร้อยคอที่หลินเฟยสวมเอาไว้ตลอดเวลาสินะ แต่เพราะต้องสวมเครื่องประดับที่ไป๋ฟานหามาก็เลยต้องถอดสร้อยเอาไว้ด้วยนี่เอง

“ที่ท่านพ่อบอกว่าจริงๆพี่หลินเฟยอยู่ในตระกูลใหญ่ก็จริงนะสิ”ชุนชิงพูดพลางมองสร้อยคอของหลินเฟยด้วยท่าทีสนใจ สร้อยคอที่ชิวซุยให้หลินเฟยมานั้นเป็นสร้อยคอเรียบๆก็จริง แต่ตัวเนื้อวัสดุที่ใช้ย่อมเป็นของที่หาได้จากเขตอสูรผาไร้ก้น สิ่งนี้นับเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่หลินเฟยเหลือมาจากตระกูลไป๋ในระหว่างลงโทษ 10 ปีเลยทีเดียว

“นี่มันโลหะอะไรกัน”ชุนชิงขมวดคิ้วพลางเลื่อนมือไปหมายจะจับสร้อยคอของหลินเฟยขึ้นมาดู อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของชุนเจ๋อ นางเคยเห็นวัสดุแปลกตามามากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นวัสดุที่ใช้ทำสร้อยคอชิ้นนี้เลย

“น้องชิง ข้าว่าอย่า….”ชุนถังยื่นมือไปห้ามน้องสาว แต่มือของมันดันไปชนมือของน้องสาวเข้าพอดีทำให้มือของชุนชิงปัดไปโดนสร้อยคอของหลินเฟยเข้า แม้จะไม่แรงพอจะทำให้สร้อยคอร่วงลงพื้นแต่ไม่ทราบเพราะความพอเหมาะพอเจาะเกินไปหรือไม่นิ้วมือของชุนชิงกลับปัดไปโดนตัวล็อกของสร้อยคอเข้าพอดี ทำให้ตรงส่วนจี้เปิดออกต่อหน้าสองพี่น้องเข้าให้

“……………….” แน่นอนอยู่แล้วว่าภายในสร้อยคอนั้นย่อมเป็นรูปของชิวซุยน้องสาวของหลินเฟยนั่นเอง เพียงแต่หลินเฟยไม่เคยบอกว่ามีน้องสาว ถึงต่อให้บอกพี่น้องชุนและพนักงานอีก 3 คนที่เหลือก็คงไม่คิดหรอกว่าน้องสาวของหลินเฟยจะมีใบหน้าเหมือนหลินเฟยราวกับแกะเช่นนี้

“คุณชายหน้าแดงแล้วนะเจ้าคะ”ไป๋ฟานว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นรูปของชิวซุยคนในห้องต่างก็ไม่มีใครคิดเลยว่านั่นคือน้องสาวของหลินเฟย ทุกคนต่างเข้าใจตรงกันว่านั้นคือรูปของตัวหลินเฟยเอง แถมยังเป็นรูปตอนใส่เสื้อผ้าผู้หญิงอีกต่างหาก ภาพเช่นนั้นทำเอาทุกคนต่างปักธงเชื่อทันทีว่าหลินเฟยแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน แถมคนที่อาการหนักที่สุดเกรงว่าจะเป็นชุนถังเสียแล้ว

“พะ พวกเจ้าอย่าเสียมารยาทแอบดูของคนอื่นแบบนี้สิ”โดนไป๋ฟานทักเข้าให้ทำเอาชุนถังเขินหนักจนหาเรื่องต่อว่าพวกนางเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าพวกนางต่างพากันยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยท่าทีชอบใจก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานโดยไม่มีใครสะดุดใจเรื่องรูปถ่ายเลยแม้แต่น้อยทั้งๆที่รูปถ่ายเช่นนี้ไม่ควรมีในอาณาจักรซานที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเก็บรูปภาพเช่นนี้เสียด้วยซ้ำ

.

.

.

“ยินดีต้อนรับขอรับ”ขณะเดียวกันรถม้าของหลินเฟยและชุนเจ๋อก็เดินทางมาถึงบ้านของตระกูลจิ๋นแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของขุนนางขนาดแท้ พื้นที่กว้างใหญ่พร้อมอาคารหรูหราและบ่าวรับใช้ที่ออกมาต้อนรับอย่างรู้งาน

“ท่านชุนเจ๋อ นายท่านกำลังรออยู่เลยขอรับ…”พ่อบ้านของจิ๋นจี้หลงพูดพลางเดินเข้ามาต้อนรับชุนเจ๋ออย่างนอบน้อม มันหันไปมองหลินเฟยครู่หนึ่งแต่เมื่อเห็นว่าหลินเฟยสวมเครื่องแบบของร้านตระกูลชุนก็ไม่ได้กล่าวถามอะไรเพราะเห็นได้ชัดว่าหลินเฟยมากับชุนเจ๋อนั่นเอง

“พ่อบ้านหมง นำทางเถอะ”ชุนเจ๋อยิ้มพลางเดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยท่าทียิ้มแย้ม ท่วงท่าของมันนั้นนอบน้อมแต่ก็ไม่ได้อ่อนจนเกินไป แม้จะมาเข้าพบขุนนางใหญ่แต่ชุนเจ๋อก็ยังถือเป็นพ่อค้ามีชื่อเสียงสามารถประชันหน้ากับขุนนางเหล่านี้ได้ไม่ยาก

“มาแล้วหรือท่านชุนเจ๋อ”เมื่อพ่อบ้านหมงนำทางพวกชุนเจ๋อมาในตัวบ้าน สถานที่ที่พ่อบ้านหมงพามานั้นกลับไม่ใช่ห้องทำงานหรือห้องรับแขก แต่เป็นลานกว้างที่ตั้งอยู่ทิศเหนือของบ้านแทนเสียอย่างนั้น แต่พ่อบ้านหมงก็คงไม่ได้พามาผิดที่แต่อย่างไร เพราะที่ข้างๆลานกว้างนั้นมีชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบหรูหรานั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนอย่างดีนั่งรออยู่ เกรงว่าจะเป็นขุนนางใหญ่อย่างท่านจิ๋นจี้หลงนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ท่านมานั่งในส่วนของลานกว้างนั้นก็เพราะ…

เปรี้ยง!!

ตูม..!!

คำทักทายของจิ๋นจี้หลงนั้นแทบจะโดนเสียงการต่อสู้ของชายหนุ่ม 2 คนกลบจนมิด ชายคนหนึ่งกำลังใช้พลองยาวโจมตีใส่ชายอีกคนที่กำลังหมัดที่ทรงพลังโจมตีใส่อย่างดุดัน ท่าทางพวกมันจะเป็นยอดฝีมือของอาณาจักรซานกระมังเพราะทั้งสองต่างมีพลังอยู่ระดับเสินเซียนทั้งคู่

“ท่านจิ๋นจี้หลงยังชมชอบการต่อสู้เช่นเคยนะขอรับ”ชุนเจ๋อประสานมือคารวะจิ๋นจี้หลงอย่างนอบน้อมพลางเหลือบมองการต่อสู้ของทั้งสองด้วยท่าทีชื่นชม สำหรับชุนเจ๋อแล้วทั้งสองต่างเป็นยอดฝีมือที่เหนือมนุษย์กันทั้งคู่ แต่น่าเสียดายในสายตาหลินเฟยทั้งสองต่างเป็นนักสู้ธรรมดาเท่านั้น

“ฮะๆ ท่านชุนเจ๋อก็ทราบงานอดิเรกของข้าดีไม่ใช่หรือ ของที่ข้าสั่งท่านมาวันนี้ก็ว่าจะนำมาเป็นของรางวัลให้แก่ผู้ชนะในงานประลองครั้งนี้เหมือนกัน”จิ๋นจี้หลงพูดพลางเชิญให้ชุนเจ๋อนั่งลงข้างๆ แน่นอนว่าหลินเฟยนั้นต้องยืนรออยู่ข้างหลังชุนเจ๋อด้วยท่าทีนอบน้อมเพราะตอนนี้ตนเป็นบ่าวของชุนเจ๋อนั่นเอง

“เช่นนั้นผู้ชนะต้องดีใจแน่ๆ”ชุนเจ๋อยิ้มพลางส่งสัญญาณให้หลินเฟย เมื่อได้รับสัญญาณหลินเฟยก็ถือกล่องไม้ที่ชุนเจ๋อส่งให้ตั้งแต่บนรถเดินเข้ามาที่โต๊ะก่อนจะวางกล่องไม้ลงด้วยท่าทีทะนุถนอมราวกับของในกล่องไม้นั้นเป็นสิ่งล้ำค่าหาใดเปรียบเลยทีเดียว

“เยี่ยมยอด”ทันทีที่เปิดกล่องไม้ออกมาจิ๋นจี้หลงก็ยิ้มด้วยท่าทีพึงพอใจ ภายในกล่องไม้นั้นคือแร่หายากชนิดหนึ่ง หากใช้มันคงสามารถสร้างอาวุธวิเศษดีๆได้แน่

“ว่าไงท่านทั้งสอง คิดว่าสมบัติชิ้นนี้เหมาะจะเป็นของรางวัลหรือไม่”จิ๋นจี้หลงถามพลางมองไปทางชายหนุ่มอีก 2 คนที่กำลังประลองกันอยู่ จิ๋นจี้หลงที่เป็นขุนนางใหญ่ท่านนี้กลับเรียกทั้งคู่ว่าท่านเกรงว่าพวกมันจะไม่ใช่ทหารของจิ๋นจี้หลงเสียแล้ว

“ก้อนหินนั่นทำไมหรือ มันกินได้หรือยังไง”ชายที่ใช้หมัดถามพลางเดินเข้ามาด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางชายท่านนี้จะไม่รู้จักแร่หายากเสียเท่าไหร่

“หลินเฟย..”ชุนเจ๋อพูดพลางส่งสายตามาทางหลินเฟย ท่าทางผู้ที่ต้องอธิบายให้ชายผู้นี้เข้าใจต้องเป็นหลินเฟยสินะ