เมื่อรู้สึกว่าเริ่มสายแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นว่า “เราลุกขึ้นกันเถอะ ถ้าท่านแม่ให้พี่ใหญ่มาปลุก แล้วเห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน เจ้าโดนต่อยแน่ๆ อย่าลืมว่าพี่ใหญ่ไม่ได้คุยง่ายเหมือนพี่รองนะ”
หวงฝู่อี้เซวียนรู้จักเมิ่งเสียนดี เขาเป็นคนในกรอบ หากเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่กับเขา เดาไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเขาจะทำอะไร จึงพยักหน้า ลุกนั่งขึ้น
เมื่อเห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา เรื่องเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง แก้มของเมิ่งเชี่ยนโยวร้อนผ่าว จึงใช้ผ้าห่มห่มหัวตัวเองไว้ พูดเสียงอู้อี้ว่า “ใส่เสื้อให้เรียบร้อย”
เมื่อหวงฝู่อี้เซวียนรู้ว่ากิริยาเมื่อครู่ของนางคือความเขินอาย ก็จงใจยื่นหน้าไปใกล้หัวนางหัวเราะเย้าแหย่ว่า “เมื่อคืนก็เห็นหมดแล้ว เพิ่งมาอายตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยหรือ”
“ไปให้พ้นเลย” เมิ่งเชี่ยนโยวตะคอก
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ ไม่แกล้งนางต่อ ลุกขึ้นและเก็บเสื้อที่อยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ทีละชิ้นสองชิ้น
เมื่อใส่เสร็จแล้ว จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าใส่เสร็จแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ แง้มผ้าห่มออกมา ปรากฏดวงตาทั้งคู่ เมื่อเห็นว่าเขาใส่เสร็จแล้วจริงๆ ค่อยโล่งใจ และพูดขึ้นว่า “เจ้าหันหลังไป ข้าจะใส่เสื้อผ้า”
หวงฝู่อี้เซวียนหันหลังไปอย่างว่าง่าย เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกนั่งขึ้น ใส่เสื้อผ้าอย่างรีบเร่ง แล้วจึงบอกว่า “เสร็จแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนหันกลับมา มองนางพลางยิ้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากเตียง ใส่รองเท้า พับผ้าห่ม ล้างหน้าแต่งตัวเสร็จ เดินกลับไปข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน ถามขึ้นว่า “มีตรงไหนผิดปกติหรือไม่”
สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของนาง เมื่อได้ยินนางถาม จึงยิ้มแล้วพยักหน้า “ไม่มี”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยสบายใจ เดินไปข้างประตูแล้วเปิดมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าในเรือนเงียบสงบ ไม่มีคน หันกลับไปพูดว่า “ข้าไปก่อนนะ อีกสักพักเจ้าค่อยออกมา”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มพลางพยักหน้า เมื่อเห็นนางเดินออกไปท่าทางประหนึ่งโจร ก็ส่ายหัวยิ้ม จากนั้นจึงล้างหน้าเช็ดหน้าเช็ดตาตนเองแล้วจึงเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินกลับไปที่เรือนหน้าบ้านทันที บังเอิญตรงกับที่เมิ่งซื่อเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จเดินออกมาจากครัว เห็นนางเดินเข้ามาจากด้านหลังก็แปลกใจ ถามว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าไปดูแลลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเดินมาจากหลังบ้านล่ะ”
สีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวแดงขึ้นเล็กน้อย ตอบอย่างรู้สึกผิดว่า “อ๋อ เมื่อเช้าข้าไปฝึกวิชาแล้วก็กลับมาน่ะเจ้าค่ะ เห็นแม่วุ่นๆ กับการทำกับข้าว ไม่ได้ทักทาย ก็เลยตรงไปที่เรือนหลังของอี้เซวียนเลย”
เมิ่งซื่อเชื่อนาง ถามขึ้นว่า “อี้เซวียนตื่นหรือยัง แม่กำลังจะให้พี่ใหญ่ไปเรียกอยู่เลย”
“ลูกเรียกเขาแล้ว อีกสักครู่ก็คงมาเจ้าค่ะ ลูกไม่ทานมื้อเช้าที่บ้านนะ จะกลับไปดูแลลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกเลย”
คิดได้ว่าเมิ่งฉีคงจะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว จึงตอบว่า “ไปเถอะ ช่วยดูแลสองแม่ลูกคู่นั้นหน่อย วันนี้วันชิวสี่ เราทั้งบ้านจะไปบ้านคุณยายเพื่อคารวะปีใหม่นะ”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ รีบเดินออกจากบ้านไป
เมื่อถึงห้องพักฟื้นของจางลี่สองแม่ลูก เมิ่งฉีก็ส่งบ่าวหญิงมาเชิญนางไปทานข้าวกับพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ หลังจากส่งสายตาค่อยยังชั่วให้ชิงหลวนและจูหลี แล้วจึงตามบ่าวหญิงไปห้องทานข้าว
ชิงหลวนและจูหลีหัวเราะ
หลังจากทานข้าวกลับมา เปลี่ยนเป็นชิงหลวนกับจูหลีไปทาน พอดีกับที่จางลี่สองแม่ลูกตื่น หลังจากถามไถ่ไปว่ามีตรงไหนไม่สบายหรือไม่ เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งบ่าวหญิงให้นำข้าวต้มเข้ามา พูดขึ้นว่า “บาดแผลพวกเจ้าดีขึ้นเรื่อยๆ จากวันนี้ไป กินข้าวต้มหน่อยแล้วกันนะ”
จางลี่สองแม่ลูกเชื่อฟังคำพูดของนาง ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวป้อนแม่ลูกเสร็จ หัวเราะพูดขึ้นว่า “เพิ่งเริ่มทานครั้งแรก อย่าทานเยอะเกินเลย เดี๋ยวข้าจะสั่งบ่าวใช้อุ่นข้าวต้มไว้บนเตา เมื่อไหร่ที่รู้สึกหิว ก็จะให้ชิงหลวนและจูหลีป้อนพวกเจ้านะ วันนี้ข้าต้องไปเยี่ยมคุณยายเพื่อคารวะปีใหม่ อยู่ดูแลพวกเจ้าไม่ได้น่ะ”
“พี่เมิ่งเอ๋อร์มีธุระอันใดก็ไปทำเถอะ เราสองแม่ลูกทำเอาพี่ลำบากเยอะเลย” จางลี่พูดอย่างรู้สึกผิด
รอยยิ้มบนหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพลันหายไป ทำหน้าเคร่งตำหนินาง “เป็นเรื่องสมควรที่ข้าต้องดูแลพวกเจ้า หากต่อไปเจ้ายังพูดเช่นนี้ พี่โยวเอ๋อร์จะโกรธจริงๆ แล้วนะ”
จางลี่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงอ่อนโยนของเสี่ยวเอ๋อร์ดังขึ้น “โกรธแล้วจะแก่เร็วนะขอรับ แก่แล้วก็จะไม่สวย กูกูอย่าโกรธเลยขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา หยิกแก้มน้อยๆ ที่ไม่มีบาดแผลของเขา “เจ้าเด็กจอมแก่น!”
เสี่ยวเอ๋อร์ยิ้มกว้าง
ชิงหลวนและจูหลีกลับมา เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้พวกเขาอยู่นี่ดูแลจางลี่สองแม่ลูก แล้วกำชับอีกครั้ง บอกว่าตอนบ่ายตนจะรีบกลับมา แล้วจึงกลับบ้านไปพร้อมเมิ่งฉี
หวังเยียนอยู่บ้านดูแลลูก ไม่ได้ตามไปด้วย
หลังจากที่บ้านทานมื้อเช้ากันแล้ว เมิ่งซื่อก็กำลังเตรียมของกลับบ้านแม่ เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา ก็สั่งให้เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีไปจูงรถม้ามา แล้วนำสิ่งของขึ้นไปวางในรถม้าก่อน
ทั้งสองขานรับ เดินไปหลังบ้านจูงรถม้า เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนเชี่ยนช่วยเมิ่งซื่อนำของออกไปข้างนอก แล้วได้ยินเสียงกีบม้าวิ่งมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนตัวตรง หรี่ตา จ้องไปที่ม้าสองตัวที่กำลังทะยานมาทางบ้านของตน จนเมื่อถึงหน้าบ้าน ทั้งสองบนหลังอานม้าถึงดึงบังเ**ยนเพื่อหยุดม้า กระโดดลง คนหนึ่งประสานมือขึ้น ถามอย่างสุภาพว่า “แม่นางเมิ่ง ซื่อจื่อล่ะขอรับ”
เมื่อเห็นเขาแต่งตัวอย่างหลงเว่ย เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นว่า “ตามข้ามา”
หลงเว่ยทิ้งบังเ**ยน เดินตามเมิ่งเชี่ยนโยวไปหลังเรือนหลัง
ส่วนข้าราชบริพารที่ยืนอยู่ก็ก้มลงเก็บบังเ**ยนขึ้นมา ยืนรออยู่หน้าประตูอย่างเป็นระเบียบ
เมิ่งซื่อและซุนเชี่ยนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าควรเชิญข้าราชบริพารเข้าไปหรือไม่
หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนทานข้าวเช้าแล้ว ก็กลับไปที่เรือนของตน นั่งเงียบๆ บนเตียง คิดพลางว่ากลับไปแล้วจะสืบสวนเฮ่อจางอย่างไรดี
เมิ่งเชี่ยนโยวพาหลงเว่ยเข้าไปถึงเรือน เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าทันที เขาไม่ได้ขยับตัว เพียงพูดขึ้นว่า “เข้ามาเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินนำเข้าไป หลงเว่ยตามติดมา เมื่อเห็นหวงฝู่อี้เซวียน ก็ประสานมือคารวะ พูดว่า “ซื่อจื่อ เกิดเรื่องแล้วขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว ถามเสียงขรึมว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เมื่อคืนนี้ทั้งบ้านหวังเต๋อเซิ่งและบ่าวใช้ยี่สิบกว่านายตายในคุกกันหมดขอรับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้นทันที ถามอย่างดุดันว่า “เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าหลงเว่ยกำลังทำอะไรกันอยู่”
สีหน้าหลงเว่ยก็แสดงความคลาดแคลง “ข้าน้อยรอจนกว่าอีกคนมาผลัดเวร ไม่เห็นมีใครเข้าไปในห้องขัง ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดพวกเขาถึงตายอย่างไร้สาเหตุขอรับ”
“ไป กลับเข้าตัวอำเภอ” หวงฝู่อี้เซวียนรีบพูดขึ้นทันที พูดจบก็เดินก้าวยาวออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลัง “ข้าไปกับพวกเจ้า เจ้าไปจูงม้า ข้าไปเรียกทหารองครักษ์สองสามนายตามไปด้วย”
เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่โต หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ปฏิเสธ เดินไปหลังบ้านจูงม้าสองตัวมา
ทหารองครักษ์สามนายได้รับคำสั่งจากเมิ่งเชี่ยนโยว ก็รีบไปหลังบ้านจูงม้าออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบกลับไปเรือนหน้า บอกเมิ่งซื่อว่าหวงฝู่อี้เซวียนมีธุระด่วนต้องรีบไปตัวอำเภอ นางจะตามไปช่วยด้วย วันนี้ไม่ไปคารวะปีใหม่ที่หมู่บ้านหลี่แล้ว นางจะไปด้วยตนเองอีกทีเมื่อมีเวลาว่าง
เมื่อเห็นสีหน้าเร่งรีบของนาง เมิ่งซื่อก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ พยักหน้า กำชับนางว่า “เจ้ากับอี้เซวียนระวังตัวด้วยนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับ เดินออกจากประตูใหญ่ไป อี้เซวียนนั่งรออยู่บนม้าแล้ว นางจึงขึ้นควบม้า สะบัดบังเ**ยน ทั้งสองก็ทะยานออกตัวมุ่งไปทางตัวอำเภอ
คนที่เหลือก็ตามหลังมาติดๆ
ในใจทั้งสองร้อนรน สะบัดบังเ**ยนเร่งให้ม้าทะยานไปข้างหน้า จนชั่วโมงยามผ่านไป ก็ถึงคุกของตัวอำเภอ
ข้าราชบริพารและผู้คุมขังเฝ้าคุกกันอย่างแน่นหนา ตัวเมืองอำเภอที่เหงื่อตกอยู่กำลังรออยู่นอกคุก เมื่อเห็นหวงฝู่อี้เซวียนลงจากม้า รีบเดินเข้าไปรายงานว่า “ซื่อจื่อ…”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้สนใจเขา เดินตรงเข้าไปในคุกทันที เมิ่งเชี่ยนโยวตามหลังไป หวงเว่ยและทหารองครักษ์ก็เดินตามเข้าไป
เหงื่อบนใบหน้าตัวเมืองอำเภอผุดออกมา เดินตามหลังไปด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ
ทั้งขบวนเดินไปถึงหน้าห้องขังของหวังเต๋อเซิ่งทั้งครอบครัว เห็นศพทั้งหมดนอนเรียงรายอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าหลังจากตายแล้วไม่มีใครดิ้นขยับ ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
ห้องขังถูกเปิดออก ข้าราชบริพารสองสามนายยืนเฝ้าหน้าประตู
หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไปในห้องขัง หยุดดูและตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ข้างๆ ร่างของหวังเต๋อเซิ่ง เห็นร่างเขาไม่มีบาดแผล สีหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีความทรมานใดๆ เหมือนนอนหลับไปอย่างนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินเข้าไปในห้องขัง คุกเข่าลงตรวจดูอย่างละเอียด หลังจากตรวจดูทั้งหมดแล้ว นางก็ลุกขึ้น พูดว่า “ตายเพราะยาพิษ”