ณ เขตภูเขาเคจเมาเธ่น ชายแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรดอว์น
ยิ่งเดินลึกเข้าไปในเขา หนทางก็ยิ่งเดินได้ยากลำบากขึ้น ทุกที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวกันไปมา พุ่มไม้หนาๆ ซ้อนตัวเป็นชั้นๆ มีแต่ต้องมองผ่านรอยแยกระหว่างพุ่มไม้ขึ้นไปถึงจะมองเห็นทองฟ้าสีเทาหม่นๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้อาซีม่ารู้สึกอุ่นใจนั่นคืออย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเดินลุยหิมะที่หนาขึ้นมาจนถึงหัวเข่า ที่นี่ได้รับผลกระทบจากเดือนแห่งปีศาจน้อยมาก แล้วก็ไม่ได้มีหิมะปกคลุมเหมือนอย่างเทือกเขาสิ้นวิถีด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงต้องรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วค่อยกลับมาใหม่แน่
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเดินเลาะไปบนภูเขาได้ง่ายๆ
ในตอนที่ืยืนอยู่ตรงตีนเขา ภูเขาเคจเมาเธ่นนั้นเป็นเหมือนเนินที่ไม่ได้สูงชันอะไรนัก แต่หลังจากที่ได้เข้ามาจริงๆ เธอกลับพบว่าข้างในภูเขานั้นไม่มีทางเล็กๆ ให้เดินเลย เรียกได้ว่าไม่เหมาะกับกลุ่มเดินทางขนาดใหญ่ที่จะเดินผ่านเข้าไป วันแรกที่ขึ้นเขาไปพวกเธอเดินทางไปไม่ถึง 1 กิโลเมตรก็มีคนบาดเจ็บไปแล้ว 3 คน ในขณะที่ไม่รู้จะทำเช่นไร ฌอนที่เป็นองครักษ์ของราชาจึงต้องให้กองทัพตั้งค่ายพักอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ตรงตีนเขาก่อน ส่วนเขาก็เลือกเอามือดีออกมาเพื่อเดินทางต่อ
นาฟซึ่งเป็นคนนำทางในพื้นที่ โรสเซอร์ที่เป็นแม่มดอาญาสิทธิ์ มาลซึ่งเป็นผู้ประสานงานจากตระกูลโทคัต บวกกับเธอแล้วก็ฌอนรวมกันกลายเป็นทีมสำรวจแปลกประหลาด
ไม่แปลกประหลาดก็บ้าแล้ว!
แม่มดอาญาสิทธิ์บอกว่าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเธอ เพราะว่าเธอต้องเดินทางกับผู้ชายทั้งวัน คงมีหลายๆ เรื่องที่จัดการไม่สะดวก แต่อาซีม่ามั่นใจอย่างมากว่าขอเพียงเธอพยายามคิดหนี อีกฝ่ายจะต้องหักขาทั้งสองข้างของเธอทันทีแน่
ถึงแม้มาล โทคัตจะเป็นผู้ประสานงานจากอาณาจักรดอว์นส่งมา แต่อยู่ในป่าในเขาแบบนี้จะมีอะไรให้ประสานงาน? แทนที่จะรออยู่ในหมู่บ้าน ก็ดึงดันที่จะตามขึ้นเขามาให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเป็นคนของตระกูลโทคัต แล้วก็ระหว่างทางได้ให้ความช่วยเหลือพวกเธอไม่น้อยจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะถูกฌอนจับยัดใส่กระสอบแล้วโยนลงเขาไปแล้ว
ตัวทีมสำรวจนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ทีมสำรวจเหมืองแร่ที่ ‘ดูไม่มีพิษมีภัย’ นี้เรียกได้ว่าติดอาวุธอยู่ทุกซอกทุกมุมในร่างกาย แม้แต่พลั่วก็ยังใช้เป็นอาวุธได้ ในเวลาที่เจอกับอัศวินกลุ่มอื่นเดินผ่านมา พวกเขาก็ตั้งท่าเหมือนพร้อมจะโจมตีอีกฝ่ายทุกเมื่อ ดูแล้วไม่เหมือนคนงานธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับล่างแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังหาอะไรอยู่ รวมไปถึงอาซีม่าด้วย ไม่ใช่ทั้งทองเงินแล้วก็ไม่ใช่ทองแดง ของสิ่งเดียวที่ใช้นำทางนั้นมีแค่เหรียญเล็กๆ ที่ทำมาจากอะไรก็ไม่รู้ในมือของเธอ
“เดี๋ยว…เดี๋ยวๆ” คนนำทางที่เดินอยู่ข้างหน้าชูมือขึ้นมาส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนหยุด “ระวัง ตรงนี้มีกับดัก!”
อาซีม่าได้ยินเสียงคลิกดังมาจากด้านหลังทันที เธอรู้ว่านั่นเป็นเสียงขึ้นนกพร้อมยิงของอาวุธปืน ในระยะเวลาเดือนกว่านี้ ฌอนได้เล่าเรื่องการรบที่เป็นตำนานของฝ่าบาทให้เธอฟังหลายครั้ง เธอเองก็พอจะรู้ถึงความสามารถในการต่อสู้ของทหารกลุ่มนี้บ้าง ความจริงแล้ว ถ้าเทียบกับโรสเซอร์ที่เป็นแม่มดเหมือนกับเธอ เธอพบว่าเธอชอบอยู่กับคนธรรมดามากกว่า
โรสเซอร์นั้นดูมีความสุขุมกว่ามาก แม้แต่ดาบเธอก็ไม่ได้ชักออกมา เธอเดินเข้าไปหาคนนำทางอย่างช้าๆ “โอ้? นี่มัน…กับดักหอกเหรอ?”
“ใช่ขอรับ” นาฟชี้ไปยังปลายยอดของต้นไม้ต้นหนึ่ง “มองเห็นไหมขอรับ หอกมันซ่อนอยู่ตรงนั้น ขอเพียงพวกเราเผลอไปเหยียบถูกกลไกเข้า เจ้าหอกพวกนั้นมันก็จะพุ่งมาแทงพวกเราจนพรุน!”
อาซีม่ามองตามนิ้วของเขาไป ก่อนจะเห็นท่อนไม้ปลายแหลม 3 – 4 ท่อนโผล่ออกมาพุ่มไม้ ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองพวกเธออยู่ ขอเพียงมันพุ่งลงมา ทั้งหัว คอและอวัยส่วนสำคัญๆ จะต้องถูกมันปักเข้าแน่ นี่ต้องไม่ใช่กับดักที่ทำขึ้นมาเพื่อล่าสัตว์แน่ หากแต่เป็นกับดักที่วางเอาไว้เพื่อเล่นงานคน
“กลไกอยู่ตรงไหน?” ฌอนถามเสียงเบา
“ท่านมองไม่เห็นพวกมันหรอกขอรับ” นาฟส่ายหัว “เถาวัลย์ที่อยู่ใต้เท้าพวกเราแต่ละเส้นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกับดักได้ทั้งนั้น นอกจากจะเอาไฟมาเผาที่ตรงนี้ให้ราบ ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะทำลายมันได้ขอรับ
“อย่างนั้นทำยังไง?” มาลถามขึ้นมา
“คงต้องเดินอ้อมเท่านั้น นายท่าน”
“ไม่ พวกเจ้าถอยไปก่อน” จู่ๆ โรสเซอร์ก็พูดขึ้นมา “ให้ข้าลองดูหน่อย”
“ท่านว่า…อะไรนะขอรับ?” นาฟมองไปยังแม่มดอาญาสิทธิ์อย่างประหลาดใจ “นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น…”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ อีกฝ่ายก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในพื้นที่กับดักแล้ว
พื้นหญ้าตรงนี้รกทึบอย่างมาก ถ้าไม่ตัดหญ้าทิ้ง ก็แทบจะมองพื้นที่อยู่ใต้เท้าไม่เห็นเลย โรสเซอร์เดินไปไม่ไกลเท่าไร อาซีม่าพลันได้ยินเสียง ‘ผึง’ ดังขึ้นมา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่ถูกดึงจนขาด จากนั้นบนพุ่มไม้ก็มีเสียง ‘ฟิ่วๆๆๆๆ’ คล้ายกับงูที่กำลังส่งเสียงขู่
เชือกที่ไม่รู้แอบซ่อนอยู่ตรงไหนดีดตัวขึ้นมาทันที หอกไม้ที่อยู่บนยอดไม้พุ่งออกมา! ขณะเดียวกัน โรสเซอร์ก็ชักดาบออกมา!
“เสร็จกัน…”คนนำทางหลับตาทันที เหมือนเขาไม่อาจทนดูจุดจบของผู้หญิงคนนี้ได้
แต่อาซีม่ากลับจ้องมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด
เธอเห็นแม่มดอาญาสิทธิ์เอาสองมือจับดาบ แล้วฟันไปยังหอกไม้ที่พุ่งมาเหมือนตบแมลงวัน! การปะทะอย่างรุนแรงทำให้หอกไม้แตกละเอียด แต่ท่าทางของเธอกลับดูสบายๆ เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย
กระทั่งเธอหยุดเคลื่อนไหว พื้นหญ้ารอบๆ ตัวเธอก็เต็มไปด้วยเศษซากของกับดัก
“กับดักถูกกำจัดแล้ว” โรสเซอร์เก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะหันมาพูดพร้อมยักไหล่ “พวกเราเดินทางต่อเถอะ”
หลังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นาฟก็ตกใจจนก้นกระแทกลงไปกับพื้น
…..
“อะฮ่า…ข้ารู้อยู่แล้วว่าทุกท่านต่างก็มีฝีมือไม่ธรรมดา สมแล้วที่เป็นคนจากเมืองหลวง!” หลังคนนำทางหายตกใจ เขาก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “โดยเฉพาะนักรบท่านนี้ ฝีมือดาบของท่านนี้เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ!”
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว” โรสเซอร์พูดตัดบท “เจ้าอธิบายมาดีกว่าว่าทำไมในเขาถึงได้มีกับดักแบบนี้? หอกไม้พวกนั้นมันแทบจะใช้กับสัตว์ป่าไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”
นี่ก็เป็นคำถามที่อาซีม่าอยากจะถามเหมือนกัน
“ถูกต้องขอรับ พวกมันเป็นกับดักที่ทำขึ้นมาใช้กับคน” นาฟตอบ “ยิ่งเดินเข้าไปในเขา กับดักก็จะยิ่งเยอะขึ้น ด้วยเหตุนี้เขานี้จึงมีอีกชื่อว่าเขาแห่งกับดัก ซึ่งกับดักพวกนี้เป็นกับดักที่เจ้าเมืองคนก่อนๆ ทำเอาไว้ จุดประสงค์ของพวกมันก็เพื่อป้องกันคนจากอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท”
“วูล์ฟฮาร์ท?” ฌอนพูดทวน
“ใช่ขอรับ เทือกเขาที่ลากยาวตั้งแต่ชายทะเลไปจนถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์เก่า ถือว่าเป็นเส้นแบ่งตามธรรมชาติของสองอาณาจักร เนื่องจากภูมิประเทศของอาณาจักรดอว์นอยู่ต่ำกว่า ทำให้เหมือนว่ามันถูกขังเอาไว้ในกรง ด้วยเหตุนี้ภูเขานี้จึงได้ชื่อว่าเคจเมาเธ่น” นาฟพูดอธิบาย “แต่ปัญหามันอยู่ที่ลักษณะของภูเขา ตอนที่ตรงตีนเขาพวกท่านก็น่าจะสังเกตเห็นแล้วว่าทางทิศใต้ของภูเขานั้นเป็นเหมือนเนิน ดูเผินๆ แล้วสูงชัน แต่เวลาเดินจริงๆ กลับเดินได้ง่ายมาก นี่จึงทำให้มีพวกโจร นายพรานกับผู้อพยพจากอาณาจักรเพื่อนบ้านข้ามภูเขาเข้ามายังอาณาจักรดอว์น ตอนแรกพวกเขาก็แค่มาหาของป่าในภูเขา แต่ภายหลังพวกเขาก็เริ่มเข้ามาปล้นในหมู่บ้านจนชาวบ้านเดือดร้อนไปหมด เจ้าเมืองนั้นปวดหัวอย่างมาก สุดท้ายเขาจึงคิดวิธีที่จะแก้ปัญหาแบบเด็ดขาดขึ้นมา นั่นคือทิ้งภูเขาแห่งนี้ไป”
“อย่างนี้นี่เอง…” มาล โทคัตเข้าใจทันที “ตรงชายแดนที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอเนี่ย”
“ท่านเจ้าเมืองย่อมไม่อยากให้ราชาทรงทราบเรื่องนี้” นาฟพูดต่อ “อีกอย่างพวกเราก็ไม่เหมือนพวกคนจนที่อยู่ฝั่งนั้น ถ้าไม่มีภูเขาพวกเขาก็อยู่ไม่ได้ แต่พวกเราแค่เปลี่ยนงานก็ได้แล้ว หลังภูเขาถูกปิดไป เจ้าเมืองก็ส่งคนมาปลูกหญ้ากับเถาวัลย์ที่โตเร็ว แล้วก็วางกับดักพวกนี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเคจเมาเธ่นกลายเป็นสภาพแบบนี้
อย่างนั้นพวกเจ้าก็เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นกรงจริงๆ ถึงแม้จะกันอีกฝ่ายได้ แต่มันก็กลายเป็นการขังตัวเองเอาไว้เหมือนกัน อาซีม่าคิดในใจ ถ้าหากเป็นฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันละก็ พระองค์ต้องไม่มีทางทำแบบนี้แน่ สายตาของเขาคนนั้นมักจะมองออกไปไกล แม้แต่ตอนที่มอบหมายภารกิจให้เธอ สายตาเขาก็ยังไม่หยุดอยู่บนตัวเธอเลย
ไม่สิ ทำไมตัวเองถึงมาคิดถึงเขาในเวลานี้ได้?
อาซีม่าส่ายหัว
ฝ่าบาทเป็นแค่นายจ้างเท่านั้น
รีบทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วกลับไปหาดอร์ริสต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่เธอควรทำ
….
แล้วก็เป็นอย่างที่คนนำทางว่าเอาไว้จริงๆ หลังจากนั้นพวกเธอก็ต้องเจอกับกับดักอีกมากมาย แต่มันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแม่มดอาญาสิทธิ์แม้แต่น้อย ในตอนที่ฟ้าเริ่มจะมืด อาซีม่าพลันมองเห็นลำแสงสีเขียวสว่างขึ้นมาจากเหรียญที่อยู่ในมือ!
ด้านหลังป่าทึบเองก็มีแสงสีเขียวสว่างขึ้นมา ระหว่างจุดทั้งสองมีลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งไปวิ่งมากลายเป็นเหมืองสะพานสีเขียว
นี่มันปฏิกิริยาระดับแหล่งกำเนิด!
ในที่สุดเธอก็เจอแหล่งกำเนิดอีกแห่งแล้ว!
แต่หลังจากที่ทีมสำรวจเดินเข้าไปในป่าตามที่อาซีม่าบอก ทุกคนพลันรู้สึกตกตะลึงจนยืนนิ่งอยู่กับที่
มันเป็นสิ่งก่อร้างที่ถูกทิ้งร้างอยู่ตรงไหล่เขา ด้านในประตูหินที่ผุพังลึกจนมองไม่เห็นก้น บนเสาหินที่ตั้งอยู่สองฝั่งของประตูมีสัญลักษณ์แปลกๆ สลักเอาไว้เต็มไปหมด นี่แสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ
อาซีม่าเองก็ลืมตาโตอย่างตกใจ
ฝ่าบาทบอกให้เธอมาหาเหมืองหินชนิดพิเศษไม่ใช่เหรอ?
ทำไมแหล่งกำเนิดถึงมีซากโบราณสถานที่เหมือนถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานแบบนี้ได้?
…………………………………………………………