แดนนิรมิตเทพ บทที่ 977
ดูเหมือนพวกผู้บำเพ็ญบนดาวไอกาในตอนนั้น ไม่เคยออกจากดาวไอกา ไม่งั้นพวกเขาน่าจะเคยเจอหมื่นเผ่าในจักรวาลของโลกฝึกเซียนทั้งหมื่น

บางทีพวกเขาอาจเคยออกจากดาวไอกา แต่แค่อานป้ายเทียนกับนักพรตชางซง ไม่เคยออกจากดาวไอกา

แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเฉินโม่ เกิดอะไรขึ้นในยุคที่ผ่านมานานแสนนาน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้

เฉินโม่มองความคิดเคียดแค้นของนักพรตชางซง แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ฉันไม่ใช่ทายาทยุคดึกดำบรรพ์อะไรทั้งนั้น ฉันคือมนุษย์ธรรมดาบนดาวไอกา ฉันอยากรู้มากว่าตอนนายมีชีวิตอยู่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้นายเกิดความแค้นยิ่งใหญ่ขนาดนี้!”

เหมือนความคิดเคียดแค้นของนักพรตชางซง หลอกสายตาของนักบู๊ทุกคนได้ ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่านี่คือนักพรตชางซงตัวจริง

รู้เลยว่าความคิดเคียดแค้นนี้ แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ขนาดไหน!

ครั้งนี้ความคิดเคียดแค้นของนักพรตชางซง ไม่ปฏิเสธอีก แต่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เหม่อมองฟ้าด้วยสีหน้าที่กำลังนึกย้อนอดีต

“ในเมื่อนายคือทายาทยุคดึกดำบรรพ์ บางทีนายอาจให้คำตอบฉันได้” นักพรตชางซงมองเฉินโม่ จู่ๆ ความคาดหวังผุดขึ้นมาบนใบหน้า

“งั้นนายก็ต้องบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เฉินโม่พูดด้วยสีหน้านิ่ง

เหมือนนักพรตชางซงนึกเรื่องที่ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมากขึ้นมาได้ อดพูดเสียงสูงไม่ได้ “ตอนนั้นพละกำลังของฉันทะลุถึงแดนเทพแล้ว เป็นเซียนที่ใครๆ ต่างให้ความเคารพเลื่อมใส แต่ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

ทะลุแดนเทพ เพิ่งเริ่มต้นงั้นเหรอ!

นักบู๊ทุกคนได้ยินถึงกับตาค้าง ถ้าทะลุแดนเทพเป็นเพียงการเริ่มต้น แล้วคนที่ยังไม่ถึงระดับปรมาจารย์อย่างพวกเขาเรียกว่าอะไร

จู่ๆ เฉินโม่นึกถึงประโยคที่คุณท่านจินเคยพูดขึ้นมาได้: เข้าพรสวรรค์ บำเพ็ญเริ่ม

พรสวรรค์ ก็คือแดนเทพที่นักบู๊พูดกัน นักบู๊จำนวนมากไม่เข้าใจประโยคนี้ แต่ถ้ารวมกับประโยคที่นักพรตชางซงพูดวันนี้ ความหมายของประโยคนี้ชัดเจนมากแล้ว

แต่ในใจของนักบู๊ทุกคนยิ่งสงสัย แดนเทพไม่เคยปรากฏมาหลายร้อยปี ถ้าแดนเทพเป็นเพียงการเริ่มต้นของการบำเพ็ญ แสดงว่าโลกฝึกบู๊ทั้งหัวเซี่ย ไม่มีนักบู๊คนไหนเป็นผู้บำเพ็ญที่ได้มาตรฐานเลยสักคน!

แล้วการบำเพ็ญที่พูดถึง บ่งบอกถึงอะไรอีกล่ะ

นักพรตชางซงเงยหน้ามองความมืดข้างบนตำหนัก แววตาเต็มไปด้วยความโมโห เสียงของเขาแฝงด้วยความไม่พอใจมากมาย “ฉันเห็นสถานที่นั่นแล้วแท้ๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็เข้าไปไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร อย่าบอกนะว่าสวรรค์ปิดประตูเซียนแล้ว”

“อีกทั้งยังปิดประตูเซียนกับฉันเพียงคนเดียว”

“ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม!” นักพรตชางซงเงยหน้าแผดเสียงออกมา สภาพเหมือนบ้าคลั่ง

เฉินโม่ไม่รู้ว่าสถานที่ ที่เขาบอกว่าเห็นคือที่ไหน แต่เฉินโม่คิดว่าคงไม่พ้นดาวไอกาแน่นอน

นักพรตชางซงไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ พูดอย่างจริงจัง เขาเป็นเพียงนักบู๊ที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊โบราณนิดหน่อย ในยุคที่เขาอยู่ มีการนำมาตรฐานของนักบู๊มาใช้แบ่งระดับการบำเพ็ญแล้ว

ถ้าเขาเป็นผู้บำเพ็ญ แดนเทพขึ้นไป น่าจะเป็นแดนยาทองสิถึงจะถูก อีกทั้งถึงเป็นผู้บำเพ็ญแดนยาทอง ก็ไม่มีทางเหนือกว่าดาวไอกา

“ที่นั่นที่เขาพูดถึงคือที่ไหนกันแน่” ครั้งนี้แม้แต่เฉินโม่ก็ยังสงสัย

ดูเหมือนดาวไอกาไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก ถ้าเคยมีอารยธรรมบำเพ็ญที่รุ่งเรือง ถึงไม่ได้ตกต่ำ แต่ก็ไม่มีทางเสื่อมโทรมเหมือนทุกวันนี้

มีอะไรซ่อนอยู่ในความมืดกันแน่

“ที่นั่นที่นายเห็น คือที่ไหน” เฉินโม่ถามหยั่งเชิง

จู่ๆ ความคิดเคียดแค้นของนักพรตชางซงมองเฉินโม่ ใบหน้าผิดหวัง “ทำไม แม้แต่นายก็ไม่รู้เหรอ นายเป็นทายาทยุคดึกดำบรรพ์เชียวนะ! ถ้าแม้แต่นายยังไม่รู้ ดูเหมือนประตูเซียนคงปิดแล้วจริงๆ!”