เฉินโม่พูดว่า “ประตูเซียนไม่ได้ปิด ที่นายเห็นไม่ใช่โลกเซียน”

“ไร้สาระ นั่นคือโลกเซียน!” นักพรตชางซงเถียง ใบหน้าโมโห

สีหน้าเฉินโม่ราบเรียบ ไม่ได้เถียงกับเขา แต่พูดนิ่งๆ ว่า “เซียนไม่เคยมีโลก! โลกเซียนที่มองเห็นได้ ไม่ใช่โลกเซียน!”

“เซียนไม่มีโลก!” นักพรตชางซงพูดพึมพำ เหมือนตระหนักอะไรได้

“ไอ้หนุ่ม ไม่เสียแรงที่เป็นทายาทยุคดึกดำบรรพ์ แดนของนายสูงมาก ถึงตอนฉันมีชีวิตอยู่ก็คงเทียบนายไม่ได้” นักพรตชางซงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น แต่รอยยิ้มประหลาดเล็กน้อย

“แต่ในเมื่อพวกนายเข้ามาที่นี่แล้ว ก็ไม่ต้องคิดว่าจะได้ออกไป!”

หมายความว่ายังไง

พวกนักบู๊มีสีหน้าสงสัย

เฉินโม่พูดหน้านิ่งว่า “นายคิดจะทำอะไร”

นักพรตชางซงเงยหน้าหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “ก็ฆ่าพวกนายไง ดูดพละกำลังพวกนายมาให้หมด จากนั้นทำเรื่องที่ฉันยังทำไม่สำเร็จตอนมีชีวิตอยู่ให้สำเร็จ!”

อะไรนะ!

ทุกคนตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี!

เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนถามเสียงเบาอย่างสงสัย “เฉินโม่ ที่เขาหมายถึง หลังจากดูดพละกำลังของพวกเรา เขาจะฟื้นคืนชีพได้เหรอ”

เฉินโม่พยักหน้า “น่าจะเป็นอย่างนี้ แต่เขากำลังเพ้อฝัน!”

“เพ้อฝันเหรอ ไอ้หนุ่ม ในเมื่อนายเข้ามาที่นี่ ก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไปได้!” นักพรตชางซงหัวเราะเสียงดุดัน แล้วเอ่ยขึ้น

“ถึงตอนนายมีชีวิตอยู่ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องกลัวนาย ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่นายเป็นแค่ความคิดเคียดแค้น” เฉินโม่พูดอย่างเย็นชา สีหน้าดูหมิ่นเล็กน้อย

“นายพูดถูก บางทีฉันอาจสู้นายไม่ได้ แต่ถ้าบวกกับค่ายกลกระบี่ ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่นี่ล่ะ” นักพรตชางซงสีหน้าได้ใจเต็มใบหน้า ตบหินหยกบนเก้าอี้เบาๆ จู่ๆมีแสงสีทองระเบิดออกมาจากเก้าอี้ พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ

จู่ๆ ภายในตำหนักที่มืดมิด มีแสงเปล่งออกมานับไม่ถ้วน ราวกับหิ่งห้อยในความมืด

แต่ทุกคนรู้ นั่นต้องไม่ใช่หิ่งห้อยแน่นอน แต่เป็นกระบี่คมนับไม่ถ้วน กระบี่คมที่ส่องแสงเย็นยะเยือกนับไม่ถ้วน

“ให้พวกนายได้ลิ้มรสพลานุภาพความเจ็บปวดของค่ายกลกระบี่นี้หน่อยแล้วกัน!” นักพรตชางซงนั่งบนเก้าอี้ไม้โบราณที่ลอยอยู่กลางอากาศ แล้วพูดยิ้มเยาะ

สีหน้าเฉินโม่เคร่งขรึม ความแข็งแกร่งของค่ายกลกระบี่นี้ นักบู๊ไม่มีทางวางได้แน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นค่ายกลที่ผู้บำเพ็ญยุคดึกดำบรรพ์หลงเหลือไว้

ดูเหมือนที่นี่เหมือนกับหุบเขาโอสถเทพ นักพรตชางซงไม่ใช่เจ้าของตัวจริงของที่นี่ แต่เป็นคนที่เข้ามาครอบครองพื้นที่ของผู้อื่น

เจ้าของที่แท้จริง น่าจะเป็นตระกูลอานที่อยู่ในเจดีย์วิญญาณ

เฉินโม่พูดกำชับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนว่า “พลานุภาพของค่ายกลกระบี่แข็งแกร่งมาก รักษาชีวิตเอาไว้โดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น!”

“อืม!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไอ้หนุ่ม หลังจากฆ่านาย ฉันค่อยๆ จัดการนักบู๊ธรรมดาพวกนี้ก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นเลือกคนที่พรสวรรค์ไม่เลวมาสักคนเพื่อสิงร่าง ฉันก็จะฟื้นคืนชีพได้แล้ว” นักพรตชางซงพูดด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยมเต็มใบหน้า

เฉินโม่พูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นก็ต้องดูก่อนว่านายมีปัญญาหรือเปล่า!”

“ตายซะ!” นักพรตชางซงชี้นิ้วออกมา กระบี่คมนับไม่ถ้วนกลางท้องฟ้า พุ่งเข้าไปแทงเฉินโม่ทันที

กระบี่คมพวกนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา แต่เป็นกระบี่คมที่สร้างจากพลังทิพย์ สามารถทำร้ายวิญญาณคนได้เลย

ถ้าโดนกระบี่พลังทิพย์พวกนี้ทำร้าย ถึงเป็นเฉินโม่ ก็เกรงว่าจะบาดเจ็บสาหัส

“ระวัง!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอดพูดออกมาด้วยความตกใจไม่ได้

กระบี่พลังทิพย์นับไม่ถ้วน โจมตีไม่เลือกหน้า เฉินโม่ไม่สามารถหลบได้เลย

กระบี่พลังทิพย์เหล่านั้น ปักลงบนตัวเฉินโม่ทั้งหมด เหมือนไม่มีกระบี่เล่มไหนพลาดเลย

“เฉินโม่!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตะโกนอย่างตกใจและหวาดกลัว

หลี่เจ๋อสีหน้าเคร่งขรึม เหมือนในใจไม่อยากเชื่อ “เขาจะตายแบบนี้เหรอ”

หยางหมิงหยู่สีหน้าประหลาดใจ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่านายจะตายที่นี่ ตายดีเลยนะ!”