แดนนิรมิตเทพ บทที่ 979
มังกรสิบหกกับมังกรสิบแปดใบหน้าเต็มไปด้วยความช็อก ราวกับไม่เชื่อว่านี่คือความจริง

“เฉินไต้ซือตายแล้วเหรอ”

“เป็นไปไม่ได้! เฉินไต้ซือจะตายง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง” ทั้งสองไม่เชื่อความจริงนี้ แม้เฉินโม่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแบบนั้นก็ตาม

นักพรตชางซงหัวเราะด้วยใบหน้าได้ใจ แล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันบอกแล้ว ถึงนายเป็นทายาทยุคดึกดำบรรพ์แล้วยังไง ค่ายกลนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ บรรพบุรุษของพวกนายยังต้านทานไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงนายหรอก!”

แต่ต่อมาเขาหัวเราะไม่ออกอีกแล้ว จู่ๆ ตัวของเฉินโม่ปรากฏออกมาอย่างประหลาด อีกทั้งยังยืนอยู่ในอากาศด้านหน้าเขา ห่างจากเขาแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น

“ดีมากเลย! ฉันคิดแล้วว่านายต้องไม่เป็นอะไร!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเกือบร้องไห้ออกมา เฉินโม่เป็นที่พึ่งพาที่ยิ่งใหญ่ของเธอมาตลอด ถ้าเฉินโม่เป็นอะไรไป เธอไม่รู้จะทำยังไงเลย

“ฮ่าๆ ฉันคิดแล้วว่าเฉินไต้ซือไม่ตายง่ายขนาดนั้น!” ใบหน้ามังกรสิบหกกับมังกรสิบแปด เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขนาดมังกรห้าที่หน้าไร้อารมณ์ ยังแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

ส่วนหลี่เจ๋อกับหยางหมิงหยู่สีหน้าไม่สู้ดี ในที่สุดก็เห็นศัตรูตัวฉกาจของตัวเองตายแล้ว แต่พวกเขามีความสุขได้ไม่กี่นาที ก็เห็นคนที่เพิ่งตายฟื้นคืนชีพอีกครั้ง!

“ไอ้หมอนี่ยังมีวิธีอีกเท่าไรกันแน่!” หยางหมิงหยู่พูดอย่างเกลียดชัง

รอยยิ้มของนักพรตชางซงชะงักไป มองเฉินโม่ตรงหน้า สีหน้าเหมือนเจอผี “เป็นไปได้ยังไง!”

มองตำแหน่งที่เฉินโม่ยืนเมื่อกี้อีกครั้ง ตรงนั้นยังมีเฉินโม่อีกคนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน

“วิชาแยกร่างเหรอ นั่นเป็นวิชาระดับสูงที่มีแต่ในตำนาน นายใช้เป็นได้ยังไง” นักพรตชางซงพูดด้วยใบหน้าหวาดผวา

“ความสามารถของฉัน นายจินตนาการได้ที่ไหนกันล่ะ!” เฉินโม่พูดจบ ก็ซัดหมัดใส่นักพรตชางซง

“ท่าที่หนึ่งหมัดเทพเทียนเสวียน สยบภูเขา!”

ครั้งนี้เฉินโม่ใช้พลังออกมาทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้นักพรตชางซง กระตุ้นค่ายกลกระบี่ขึ้นมาอีก

ตอนนี้อย่างมากนักพรตชางซงก็มีแค่พละกำลังแดนมองขวัญ จะต้านทานการโจมตีครั้งนี้ของเฉินโม่ได้ยังไง

“อ๊าก!”

ความคิดเคียดแค้นของนักพรตชางซง ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา จากนั้นสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“แค่ความคิดเคียดแค้นธรรมดาๆ แต่สามารถทำร่างสมจริงออกมาได้ ไม่เสียแรงที่นักพรตชางซงคนนี้ เป็นเซียนเพียงคนเดียวเมื่อพันปีก่อน!” เฉินโม่ยืนกลางอากาศ มองไปทางที่นักพรตชางซงหายไป รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย

เมื่อนักพรตชางซงตาย ค่ายกลกระบี่ไร้ผู้ควบคุม จึงหายไปด้วยเช่นกัน

เมื่อนักบู๊ทุกคนเห็นว่ารอดจากหายนะ ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เฉินโม่ลอยลงมาข้างเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน จู่ๆ เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนกอดเขาด้วยความดีใจ

“เฉินโม่ เมื่อกี้ฉันตกใจแทบตาย!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยใบหน้าแดง

เฉินโม่ก็ยังกลัวไม่หาย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเตรียมตัวไว้ก่อน สร้างยันต์ตัวแทนขึ้นมาสองใบ ครั้งนี้คงเกิดอันตราย

ขอบคุณที่พละกำลังของนักพรตชางซงไม่สูงส่งเช่นกัน ถ้าเป็นค่ายกลกระบี่ที่ควบคุมโดยผู้บำเพ็ญที่แท้จริง ถึงเฉินโม่ใช้ยันต์ตัวแทน ก็อาจจะหนีการโจมตีของค่ายกลกระบี่ไม่พ้น

“ไปกันเถอะ!” เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ พาเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนออกไป

นักบู๊ทุกคนมองตำหนักที่ว่างเปล่า ไม่พอใจเล็กน้อย ลำบากลำบนตั้งเยอะ เกือบตายที่นี่ทั้งหมด แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรสักอย่าง

“เฮ้อ พวกเราก็ไปกันเถอะ!” ผู้อาวุโสสายเลือดบู๊โบราณคนหนึ่งถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“เมื่อเข้าไปในเขาซูคง ต้องได้เป็นปรมาจารย์ เหอะๆ ข่าวลือที่ไม่มีมูล เชื่อไม่ได้ตามคาด!” นักบู๊อีกคนหัวเราะเยาะตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น

“ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์แล้ว บางทีที่นี่อาจเป็นกับดักอยู่แล้วก็ได้!” มีคนสงสัย

นักบู๊เดินตามกันออกจากตำหนัก ยืนอยู่ที่ลานกว้างข้างหน้า ช้อนตาขึ้นมอง ตำหนักแห่งนี้คือสถานที่สุดท้ายที่มีอยู่ ไม่มีทางที่อื่นแล้ว