เขายังไม่รู้จักเนติจริงเหรอ?
เส้นหมี่แปลกใจมาก เธอเงยศีรษะเล็กๆที่ไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ “ก็แม่ของคณาธิป พี่ไม่เห็นเธอในงานแถลงข่าวเลยเหรอ?”
“คุณกำลังพูดถึงแม่บุญธรรมเหรอ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แม่บุญธรรม เธอเป็นแม่ที่แท้จริงของเขา!”
หมี่บอกเขาอย่างจริงจัง
คราวนี้ เป็นตาของแสนรักที่ต้องตะลึง
เป็นแม่ที่แท้จริงของเขางั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แม่ที่แท้จริงของเขาคือเนติตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?
แสนรักยังไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ ตอนที่ได้ยินแครอทพูดถึงภรรยาของเฮกังในตอนนั้น ก็สนใจมาก
แต่แล้วเพราะจู่ๆเธอก็ค้นพบภารานินมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างกะทันหันในบ้านพักของตระกูลหิรัญชาอันเก่าแก่ แถมยังมีวุ้นเส้นตัวปลอมมาอยู่ข้างกายเขาในภายหลัง เขาก็ไม่มีเวลาว่างไปใส่ใจเรื่องนี้อีกต่อไป
ดังนั้น สำหรับแม่บุญธรรมคนนี้ของคณาธิปคือเนติ เขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
“ปีนั้น หลังจากที่เนติคลอดคณาธิปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เธอก็ไม่เต็มใจ เมื่อคณาธิปอายุได้แปดขวบ นางก็แกล้งตายเอง หลังจากนั้นมอบหมายให้คนส่งคณาธิปมาที่บ้านของฉัน เพื่อที่แม่ของฉันจะได้เลี้ยงดูแทนเธอ ส่วนเธอเอง ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยไปที่ญี่ปุ่น และจบลงที่การคบกับเฮกังทามุอีกครั้ง แล้วก็กลายเป็นภรรยาของเขา”
เมื่อเส้นหมี่เห็นคนนี้หน้าตาเหรอท่าทางเหลือเชื่อมาก จึงอธิบายให้ละเอียด
แน่นอน เมื่อพูดถึงการที่เนติกลายเป็นภรรยาเฮกัง เธอใช้คำว่า “ขอ” อย่างไม่เกรงใจ เห็นได้ว่า เธอรู้สึกแย่กับผู้หญิงคนนี้
อันที่จริง แล้วโดยสันดานของเนตินั้นแย่มาก
ในที่สุดแสนรักก็เข้าใจ กะทันหัน คำถามที่พัวพันอยู่ในใจมาโดยตลอดโดยที่ไม่ได้คำตอบ ตอนนี้ ก็ตาสว่างได้สักที
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันว่าแล้ว ทำไมคุณท่านเฮกังคนนี้ถถึงมอบธุรกิจครอบครัวของเขาทั้งหมดให้กับลูกชายบุญธรรมคนเดียว?”
“อืม ทั้งหมดเป็นความคิดของเนติ เฮกังทังมูหลงเธอมาก เพื่อเธอ จนเขาสร้างสวนจีนขนาดใหญ่ในเซกาวาให้เธอได้ ข้างในปลูกดอกโบตั๋นด้วย ฉันเห็นแล้วตอนนั้น ตกใจมาก ”
เส้นหมี่ไม่ได้ตั้งใจ ก็พูดเรื่องที่ตัวเองไปเซตะตอนนั้นออกมา
เมื่อพูดจบ ผู้ชายกอดเธอแน่นแขนทันทีอย่างที่คิด
“เซตะ? คุณพูดถึงเรื่องนี้ ผมยังไม่ได้ถามคุณเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้คุณถูกขังไว้ที่คากาวะไม่ใช่เหรอ? จู่ๆ คุณไปที่เซตะทำไม? พวกเขาส่งวิดีโอมาแท้ๆ แล้วบอกผมว่าปล่อยคุณแล้ว นี่ตกลงเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณถึงถูกขังในเซตะอีกได้ยังไง”
เพียงไม่กี่วินาที ชายคนนี้ก็จ้องตาเธอ และรัศมีทั้งหมดในร่างกายของเขาเริ่มเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
เส้นหมี่ตื่นตระหนก
พูดไปสองไพลเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทองจริงๆ ดีอยู่แล้วแท้ๆ เธอพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย?
เธอรีบหลบสายตา หาข้อแก้ตัว: “ฉัน …… ฉันไม่รู้ พวกเขาย้ายฉัน”
“พูดอีกทีสิ!”
เขากัดฟันและขบคำสามคำนี้ ชายผู้นั้นส่งสายตาสีแดงฉานมาใกล้ จะกินเธอจนหมด
เส้นหมี่: “……”
แววตาอันน่าสะพรึงกลัวแบบนี้ ในที่สุด เธอก็ไม่สามารถแบกรับได้ แล้วพ่ายแพ้ลง
“โอเค ฉัน …… ฉันบอกตามตรง ตอนนั้นฉันถูกปล่อยตัวแล้วจริงๆ แต่ เพราะตอนนั้นฉันเองก็สงสัยมากเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ก็เลย……ก็เลยอยากจะสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อดูว่าเธอเป็นใครในท้ายที่สุด ”
“……หลังจากนั้น ฉันก็เลยแอบไปเซกาวาคนเดียวอีกแล้ว”
ตอนที่เส้นหมี่พูดแบบนี้ หัวเล็กๆเกือบฝังอยู่ในอกผู้ชายคนนี้ ไม่กล้าเงยมาแม้แต่ครึ่ง
ไม่มีทาง เขาน่ากลัวเกินไปจริงๆ
อย่างที่คิด หลังจากพูดจบ หน้าอกของชายผู้นี้ก็สั่นสะท้านมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาทีคือการดึงความรู้สึกสูบฉีดที่รุนแรงของเธอขึ้น
หน้าหมี่ตกใจเล็กน้อย จึงฝังอยู่ในเขา กลัวที่จะเคลื่อนไหวมากขึ้น
แต่ทว่า เธอรอเป็นเวลานานด้วยความกลัวและกังวลใจ แต่ชายคนนี้ไม่ได้ลงไม้ลงมือ แต่หลังจากจ้องมองเธอด้วยความโกรธครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจยาว และโอบแขนเธอไว้แน่นยิ่งขึ้น
“เส้นหมี่ คุณรู้มั้ยว่าบางทีผมก็อยากหยิกคุณให้ตายจริงๆ”
“……”
“คุณชอบทำเรื่องแบบนี้ตลอด ตัดสินใจทั้งหมดเอาเอง แต่ คุณเคยคิดบ้างมั้ย? ตอนมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ครอบครัวของคุณ ลูกของคุณ …… แล้วก็ผม คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของเราบ้างมั้ย? ”
แสนรักพยายามสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นก็เริ่มสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องนี้กับผู้หญิงคนนี้
อันที่จริง เขาต้องการคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีๆจริงๆ
ใช่ เขาเข้าใจว่าทุกอย่างที่เธอทำเพื่อเขา แต่เธอรู้มั้ย? เมื่อเธอตกอยู่ในอันตรายเพราะสิ่งเหล่านี้ แสนรักอย่างเขามีความรู้สึกเป็นยังไง?
เป็นห่วง? กลัว? กังวล?
ไม่ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเขาได้อย่างสมบูรณ์
อารมณ์ของเขา สามารถอธิบายได้เพียงประโยคเดียว: คือเหมือนอยู่ในนรก!
“เส้นหมี่ คุณต้องจำไว้ อะไรก็ตาม ไม่สำคัญเท่าชีวิตคุณ เทียบกับผม ยอมเห็นผมไปเสี่ยงเพื่ออะไรพวกนี้มั้ย?”
“ไม่ยอม”
คำนี้ เส้นหมี่ตอบไวอย่างไว
แสนรักจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ: “ดังนั้น คุณก็เหมือนกัน ต่อไป ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณต้องอย่าลืมคุยกับผม ให้ความปลอดภัยมาที่หนึ่ง เข้าใจมั้ย?”