ทที่ 322

ถึงแม้หล่อนต้องการจะลบก็ลบไม่ได้แล้ว

ด้านข้างหูก็ได้ยินเสียงทุบรถอย่างไม่หยุดหย่อน รถมาเซราติที่ใหม่เอี่ยมตอนนี้นั้นถูกทุบแตกเป็นเสี่ยงๆไม่มีชิ้นดี

หลิวหมิงสั่นสะท้านไม่ทั้งตัว เขารู้ว่าเขาโง่มากแค่ไหน คราวนี้กลัวว่าตนจะโดนเหล็กเตะเข้าให้ จึงรีบไปจับขาของท่านหงห้าเพื่อขอความเมตตา “ผมผิดไปแล้ว ลุงหง ยกโทษให้ผมสักครั้งเถอะ ผมรู้ว่าผมผิดแล้วจริงๆ”

“ผิดกับแม่แกน่ะสิ!” ท่านหง้าเตะเข้าไปที่หน้าอกของหลิวหมิงอย่างแรง หันกลับไปมองเย่เฉิน ขอคำแนะนำ “ท่านอาจารย์เย่ ท่านคิดวาควรจัดการยังไงดีครับ?”

เย่เฉินมองหลิวหมิงด้วยสายตาที่เย็นชา ยิ้มเยาะก่อนพูดว่า “เด็กคนนี้น่าสนใจมาก ชอบด่าคน ปากพูดแต่ของเสียๆออกมา เมื่อสองวันก่อนฉันได้ยินมาว่ามีคนปากก็เต็มไปด้วยของเสียเหมือนกัน สุดท้ายก็ถูกลากไปเลียโถส้วมในห้องน้ำเสียแล้ว นายรู้เรื่องนี้บ้างไหม? ”

แน่นอนว่าท่านหงห้ารู้

เมื่อตอนอยู่ที่คลับเฮาส์ฮุยหวง เว่ยฉางหมิงจากตระกูลเว่ยได้พานางบำเรอเข้ามา ทำให้อาจารย์เย่ขุ่นเคือง จึงถูกบังคับโดยลุงวีที่เป็นพ่อบ้าน โดยให้คนหนึ่งไปเลียโถส้วมแปดโถ เรื่องนี้แพร่งพรายไปทั่วเมืองจินหลิงโดยเร็ว มันกลายเป็นข้อสนทนาในอาหารมื้อค่ำของหลายๆคน

อย่างไรก็ตาม ลุงวีไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของเย่เฉิน ดังนั้นภายนอกจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ เว่ยฉางหมิงและนางบำเรอของเขาต่างถูกลงโทษอย่างหนัก เนื่องจากทำให้ชายร่างใหญ่นี้ขุ่นเคือง

สองวันก่อน หลิวหมิงเพิ่งจะหัวเราะเยาะให้กับความน่าอับอายของเว่ยฉางหมิงที่โดนกระทำอย่างน่าสังเวช อีกทั้งยังบอกว่าหากเขาโดนทำเช่นนี้ เขาคงต่อต้านจนตัวตาย

ไม่คิดเลยว่าเย่เฉินจะมาพูดเรื่องนี้ เขาตกใจจิตใจเตลิดไปหมด เขาไม่อยากจะตามรอยเว่ยฉางหมิง ที่ต้องไปเลียโถส้วมในห้องน้ำชาย…..

ดังนั้นเขาจึงรีบขอร้องวิงวอน“อาจารย์เย่ ผมมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ผมสักครั้งหนึ่งเถอะนะครับ ท่านเองก็เห็นว่ารถของผมนั้นโดนทุบไปหมดแล้วอารมณ์โกรธของท่านก็ได้ปล่อยออกมาแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมสักครั้งเถอะครับ”

เย่เฉินยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ดูเหมือนว่านายจะชอบด่าฉันว่าเป็นไอ้คนจนสินะ ฉันรู้สึกว่านายจะชอบคำว่า(ยาจก)ซะเหลือเกิน?”

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่!” หลิวหมิงรีบส่ายมือและหัว พร้อมกับอธิบายอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “ผมเป็นคนจนเอง ผมเป็นคนจนเองต่างหาก!ท่านอาจารย์เย่!”

เย่เฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “เอาล่ะ เนื่องจากนายรู้ว่าตัวเองจน งั้นฉันแนะนำให้นายเอาสองคำนี้ไว้บนหัวของนายเลยละกัน คนอื่นจะได้รับรู้เหมือนกัน นายคิดว่ามันดีไหมล่ะ?”

หลิวหมิงตกใจพร้อมกับรีบก้มตัวลงร้องไห้ เขาร้องไห้พร้อมกับพูดว่า “ท่านอาจารย์เย่ ท่านอภัยให้ผมสักครั้งนึงเถอะครับ ผมยินดีที่จะชดใช้ให้ท่านห้าล้าน ไม่ใช่สิ!ให้ท่านสิบล้านไปเลย”

เย่เฉินส่ายหัวไปมา “ฉันคนนี้ เป็นคนจนที่มีความทะเยอทะยาน ดังนั้นเงินของนาย ฉันไม่สนใจหรอกนะ อีกอย่าง เมื่อกี้นายทำให้ภรรยาของฉันตกใจ นายคิดว่าชดใช้ด้วยเงินก็พองั้นเหรอ?”

พูดจบ เขาถามท่านหงห้าว่า “ท่านห้า พกมีดมาไหม?”

ท่านหงห้ารีบขยิบตาก็กับอีกฝ่าย

เขายื่นกริชคมให้ในทันที

ท่านหงห้ายื่นกริชให้กับมือของเย่เฉิน พร้อมกับพูดว่า “ท่านอาจารย์เย่ เชิญครับ”

“เชิญฉันงั้นเหรอ?” เย่เฉินจ้องมองไปที่เขาแล้วถาม “นายคิดว่าไอ้คนจนนี่ มีค่าพอให้ฉันจารึกคำให้มันด้วยตัวเองรึไง?” เพียงเท่านั้นหงห้าก็รู้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดอย่างใหญ๋หลวงแล้ว!

ใช่ คนอย่างหลิวหมิง จะไปมีคุณสมบัติมากพอที่จะให้ท่านอาจารย์เย่จารึกคำไว้บนหัวมันได้ยังไงกัน!

ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “ท่านอาจารย์เย่ครับ ผมทำให้! ผมทำให้ครับ!”

เย่เฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “สลักให้มันลึกๆหน่อยนะ ฉันกลัวว่ามันจะตื้นไป แล้วเขาจะลืมมันน่ะสิ”