บทที่ 726 สื่อสารกับเจ้าของร่างเดิม

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 724 สื่อสารกับเจ้าของร่างเดิม

ไม่มีใครเห็นเรื่องของก้อนหิน และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้เจาะลึก ค่อยให้คนไปหาหินก้อนใหม่มาแทนที่ และถือเสียว่าได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม

หลังจากพักผ่อนมาสองวัน หวาชิงก็มา

นางมาด้วยความดุดันและโหดร้าย และเตะประตูห้องของฉีเฟยอวิ๋นให้เปิดออก เดิมทีนางต้องการมาคิดบัญชีกับฉีเฟยอวิ๋น แต่เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของฉีเฟยอวิ๋นแล้ว หวาชิงก็ยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน เมื่อได้สติแล้วก็เดินเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น หวาชิงสงบนิ่งอยู่นานและกล่าวว่า

“เจ้าเป็นอะไรไป?หรือเป็นเพราะเรื่องการถอนหมั้น ฝ่าบาทจึงเฆี่ยนเจ้า?” หวาชิงนั่งลงและมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น

“ข้าเพียงแค่ป่วย และสุขภาพไม่ดี เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เวลาที่คนเราป่วย แม้แต่พูดก็ไม่มีเรี่ยวแรง และฉีเฟยอวิ๋นก็เป็นหนึ่งในนั้น อยากจะพูดแต่พูดไม่ออก พอพูดออกมาแล้วก็เหมือนใจจะขาด

หนานกงเย่อยู่ในห้องตลอดเวลา และในขณะนี้เขากำลังดื่มชาอยู่

เขาไม่สนใจเรื่องที่หวาชิงเตะประตู

ในทางตรงกันข้าม หวาชิงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยความเจ็บปวดใจ

“เจ้าหน้าซีดมาก และซูบผอมลงเยอะเลย เจ้าเป็นหมอมิใช่หรือ ทำไมถึเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร นางเพียงแค่รู้สึกว่าชีวิตคนเราสั้นนัก ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมาย นางไม่สนใจเรื่องที่หวาชิงชอบก่อเรื่องวุ่นวาย

จากนั้นก็กล่าวว่า:“หากเจ้าชอบเรือนจู๋อวิ๋นไจ เจ้าก็อยู่ที่นั่นเถอะ และหากเจ้าชอบมาที่จวนก็มาได้ตามสบาย”

“หา?” หวาชิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถรักษาให้หายได้

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจากเตียง:“วันนี้ข้าต้องออกไปข้างนอก ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเจ้า หากเจ้าอยากตามข้าไปด้วยก็ได้”

หวาชิงจึงรีบตามไปด้วย จากนั้นหนานกงเย่ก็ลุกขึ้นตามไป โดยไม่ได้มุ่งเป้าไปที่นาง

ทั้งสามขึ้นไปบนรถม้า และฉีเฟยอวิ๋นก็พิงอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่ แม้ว่านางจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ร่างกายของนางก็ยังไม่ดี นางเผลอหลับไปในอ้อมแขนของหนานกงเย่

หวาชิงเฝ้ามองอย่างหงุดหงิดใจและถามหนานกงเย่ว่า:“นางเป็นอะไรไป?”

“ป่วย”

“นางเป็นหมอ และมีหมอเทวดา เหตุใดถึงไม่รักษา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางก็จะไม่ถูกท่านฆ่าหรือ?” หวาชิงโกรธ

แววตาที่เยือกเย็นของหนานกงเย่ชำเลืองมองไปที่หวาชิง:“ข้าอดทนกับเจ้ามามากแล้ว หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าเจ้ามีความดีความชอบในการสู้รบเพื่อต้าเหลียง ข้าคงจะฆ่าเจ้าไปแล้ว”

หนานกงเย่พูดคำว่าฆ่าอย่างนิ่งสงบ แต่หวาชิงสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและความโหดเหี้ยมอยู่ในนั้น

แต่หวาชิงไม่สนใจ ถึงอย่างไรนางกับหนานกงเย่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ นางมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ข้าเพียงแค่อยากพบเขาอีกสักครั้ง ทำไมถึงได้ยากเช่นนี้?”

หนานกงเย่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กอดฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน

รถม้าหยุดลงที่เชิงเขา ฉีเฟยอวิ๋นถูกปลุกให้ตื่น นางลงจากรถม้าและเหลือบมองไปบนเขา จากนั้นก็ถอนหายใจ มันยากที่จะขึ้นไป และการลงมาก็ยากยิ่งกว่า

“ขึ้นมาบนหลัง” หนานกงเย่แข็งแรง เขาก้มตัวลงและแบกฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา

ฉีเฟยอวิ๋นอ่อนแรง และฟุบหลับไปราวกับว่านางจะไม่ตื่นขึ้นมา

หนานกงเย่ไม่ได้รบกวนนาง และพานางขึ้นไปตามทาง

เมื่อมาถึงบนเขา ฉีเฟยอวิ๋นก็ตื่นขึ้นมาพอดี นางลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ ทังเหอรีบเดินเข้ามาคารวะ ทังเหอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจวนอ๋องเย่เลย ตอนนี้เขาอยู่บนเขาเป็นหลัก

“คารวะพระชายา ท่านอ๋อง”

“ไม่ต้องมากพิธี คุณชายทัง สิ่งที่ข้าให้ท่านเตรียม ท่านเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”

“เตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะไปดูหน่อย”

ฉีเฟยอวิ๋นตามไปดู น้ำถูกนำเข้ามาที่นี่ ดังนั้นต้นกล้าทั้งหมดจึงเติบโตตามแผนที่วางไว้

“เงินพอหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นถามคำถามอื่น และทังเหอก็ตอบคำถามทีละคำถาม ฉีเฟยอวิ๋นมองภูเขาที่พบในตอนแรก:“แม้ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องใช้เวลาสามเดือนในการเก็บเกี่ยว และในสามเดือนนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไร คุณชายทังทุกอย่างต้องยกให้ท่านช่วยดูแลแล้ว ต่อไปข้าคงไม่มีเวลาได้มาอีก ข้าต้องการเปิดสำนักศึกษาทางการแพทย์และโรงหมอในเมืองหลวง ดังนั้นจึงต้องรบกวนให้ท่านดูแลที่นี่ หากมีอะไรท่านก็ไปหาข้า ข้าอยู่ที่นั่นตลอดเวลา”

หลังจากอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็จากไป ตอนที่ลงจากเขา หวาชิงถามว่า:“เจ้าสุขภาพไม่ค่อยดี เจ้ายังจะออกมาอีก บุรุษในต้าเหลียงตายหมดแล้วหรือ ถึงต้องให้เจ้ามาทำสิ่งเหล่านี้?”

ฉีเฟยอวิ๋นลงจากเขาด้วยตนเอง

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหวาชิง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ตอบ นางเพียงกล่าวว่า:“ท่านแม่ทัพน้อย เจ้าคงไม่รู้ว่าทหารหนึ่งล้านนายที่ชายแดนต้องใช้เสบียงอาหารในแต่ละวันเท่าไหร่?”

หวาชิงไม่ตอบ คงจะเป็นจำนวนที่มาก ดังนั้นนางจึงไม่ตอบ

ฉีเฟยอวิ๋นถามอีกว่า:“หนึ่งปีเท่าไหร่ แล้วสิบปีเป็นเท่าไหร่?สิ่งที่ผู้คนที่ชายแดนกินใช้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ราษฎรให้อย่างนั้นหรือ?แน่นอนว่าไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าคิดว่าเจ้าอ๋องเย่ยุ่งอยู่กับงานอะไรทุกวัน?คนของเขาแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง และกำลังหาเงินกลับมา?แน่นอนว่าเขายังรวบรวมข่าวสารอยู่

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดินแดนของต้าเหลียงไม่ได้ผลิตเสบียงอาหารและไม่มีการผลิตอื่น ๆ และนี่เป็นเพราะต้าเหลียงเป็นแค้นที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดในสี่แคว้น”

หวาชิงเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ:“พวกเรายากจนกว่าเล็กน้อย แต่พวกเราก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่เจ้าพูด”

“ท่านแม่ทัพน้อยเป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าไม่ชอบให้ผู้อื่นมาดูถูกศักดิ์ศรีของตนเอง แต่สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง แคว้นที่ไม่มีเสบียงอาหาร เมื่อแคว้นอื่น ๆ ปิดกั้น แคว้นนั้นก็จะจนตรอก ส่วนที่ตายก็ตายไป แล้วยังจะพูดอย่างเข้มแข็งได้อีกหรือ?

ข้าต้องการปลูกสมุนไพร และพัฒนาสมุนไพรของแคว้น เมื่อถึงตอนนั้นเราจะมีการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดและสมุนไพรที่ดีที่สุด แม้ว่าจักรพรรดิของพวกเขาจะป่วยก็ต้องมารักษาที่แคว้นของเรา แล้วยังต้องกลัวว่าพวกเขาจะสู้รบอีกหรือ และไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟัง?

คนส่วนใหญ่กลัวอะไรมากที่สุด?ความตาย!เกิดแก่เจ็บตาย!”

หวาชิงบ่นว่า:“เจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะสนใจเรื่องเกิดแก่เจ็บตายของผู้อื่นอีก สมองของเจ้ามีปัญหาหรือไม่ แม้แต่ตนเองยังรักษาไม่ได้ ไแล้วยังจะไปรักษาผู้อื่น?”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน:“ข้าจะดีขึ้น เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ข้าจะพยายามอยู่ให้ได้นานกว่าเจ้า และรอที่จะไปส่งเจ้าตอนเจ้าตาย”

“เจ้าพูดอะไร?” หวาชิงโกรธจัด

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและยังงดงามมาก หวาชิงมองดูนางอย่างใจลอย

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอีกและลงไปจากเขา หนานกงเย่อยู่ข้าง ๆ และไม่ได้อิจฉาริษยาใด ๆ

ไม่ว่าอย่างไร นางก็เป็นของเขา หัวใจของนางก็เช่นกัน

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมาถึงเชิงเขา นางก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว หลังจากที่ขึ้นไปบนรถม้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไร้เรี่ยวแรง นางจึงเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหนานกงเย่

หวาชิงถามว่า:“จวนอ๋องเย่ไม่มียาขนานวิเศษหรือ และไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีรักษาอาการไร้เรี่ยวเช่นนี้ของนาง?”

“……” หนานกงเย่ไม่พูดอะไร หวาชิงเริ่มจะทนไม่ไหว

“หนานกงเย่ ท่านเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ทำไมแม้แต่ภรรยาของท่านเองยังดูแลไม่ได้?”

“แม่ทัพน้อยระวังปากด้วย ข้าไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า หากเจ้ายังยั่วโมโหข้าอีก เจ้าก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจเจ้า”

“ท่านไร้ความสามารถ แล้วยังจะไม่พอใจข้าอีก ข้าคิดว่าถูกต้องแล้วที่พวกท่าจะหย่ากัน หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงใหญ่ ฮึ……” หวาชิงยังคงหยิ่งผยอง เมื่อฉีเฟยอวิ๋นได้ยินก็อยากจะหัวเราะ

นางคิดว่าทำไมผู้อื่นถึงสร้างศัตรูเป็นผู้หญิงได้ทุกที่ แต่นางไม่ใช่ และผู้ชายก็กลับกลายเป็นศัตรู

กลุ้มใจ!

หลังจากที่นอนหลับ ฉีเฟยอวิ๋นก็ดูเหมือนจะเห็นเจ้าของร่างเดิม และทั้งสองก็สื่อสารกัน!

โอกาสนี้หาได้ยาก และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยากพลาด