องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 727 ประสบกับผู้ลอบสังหาร
หมอข้างล่างต่างพากันเงียบกริบ เงื่อนไขที่พระชายาเย่ให้มานั้นต่างดีกับพวกเขาทั้งนั้น ให้เงินและยังให้กลับบ้านไปทำการค้าธุรกิจของตัวเอง หรืออยากไปเสี่ยงโชคก้าวหน้าที่อื่นก็ยังได้
ทุกคนต่างพากันคิดว่าตัวเลขนี้เหมาะสมหรือไม่
ทันใดนั้น เจ้าของที่ดินบางคนก็พูดขึ้นมาว่า “เช่นนั้นแล้วพวกข้าน้อยล่ะ พระชายาเย่บีบบังคับให้พวกเราต้องตายและตอนนี้พืชผลก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครทำงานให้พวกข้าน้อย พวกเราไม่มีเงินค่าแทนและไม่สามารถทำงานหนักได้ พวกเราควรทำเช่นไร?”
คนที่ตะโกนออกมาเมื่อพูดจบ คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างพากันผละออกและปล่อยให้เขาโดดเด่นอยู่เพียงคนเดียว ทำเช่นนั้นก็เหมือนกับกำลังบอกว่า เจ้าไปพูดข้างหน้าและเจ้าก็อย่าทำให้พวกข้าเดือดร้อนไปด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะออกมา “เขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นเจ้าของที่ดิน ข้าให้ตรวจสอบประวัติของทุกคนที่อยู่ที่นี่แล้ว มีเพียงคนนั้นที่มีปัญหา ประเดี๋ยวจับเขาไปก็ได้แล้ว”
ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว คนเป็นคนดีหรือคนไม่ดี พระชายาเย่ก็สามารถรู้ได้ พระชายาเย่ราวกับเป็นเทพเซียน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรในใจและพูดต่ออีกว่า “สำหรับเจ้าของที่ดินนั้นปีนี้ข้าขอเหมาไว้ทั้งหมด พวกเจ้าก็ให้เงินตำลึงจำนวนเท่าปีที่แล้วมาให้ข้า ส่วนข้าก็จะส่งแรงงานไปให้พวกเจ้าทำงานให้เสร็จ ส่วนเงินที่เหลือนั้นข้าจะเป็นคนให้เอง
ปีหน้าพวกเจ้ามาหาข้าให้ไว ปีนี้ข้าต้องการปลูกพืชสมุนไพรทำยา เมื่อเก็บเกี่ยวพืชสมุนไพรทำยาเสร็จก็สามารถปลูกอย่างอื่นต่อไปได้ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็สามารถปลูกไปพร้อมกับข้าได้ ส่วนเงินค่าแรงนั้นพวกเจ้าต้องอิงตามที่ข้าให้ และแน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ต้องทำกับข้าก็ได้……สรุปก็คือถ้าได้กำไรพวกเจ้าก็ทำ แต่ถ้าไม่ได้กำไรพวกเจ้าก็ไม่ต้องทำ ข้ายังยืนยันคำนั้น ทุ่งนาภายในบริเวณเมืองหลวงนั้นเป็นทุ่งนาสำหรับการทดลอง รอเมื่อข้าทำสำเร็จแล้ว ทุกคนก็มาร่วมกันทำ หากพวกเจ้าเรียนรู้ได้แล้ว ก็ออกไปทำสถานที่อื่นของเมืองต้าเหลียงและริเริ่มการปลูกพืชผลและสมุนไพรทำยา เมื่อถึงตอนเก็บเกี่ยว พวกเจ้าก็สามารถมีเงินกำไร”
ทุกคนต่างพากันเงียบ ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อาซิ่ว อาซิ่วก็เป็นคนโหดร้ายเช่นกัน นางตัดแขนข้างหนึ่งของชายคนนั้นด้วยมีด เมื่อแขนตกลงพื้นก็ถูกเตะออกไปไกล เมื่อหันกลับมาอาซิ่วก็มองไปที่ผู้ชายคนนั้นและแกว่งมีดไปมาจนเกือบจะตัดศีรษะของอีกฝ่าย ทุกคนต่างตกใจกลัวจนแทบไม่กล้าจะหายใจ
จากนั้นต่างพากันคุกเข่าลง
“พระชายาไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยขอรับ”
นี่คือจุดจบของการสร้างปัญหาในฝูงชน ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันรับรู้ในสิ่งนี้ ขณะนี้ฉีเฟยอวิ๋นดูเงียบขรึมอย่างผิดปกติ อันที่จริงเธอตกใจที่เห็นอาซิ่วทำเช่นนั้น
เธอหันไปมองอาอวี่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก อาอวี่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงหลบอยู่ข้างๆ และตอนนี้ใบหน้าของอาอวี่ก็ซีดขาว
ในใจของฉีเฟยอวิ๋นกำลังคิดว่า อย่าทำให้อาซิ่วโกรธ เพื่อจะได้ไม่ตายโดยที่ตัวเองไม่รู้
ตอนที่อาซิ่วมองฉีเฟยอวิ๋น นางรู้สึกภาคภูมิใจ ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มให้และมองไปที่ผู้คนที่นั่งอยู่กับพื้น “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ากลับกันไปก่อน นี่คือเงินที่แบ่งให้กับพวกเจ้า อาอวี่เจ้านับดูหน่อยว่ามีกี่คนและแบ่งเงินให้ตามจำนวนคน”
“ขอรับ” อาอวี่นำเงินตำลึงไปและพาผู้คนเข้าไปข้างใน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อฝูงชนเป็นจำนวนมาก พระชายาเย่เป็นคนดีมีน้ำใจ พวกเขาต่างเข้าใจผิดในพระชายาเย่เสียแล้ว
อาอวี่แบ่งเงินตำลึงออกไป ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหาอาซิ่ว “อาซิ่ว ตอนนี้เจ้าคุมตัวเขากลับไป ประเดี๋ยวข้าจะตามไปสอบสวนในคุกเอง”
“เจ้าค่ะ” อาซิ่วลากเขาและถือมีดใหญ่เดินออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจเพราะอาซิ่ว เด็กคนนี้ต่อไปไม่ต้องหาสามีแล้ว ทำเช่นนี้ช่างน่าตกใจเหลือเกิน
ฉีเฟยอวิ๋นรออาอวี่อยู่ครู่หนึ่ง เมื่ออาวี่เสร็จธุระเธอจึงออกไปนอกเมืองหลวง
“พระชายาไปหายาสมุนไพรนอกเมืองหลวงหรือขอรับ?” อาอวี่รู้สึกแปลกใจ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเป็นกังวลกับมันสมองอันน้อยนิดของอาอวี่เหลือเกิน
เขาไม่สังเกตเลยสักนิดว่าท่านอ๋องออกไปแล้ว
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต้องผ่านเมื่อจะออกนอกเมืองหลวง ท่านอ๋องออกเดินทางไปจากที่นี่ เธอและอาซิ่วต่างก็เห็น แต่ทำไมอาอวี่ถึงมองไม่เห็น
ก็ไม่รู้ว่าเด็กตงเอ๋อร์คนนั้นชอบอาอวี่ที่ตรงไหน
เมื่อออกมาจากเมืองหลวงก็ยังมีระยะห่างจากโรงน้ำชาอยู่มาก ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปและหันไปมองข้างหลัง เหมือนจะมีใครตามหลังมา
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดลง “อาอวี่ เจ้าไม่รู้สึกบ้างเลยหรือ?”
“พระชายาไม่พูดก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกได้แล้วขอรับ ที่นี่มีคนอยู่”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “ถูกต้อง และไม่ใช่เพียงคนเดียว”
“ออกมาเถอะ พวกเจ้าช่างกล้ามากที่กล้ามาขวางข้าที่นี่” อาอวี่ตะโกนออกไป มีคนเดินออกมาสี่ห้าคนจากทางเมืองหลวง การแต่งตัวก็ดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขากลับไม่เหมือนคนธรรมดา
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?” อาอวี่ตะโกนออกไป คนเหล่านั้นได้เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว และไม่มีใครสนใจว่าอาอวี่กำลังพูดอะไร
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นคนเหล่านั้นกำลังใกล้เข้ามา ฉีเฟยอวิ๋นจึงหยิบเข็มเงินออกมาเพื่อป้องกัน แต่คนเหล่านั้นมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี ไม่นานก็ล้อมฉีเฟยอวิ๋นและอาอวี่ไว้
หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาว่า “วันนี้เป็นวันตายของเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รีรอและต่อสู้กับอีกฝ่าย ครั้งที่แล้วมีดาบไร้ใจที่ใช้ต่อสู้กับศัตรู ครั้งนี้ก็ยิ่งกล้าหาญขึ้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นสามารถใช้ดาบไร้ใจได้ และดูไม่รู้สึกเกรงกลัวฉีเฟยอวิ๋นเลยสักนิด และผู้ที่จัดการกับฉีเฟยอวิ๋นก็เป็นผู้ที่มีฝีมือและความสามารถ ไม่นานฉีเฟยอวิ๋นก็พ่ายแพ้ลง ส่วนอาอวี่นั้นพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรก และถูกเตะ จากนั้นดาบเล่มหนึ่งก็มาจ่ออยู่ที่คอของอาอวี่ ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำได้เพียงยอมแพ้ต่อการต่อต้าน
“ดูไม่ออกเลยว่าพระชายาเย่จะเก่งกาจเช่นนี้ ไม่แปลกที่นายท่านบอกว่าให้ระมัดระวังท่าน!”
ดาบของอีกฝ่ายตกมาอยู่ที่คอของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าไปมองอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัว ชาติที่แล้วเธอก็ดาบด้วยปลายมีดแหลม เมื่อมาถึงที่นี่ เธอก็ลืมไปแล้วว่าเธอทำอะไรลงไป
เธอสังเกตอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า “เจ้าเป็นคนของตระกูลใด?”
“ข้าเป็นคนของตระกูลไหนพระชายาเย่รู้อยู่แก่ใจ วันนี้เป็นวันที่พระชายาเย่……”
“หยุดพูดจาเหลวไหล จะฆ่าก็ฆ่าข้าเลย จะมัวพูดมากอยู่ทำไม?”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก และสีหน้าของอีกฝ่ายดูแข็งทื่อ ในเมื่อมีคนอยากจะรีบตาย
“ท่านวางใจได้ข้าจะให้ท่านตายอย่างมีความสุข พระชายาเย่สวยงามเช่นนี้ วันนี้ข้าจะปลดเสื้อผ้าของพระชายาเย่ออกให้หมด และดูว่าพระชายาเย่มีรูปทรงเป็นเช่นไร”
อีกฝ่ายยื่นมือออกไปจับเสื้อผ้าของฉีเฟยอวิ๋น สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นเคร่งขรึมและยิ้มออกมา “กลัวว่าเจ้าจะปลดเปลื้องไม่ได้”
“พระชายา พวกเจ้า……”
อาอวี่ร้อนรนจนเหงื่อไหลไปทั่ว ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่สนใจ ขณะนี้มือของอีกฝ่ายเพิ่งจะจับกระโปรงของฉีเฟยอวิ๋น เมื่อมือของอีกฝ่ายกดลงไป ดาบในมือก็ตกลงกับพื้น
“เจ้า……”
มือของอีกฝ่าบรู้สึกเจ็บปวดอยู่ขณะหนึ่ง และฝีเท้าของเขาก็เดินโซเซถอยหลัง
มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา เมื่อเขาหันหลังกลับไป อู๋ซังก็ได้ชักดาบออกมาแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
“คนของหอทิงเฟิง อู๋ซัง!” อู๋ซังยิ้มมุมปาก และหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองอู๋ซัง และหันไปมองเฟิงอู๋ชิงที่เดินเอามือไพล่หลังมาไม่ไกลออกไป บนพื้นมีคนนอนหมดสติอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ฝีมือด้านดาบของอู๋ซังนั้นเยี่ยมยอด สามารถฆ่าคนได้อย่างล่องหน และสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่รู้สึกตัว ช่างเป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างมาก
เฟิงอู๋ชิงไม่ได้ลงมือเลยสักนิด และยืนมองอยู่อีกฝั่ง
สองนายบ่าวคู่นี้ช่างเก่งกาจจนทำให้ทุกคนพากันตกใจ
อู๋ซังรีบจัดการกับซพที่พื้น ดวงตาของอาอวี่เบิกกว้าง และไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าล้มลงได้อย่างไร
อู๋ซังเหลือบมองอาอวี่ “รีบลุกขึ้นมาช่วยกันสิ”
จากนั้นอาอวี่จึงลุกขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่เฟิงอู๋ชิงที่กำลังเดินเข้ามา รอให้เขามา!