ตอนที่ 911

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันกลับไปที่บ้านของเขาและเริ่มฝึกฝนทักษะหกธาตุ

ในเมื่อเขาได้รับคำชี้แนะบางอย่างมาแล้วจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะเริ่มฝึกฝนทันที โชคดีที่จอมยุทธรระดับทลายมิติไม่ต้องกินหรือดื่มสองสามวันก็ไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเยาว์ด้วยเลยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

สี่วันต่อมา หลังจากที่หลิงฮันประสบความสำเร็จในขั้นเบื้องต้น เขาหยุดฝึกและเดินออกมาที่สวน

เมื่อเจ้าแมวอ้วนเห็นหลิงฮันเดินออกมา มันรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งไปหาหลิงฮันแล้วข่วนเขาด้วยกรงเล็บของมันทันที

เจ้าแมวอ้วนคือพยัคฆ์ขาว แต่มันกลับทำตัวเหมือนแมว ทั้งยังมีความเร็วที่อาจเทียบกับฮูหนิวได้ ถึงแม้มันจะข่วนหลิงฮัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เพราะมันไม่คิดที่จะทำร้ายหลิงฮัน แค่แสดงความไม่พอใจของมันเท่านั้น

แต่หลิงฮันนั้นอยากจะเล่นกับมันเพราะเขาต้องการรู้ว่าเจ้าแมวอ้วนนี่แข็งแกร่งแค่ไหน

ท้ายที่สุด เจ้าแมวอ้วนตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบสี่ดาว แม้จะฟังดูน้อยแต่มันสามารถทะลวงผ่านพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวได้อย่างง่ายดาย เพราะยังไงมันก็เป็นพยัคฆ์ขาวที่เป็นดั่งสัตว์เทพ ถ้าหลิงฮันจำกัดพลังของเขาให้อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าแมวอ้วน มันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเขาทุกด้านอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถ้าหลิงฮันยกพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบห้าดาว เจ้าแมวอ้วนจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย

พลังต่อสู้ระดับทลายมิติหนึ่งดาว เทียบได้กับความห่างชั้นระหว่างสวรรค์และปฐพี และยิ่งมีพลังต่อสู้มากเท่าไหร่ ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น

หลิงฮันเชื่อว่าถ้าเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาวใช้พลังเต็มโดยที่ไม่โจมตีและปลดปล่อยเพียงแค่แรงกดดันออกมา เจ้าอ้วนตัวนี้จะต้องยอมแพ้เขาโดยที่ไม่ต้องสู้อย่างแน่นอน

นี่คือเหตุผลที่หลิงฮันตั้งหน้าตั้งตารอทะลวงผ่านระดับทลายมิติยี่สิบดาว

หลังจากให้อาหารเจ้าแมวอ้วนเสร็จ หลิงฮันก็กินอาหารและหลับพักผ่อน ยังไงเสียการนอนหลับพักผ่อนก็ยังคงเป็นการฟื้นคืนพลังที่ดีที่สุดอยู่ดี

ในคาบเรียนครั้งที่ห้า หลิงฮันไม่ได้โดดเรียนและเข้าชั้นเรียนเพื่อปรึกษาสุ่ยเยี่ยนยวี่อย่างจริงจัง

แม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะไม่ได้มีความเข้าใจสูงมากนัก แต่ยังไงนางก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี นางจึงสามารถช่วยให้คำปรึกษาหลิงฮันได้ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาของนาง และรู้สึกชื่นชมเขาเช่นกัน

การที่นางพบเจอกับศิษย์ฉลาดอย่างหลิงฮัน ทำให้นางอยากเป็นอาจารย์จริงๆมากกว่าอาจารย์ชั่วคราวขึ้นมาเลย

“เจ้าโง่หลิงนี่คุยกับพี่สุ่ยไม่หยุดเลย” หลี่เหว่ยเหว่ยจ้องมองไปที่เขาและกำหมัดด้วยความเกลียดชัง “หึ่ม ทั้งที่เป็นแค่กบแต่อยากกินเนื้อหงส์!”

“เหว่ยเหว่ย หรือเจ้ารู้สึกอิจฉา?” จื่อหยุนเอ๋อถามด้วยรอยยิ้ม

หลี่เหว่ยเหว่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที แม้นางจะรู้สึกแปลกใจกับความสามารถของหลิงฮัน แต่ยังไงนางก็เป็นบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอยู่ดี แล้วนางจะสนใจชายที่มีสถานะต่ำต้อยกว่าตัวเองได้อย่างไร? นางยืนกอดอกและพูดว่า “ข้าแค่เป็นห่วงพี่สาวสุ่ยเท่านั้น เพราะสายตาของเจ้าโง่หลิงเอาแต่มองไปที่หน้าอกของพี่สาวสุ่ย!”

เมื่อได้ยินที่นางพูดช่วยไม่ได้ที่จื่อหยุนเอ๋อจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มันเป็นอย่างที่หลี่เหว่ยเหว่ยพูดไม่มีผิด

หลิงฮันยังคงคุยกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่หยุด และหลังจากที่เขาสนทนากับนางทำให้เขาได้รับความรู้มามากมาย ซึ่งทำให้เขาก้าวหน้ามากขึ้น หากเขาทำเสร็จ นางจะให้เขาถ่ายทอดประสบการณ์ของเขาให้กับทุกคน

แน่นอนว่าทางสำนักจะต้องมอบรางวัลตอบแทนให้กับหลิงฮันอย่างแน่นอน

แต่หลิงฮันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ถ้าเขาสามารถรวมทักษะหกธาตุให้เป็นหนึ่งได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะสามารถทำได้แบบเขา เพราะยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของตนเอง

แต่ถ้าคนผู้นั้นมีความเข้าใจมากพอ มันก็จะเป็นแสงสว่างนำทางให้กับคนผู้นั้น

หลังจากเลิกเรียน หลิงฮันกลับบ้านของตัวเองและเริ่มฝึกฝนอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

นี่คือนิสัยของเขา ถ้าเขาต้องการฝึกฝนอะไรสักอย่าง เขาจะใช้เวลาไปกับเรื่องนั้นเพียงอย่างเดียวเป็นเวลาสองหรือสามเดือนเพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และนี่เองคือเคล็บลับที่ทำให้เขาเป็นจักรพรรดินักปรุงยา

ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนวรยุทธอย่างบ้าคลั่ง

สามวันต่อมา ในที่สุดหลิงฮันก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาสามารถโคจรทักษะหกธาตุออกมาพร้อมกันได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำและความเร็วในการก้าวหน้าก็เชื่องช้า

หากความเร็วในการก้าวหน้าของเขาเป็นแบบนี้ต่อไป เขาอาจต้องใช้เวลาสามสิบปีเพื่อทะลวงผ่านระดับทลายมิติยี่สิบดาว

ในความเป็นจริงความเร็วดังกล่าวไม่ได้ช้าเลย แต่หลิงฮันต้องการพบเจอกับคนที่เขารักและสหายของเขาให้เร็วที่สุด

“เจ้าโง่! เจ้าโง่หลิง!” หลี่เหว่ยเหว่ยตะโกนเรียกหลิงฮัน เขาเลยต้องหยุดฝึกฝนบ่มเพาะพลังและออกมาจากหอคอยทมิฬแล้วเดินไปที่ประตู

“มีธุระอะไรงั้นรึ?” หลิงฮันถาม

“ข้ามาข่าวดีมาบอกเจ้า!” หลี่เหว่ยเหว่ยโยนแผ่นป้ายสีขาวคล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยกให้กับหลิงฮันแล้วพูดว่า “นี่คือแผ่นป้ายเข้าบ่อน้ำพุหยกดำ เจ้าสามารถเข้าไปในวันพรุ่งนี้ได้เป็นเวลาสี่ชั่วโมง ซึ่งหากอยู่นานเกินไป มันจะเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณและร่างกายของเจ้า”

“และเจ้าต้องออกก่อนเที่ยงคืน เพราะวันต่อมาจะเป็นวันที่สตรีคนอื่นรวมถึงข้าด้วยที่จะเข้าใช้งาน และหากเจ้าไม่ออกมาจากบ่อน้ำพุหยกดำก่อนวันนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าตายคาบ่อเลย!”

“ถึงเวลาเข้าแล้วหรือนี่!” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และเขาใจทันทีว่าถึงเดือนที่สำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือเข้าบ่อน้ำพุหยกดำแล้ว

“ใช่แล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยยิ้มเยาะและอดที่จะรอหลิงฮันทำตัวโง่งั่งในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ แค่คิดนางก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว

“เจ้าจงจำเอาไว้ด้วย หากเจ้าพลาดวันพรุ่งนี้ไป เจ้าจะต้องรออีกทีเดือนหน้า” นางพูดเตือนเขาอีกครั้ง

หลิงฮันรู้สึกสงสัยในคำพูดของนางและพูดว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเป็นคนใจดีขนาดนี้?”

“หึ่ม หรือเจ้าสงสัยน้ำใจของข้าที่มาส่งแผ่นป้ายให้กับเจ้า?” หลี่เหว่ยเหว่ยถาม

“เปล่า ข้าแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น แต่ยังไงข้าก็รู้สึกขอบคุณเจ้ามาก” หลิงฮันส่ายหัวและรับแผ่นป้าย

หลังจากส่งแผ่นป้ายให้หลิงฮันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เหว่ยเหว่ยหันหลังกลับและจากไปรวดเร็ว เพราะนางกลัวว่าจะหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมา