คนดีซะที่ไหนกันล่ะ

 

ตอนนี้ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายในช่องสตรีม

 

“ไม่น่าเชื่อ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”

 

“ฉันกลัวจนจะหยุดหายใจเลยนะนั่น ใจฉันเต้นตุ้มๆต่อมๆเลยตอนที่เขาโดดลงจากชั้นสาม”

 

“นี่คือปากัวร์(ฟรีรันนิ่ง)ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย ถ้าเทียบกับวิดีโอของคนที่ถูกเรียกว่าเป็นแนวหน้าด้านปากัวร์ทำ ยังทาบไม่ติดสักนิด”

 

“ซูจิ้งยังเป็นคนอยู่ใช่รึเปล่า”

 

“เขานั้นเหมือนกับเป็นพวกกึ่งเทพเลย”

 

ในช่องคอมเม้นต์นั้น จำนวนรางวัลที่ได้รับจากผู้ชมหลั่งไหลเข้ามารางวัลพวกนี้ มีความสำคัญกับเหล่าสตรีมเมอร์อย่างมาก เพราะมันสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ ถ้ามันน้อยมากก็ไม่ได้มีค่าอะไรแต่นี่ผู้ชมบางคนถึงกับยอมใช้รางวัลเหล่านี้แลกเปลี่ยนกับแสดงว่าพวกเขานั้นตื่นตะลึงกับสตรีมนี้มากแค่ไหน แค่ซูจิ้งที่เป็นดารามาสตรีมก็ทำให้คนคลั่งได้แล้ว แต่นี่เขายังทำเรื่องที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อม ทั้งในวงการสตรีมและวงการเอ็กซตรีม เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจเลยที่รางวัลที่ได้จะมากมายขนาดนั้น

 

การไหลมาของรางวัลนี้ได้สร้างความตื่นตกใจ ราวกับอยู่ๆก็มีฟ้าผ่าลงมาตรงหน้าต่อหน้าเต็งหมินจี้ เฉียนหยินหนิง และปันเสวี่ย ทั้งสามคนต่างจ้องเขม็งไปที่ซูจิ้งอย่างกับเห็นผีไม่ก็เทวดา เพียงแค่ทำการสตรีมในช่วงเวลาสั้นๆ  กลับได้รางวัลจากผู้ชมมากมายขนาดนี้ ซูจิ้งเห็นเลยเอ่ยถามออกมาว่า

 

“มันเปลี่ยนเป็นเงินได้กี่หยวนกัน”

 

“ประมาณสามแสนหยวนครับ แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก” เต็งหมินจี้เดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของซูจิ้ง

 

“น่าจะพอแล้วนะ งั้นก็เลิกงานได้” ซูจิ้งพูดกับพร้อมพยักหน้าแสดงความพึงพอใจกับผลตอบรับ เขาหันไปมองกล้องแล้วพูดออกมาว่า “สวัสดีครับทุกคน พอดีว่าตอนนี้เริ่มมีคนเข้ามามุงดูมากขึ้นแล้ว ผมกลัวว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นมา งั้นผมขอจบการสตรีมครั้งนี้ไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้านะ”

 

ทั้งสี่คนพยายามแหวกฝูงชนออกไป แต่ว่าเต็งมินจี้ก็ยังไม่ได้ปิดกล้องแต่อย่างใด เขานั้นยังคงถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น รางวัลที่ได้จากผู้ชมสตรีมยังไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลายๆ คนต่างบอกว่าซูจิ้งนั้นแค่อยากเปลี่ยนที่เพราะมีคนมามุงดูมากเกินไป

สุดท้ายทั้งสี่คนก็ได้หาทางกลับไปที่โรงพยาบาลจนได้

 

ซูจิ้งได้บอกไปยังเต็งหมินจิ้ว่า “ลองติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่ของเว็บดูนะว่าพอจะให้ส่งเงินมาได้เลยรึเปล่า โดยลองเล่าสถานการณ์ของนายให้เค้าฟังดูซิว่าจะยอมไหม”

 

“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะแบ่งส่วนแบ่งให้พี่ด้วยนะ” หมินจิ้พูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ฮ่าฮ่า นี่มันช่องของนายนะ ทำไมนายต้องแบ่งให้ฉันล่ะ นายแค่เอาเงินไปคอยดูแลแม่ของนายก็พอแล้ว” ซูจิ้งพูดออกมา

 

“นี่มันนนน…” เต็งหมินจิ้ได้แต่ยืนนิ่งไป ทันใดนั้นตาของเขาก็แดงกล่ำ เขาเข้าใจอยู่แล้วว่าทุกสิ่งที่ซูจิ้งทำไปนั้นเพื่อครอบครัวของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าซูจิ้งจะยอมยกเงินกว่าสามแสนหยวนให้เขาทั้งหมด ปกติหมินจิ้นั้นได้เงินจากการสตรีมครั้งนึงเพียงหนึ่งพันหยวนเท่านั้น แต่เพราะซูจิ้งนั้นทำให้เต็งมินจิ้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เขานั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจออกมาว่า

 

“ขอบคุณครับลูกพี่”

 

“อย่าบอกแม่นายเรื่องนี้ก็พอน่า แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเธอสงสัยอะไรหรอกนะ บอกเธอไปแค่ว่านายได้เงินมาจากการสตรีมในช่องของนายก็พอ สิ่งที่นายต้องกังวลคือ ต้องให้เธอทำความเข้าใจให้ได้หล่ะนะว่าทำไมแค่สตรีมถึงได้เงิน” ที่ซูจิ้งพูดอย่างนี้ออกไปเพราะในความเป็นจริงนั้น เขาอยากจะให้เงินแก่ครอบครัวของเต็งหมินถังโดยตรง แบบไม่หวังอะไรตอบแทนแต่แม่ของหมินถังนั้นยังคงกังวล เกี่ยวกับจำนวนเงินและจะหาทางคืนให้เขาในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงรุ่นนั้นอยู่แล้ว ซูจิ้งจึงต้องเปลี่ยนการช่วยเหลือเป็นช่วยหมินจิ้หาเงินแทน เพื่อจะป้องกันไม่ให้เธอต้องหาวิธีตอบแทนเขาในอนาคต

“อืม” หมินจิ้โยกหัวไปมาซ้ายขวาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขานั้นไม่มีทางปฏิเสธเงินก้อนนี้ได้เลย ได้แต่น้อมรับไว้ด้วยหัวใจทั้งหมดของเขา ความจริงนั้นเขาไม่ชอบดาราในดวงใจของพี่สาวเขาเลยซักนิด เพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ด้วยการกระทำของซูจิ้งในวันนี้เขาสามารถบอกได้เพียงอย่างเดียวว่า พี่สาวของเขาตาถึงจริง เขานั้นคิดไปไกลไกลมากไกลถึงขั้นไหนไม่รู้ แต่หน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว

ที่ห้องพักคนไข้ เต็งหมินจิ้ได้แสดงเงินในบัญชีของเขาที่ได้มา ตอนแรกนั้นพ่อกับแม่ของเขาไม่เชื่อเขาเลยซักนิด หมินจิ้จึงต้องใช้การอธิบายปนๆคำโกหกนิดหน่อย เพื่อให้เรื่องมันเข้าใจง่ายขึ้นจนทำให้พ่อแม่ของเขาพอจะเข้าใจ และเชื่อเขาขึ้นมา หมินถังเองนั้นก็พอรู้เรื่องการสตรีมอยู่บ้าง เหมือนเธอสังเกตุเห็นว่าหมินจิ้โกหกบางอย่าง เธอจึงลองเข้าไปเปิดในเว็บดู จึงพอลำดับเรื่องราวที่แท้จริงได้แล้ว เธอทำได้แต่แอบทราบซึ้งในสิ่งที่ซูจิ้งทำให้กับครอบครัวของเธอ เธอได้แต่แอบกระซิบเบาๆออกมาว่า “ขอบคุณค่ะพี่จิ้ง”

 

เต็งหมินจิ้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเว็บที่เขาสตรีม เพื่อขอถอนเงินออกจากเว็บ ซึ่งในตอนแรกมีปัญหาเล็กน้อย ในเรื่องการหักค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยการที่การสตรีมนี้ ทำให้ต้องเจ้าหน้าที่ต้องทำงานมากกว่าปกติพอสมควร อีกทั้งจำนวนเงินที่ได้ยังเยอะกว่าปกติทำให้อาจต้องล่าช้า แต่เมื่อทางฝั่งเจ้าหน้าที่สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงได้ตัดสินใจทันทีว่าจะรีบโอนเงินให้เร็วที่สุด ในส่วนการหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ พวกเขาจะหักเฉพาะค่าธรรมเนียมภาษีตามปกติเท่านั้น ไม่มีการหักค่าธรรมเนียมเข้าเว็บเพิ่มเติม พวกเขาถือว่าเป็นการช่วยเหลือหมินจิ้ในทางหนึ่งแล้ว นอกจากนั้นเขายังทำการพิมพ์ข้อความพาดหัวเว็บของพวกเขา เป็นการอธิบายเรื่องราวสั้นๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าไปดูอีกด้วย

ข้อความดังกล่าวได้แพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต ชาวเน็ตคนไหนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมอยู่ซูจิ้งถึงได้ไปสตรีม ก็เข้าใจเหตุผลซะที ข้อความเขียนอธิบายไว้ว่าซูจิ้งสตรีมเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว ของแฟนคลับของเขา หลังจากเจ้าของเว็บไซต์ทราบเรื่องนี้เขาเลยตัดสินใจว่า จะให้เงินทั้งหมดโดยไม่หักซักเซ็นเดียว นอกจากนี้เว็บไซต์อื่นก็ยังประโคมข่าวนี้ไปทั่วเช่นเดียวกัน

 

“กลายเป็นว่าพี่จิ้งเขาออกมาสตรีมเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัวนั้น”

 

“เห็นบอกว่าตอนแรกพี่จิ้งตั้งใจจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ แต่ครอบครัวของแฟนคลับปฏิเสธเพราะจำนวนเงินนั้นมากเกินไป เขาเลยเปลี่ยนเป็นช่วยคนในครอบครัวนั้นสตรีมหาเงินแทน”

 

“ใช่แล้ว การกระทำของเขาน่ายกย่องแล้วยกย่องอีก”

 

“ที่ดีที่สุดคือการได้มีโอกาสเห็นพี่จิ้งสตรีมนี่แหล่ะ วิดีโอนั้นเจ๋งมากๆแลย”

 

“ฉันดูวนซ้ำๆเป็นสิบรอบแล้วเนี่ย”

 

“ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่จิ้งเขาจะมีโอกาสสตรีมอีกเมื่อไหร่”

 

ในโลกอินเตอร์เนตนั้นพูดคุยกันแต่เรื่องของซูจิ้งจนทำให้ชื่อเสียงของเขาสูงขี้นอย่างรวดเร็ว ยังดีหน่อยที่พ่อและแม่ของเต็งหมินถังนั้นไม่เล่นเน็ต พวกเขาจึงยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยๆตอนนี้แม่ของหมินถังยอมเข้าเข้าระบบบริจาคเรียบร้อยแล้ว เธอนั้นไม่ต้องการไตของหมินถังแต่เลือกที่จะซื้อไตจากคนที่ยอมบริจาค และมีความเข้ากันได้แทน

 

“ขอบคุณมากๆเลยค่ะพี่จิ้ง” ที่หน้าห้องคนไข้เต็งหมินถังยังขอบคุณซูจิ้งทันทีที่เห็นหน้าเขา

 

“ฮ่าฮ่า ก็คิดซะว่าเป็นการตอบแทนเธอละกันน่า อย่าขอบคุณอีกเลย ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนและกันนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“พวกเราจะไปส่งนะครับ/ค่ะ” สองพี่น้องครอบครัวเต็งพูดออกมาพร้อมกัน

 

“ไม่ต้องไปส่งหรอกน่า ดูแลคุณป้าไปนั่นล่ะ เอ้อเสวี่ยน้อยเธอจะกลับไปโรงเรียนเลยรึเปล่า ฉันจะได้ไปส่งเธอ” ซูจิ้งถามออกมา

 

“ไม่เป็นไรค่ะไม่ต้องห่วงหรอกพี่จิ้ง เดี๋ยวหนูจะกลับไปพร้อมกับหมินถังทีหลังเอง” ปันเสวี่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“เค งั้นพี่ไปหล่ะนะ” ซูจิ้งและเฉียนหยินหนิงเดินลงบันไดไปด้วยกัน

 

เฉียนหยินหนิงก็เอาแต่แอบมองซูจิ้งจนเขาเริ่มที่จะอึดอัด เขาจึงถามหยินหนิงไปว่า “เอ่อคุณเฉียนครับ หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึไง มองได้มองดี”

 

“ฉันก็แค่กำลังคิดอยู่น่ะคุณซูว่าคุณเปลี่ยนไปได้ยังไง มันยากที่จะเชื่อนะว่าตอนนี้คุณมีความสามารถเทียบเคียงเทพเลย ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยคุณซ่อนความสามารถเอาไว้งั้นหรอ ถ้าหากว่ามีงานเลี้ยงรุ่น นี่คุณไม่ต้องแปลกใจเลยนะว่าเหล่าเพื่อนๆจะมองคุณแปลกๆ ” เฉียนหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ผมก็ยังเป็นผมปกติหล่ะน่า” ซูจิ้งพูดตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

 

“ห้ะ นายเนื่ยนะปกติ ถ้าหยั่งนั้นปกติของพวกเราก็คงจะต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยหล่ะ” เฉียนหยินหนิงถึงกับเงิบจนเหลือกตาไปข้างพลางพูดออกมา

 

ทั้งคู่ได้พากันคุยเรื่องสัพเพเหระกันตั้งตาตอนเดินลงบันไดจนกระทั่งไปถึงที่จอดรถ ทั้งคู่ต่างก็เอารถมาเองจึงได้แยกกันน่ะตรงนั้น

 

ในขณะที่ซูจิ้งนั่งอยู่ในรถนั้น เขานำเหรียญตราเทวฑูตออกมาพร้อมทำการดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังจำนวนมหาศาลได้ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้ เป็นอย่างที่ซูจิ้งคิด เมื่อเขาเป็นที่นิยมมากขึ้น พลังงานในเหรียญตราจะมากขึ้นตาม พลังนั้นได้ซึมซับเข้าไปสู่สมองของเขาอีกครั้ง พร้อมทั้งร่างกายของเขาเรืองแสงออกมา

ซูจิ้งรับรู้ได้ในทันทีว่าห้วงทะเลวิญญาณของเขาในตอนนี้เริ่มขยายขึ้น และขยายขึ้นมาพอสมควร

 

เมื่อกลับถึงบ้านเขาได้ทดสอบพลังดูพบว่าพลิงจิตของเขารุนแรงขึ้นอย่างมาก ตอนนี้สามารถใช้แรงได้ถึง 460 ชั่ง นั่นทำให้เขาประหลาดใจและยินดีอย่างมาก

 

“ในที่สุดการมีชื่อเสียงนี่ก็เกิดประโยชน์ซักที”

ตอนนี้ความคิดของซูจิ้งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานั้นแต่ก่อนไม่ชอบการมีซื่อเสียงเลยซักนิด เพราะมันทำให้เขาทำอะไรลำบากขึ้น แต่ตอนนี้เขามีความรู้สึกว่าเขาต้องหาทางสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในทันทีที่มีโอกาส

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เร่งรีบเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เขานั้นได้ใช้เวลาสองชั่วโมงในการฝึกเคล็ดวิชาวิถีแห่งโลกหล้า และบ่มเพาะพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา หลังจากนั้นก็ฝึกมวย18อรหันต์ (18ท่า) และสุดท้ายเขาได้ฝึกเวทสัมผัสแห่งใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ

 

ในคืนนั้น ซูจิ้งได้เข้านอนตอนเที่ยงคืนและได้ตื่นมาตอนช่วงตีสามถึงตีสี่ เขานั้นไม่ง่วงนอนเลยแม้แต่น้อยถึงจะนอนน้อยกว่าปกติก็ตาม แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแทน เขานั้นรีบไปใส่อุปกรณ์ของเขาแล้วรีบพุ่งลงไปชั้นหนึ่ง พร้อมกับสรรพสัตว์เลี้ยงทั้งหลายของเขา