พวกจวินอู๋เสียพบน่าหลานเยว่อย่างรวดเร็ว เทียบกับครั้งล่าสุดที่เจอกัน สถานการณ์ของน่าหลานเยว่ค่อนข้างแย่ทีเดียว สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เมื่อเห็นพวกจวินอู๋เสียก็ฝืนยิ้มออกมาได้แค่ขยับมุมปากนิดเดียวเท่านั้น
ในห้องนั้น จงจงนั่งอยู่บนพื้นเหมือนครั้งก่อน อุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมันตะปบของตรงนี้ทีนึง เล่นของตรงโน้นอีกทีนึง เมื่อเห็นจวินอู๋เสีย มันก็ย้ายบั้นท้ายใหญ่โตของมันมาที่เท้าของจวินอู๋เสีย และยกอุ้งเท้าปุกปุยขึ้นกอดขานาง ทำตัวออดอ้อนน่ารักน่าชัง
สิ่งที่จวินอู๋เสียไม่สามารถต้านทานได้มากที่สุดก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีขนปุกปุยน่ารักน่าเอ็นดู นางอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวกลมโตของจงจง แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชอบเอ็นดู
“พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก……” น่าหลานเยว่ที่ดูซีดเซียวสังเกตเห็นว่าพลังวิญญาณบนร่างของพวกจวินอู๋เสียแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก จนถึงขั้นที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเองเลย การค้นพบนี้สร้างความประหลาดใจให้น่าหลานเยว่อย่างมาก ครั้งสุดท้ายที่เจอจวินอู๋เสีย รู้สึกเหมือนประมาณครึ่งปีก่อนนี้เอง เวลาครึ่งปีไม่ถือว่านานสำหรับร่างวิญญาณ วิญญาณใหม่จำนวนมากยังไม่หลุดพ้นจากร่างโปร่งแสงเลยด้วยซ้ำ แต่บนร่างของจวินอู๋เสีย เขามองไม่เห็นสถานะของวิญญาณใหม่เลยแม้แต่น้อย.ไอลีนโนเวล.
“อืม” จวินอู๋เสียพยักหน้า มีจงจงกอดขาอยู่เช่นนี้ นางจึงไม่สามารถเอาตัวเองออกไปได้ในทันที ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ปล่อยให้จงจงเกาะแข้งเกาะขาต่อไป พวกเฉียวฉู่เดินไปหาที่นั่งให้ตัวเองอย่างไม่สนใจ มีเพียงฟ่านจั๋วที่ไม่สามารถลูบจงจงได้ เขามองไปยังวิญญาณสัตว์อสูรตัวอื่นด้วยสายตาละห้อย
เหล่าวิญญาณสัตว์อสูรดูเหมือนจะสังเกตเห็นสายตา “เร่าร้อน” ของฟ่านจั๋ว พวกมันรู้สึกกระดากอายแต่ในที่สุดก็ยอมขยับตัวและเอาหางวางบนเข่าของฟ่านจั๋ว ฟ่านจั๋วลูบทันทีด้วยความรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
“………..” เฉียวฉู่มอง “คู่คลั่งขนปุกปุย” จวินอู๋เสียและฟ่านจั๋ว แล้วพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าทั้งสองรักสิ่งมีชีวิตที่มีขนปุกปุยได้มากขนาดนี้
คนเราตัดสินกันที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ
“ข้าได้ยินเรื่องครูวิญญาณแล้ว” จวินอู๋เสียพูดกับน่าหลานเยว่อย่างตรงไปตรงมา
น่าหลานเยว่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
“เจ้าก็เลยมาหาข้าเพื่อบอกว่ามันเป็นกับดักและไม่อยากให้ข้าไปใช่ไหม?” น่าหลานเยว่ถอนหายใจ “ไม่ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ข้าเข้าใจดี แต่ท่านอาจารย์มีบุญคุณที่คอยสั่งสอนชี้แนะข้า ตอนนี้ท่านถึงคราวเคราะห์ จะให้ข้านั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง? ถ้าข้านั่งดูท่านอาจารย์ตกอยู่ในเงื้อมมืออันชั่วร้ายของอูจิ่ว แล้วทำหลับหูหลับตาไม่รู้ไม่ชี้เพื่อเอาตัวรอด เช่นนั้นข้าจะแตกต่างอะไรกับอูจิ่ว? ข้าจะไม่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉานหรอกหรือ?”
“ข้ารู้ว่าถ้าข้าไป ข้าจะไม่รอดชีวิตกลับมา อูจิ่วไม่ได้เกลียดข้าแค่วันสองวัน แต่ข้าก็ยังต้องไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับข้า อย่างน้อยข้าก็ต้องทำในฐานะลูกศิษย์ วางใจเถอะ ข้าจะไม่พาจงจงไปหรอก ข้าปรึกษากับพวกเสือชีตาห์แล้ว พอข้าไปจากที่นี่ พวกเขาจะพาจงจงไปซ่อนในที่ที่ข้าไม่รู้จักทันที ดังนั้นไม่ว่าอูจิ่วจะใช้วิธีใดง้างปากข้า เขาก็จะหาจงจงไม่เจอ”
น่าหลานเยว่เตรียมการให้จงจงราวกับกำลังเตรียมงานศพของตัวเอง อีกสามวันข้างหน้า เขาจะไปที่หอคอยโยวหลิงแห่งแรกเพื่อจบเรื่องทั้งหมด เขาคิดเรื่องนี้มานาน และเตรียมทุกอย่างที่ทำได้ เขาจะไม่ละทิ้งความกตัญญูต่ออาจารย์และจะไม่ให้จงจงต้องตกอยู่ในอันตราย
“ท่านคิดว่าตราบใดที่พวกเขาหาจงจงไม่พบก็ไม่เป็นไรงั้นหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองน่าหลานเยว่