สถานที่แห่งการบูชายัญ โดย Ink Stone_Fantasy
“ฝ่าบาท มีจดหมายด่วนมาจากทางอาณาจักรดอว์นพ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะเอาห่อหนังแกะขนาดใหญ่ห่อหนึ่งวางไว้บนโต๊ะทำงานของโรแลนด์ “ได้ยินคนส่งจดหมายบอกว่าฌอนเป็นคนให้เขามาส่งพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้” โรแลนด์ตาสว่างขึ้นมาทันที เขาวางแปลนออกแบบเครื่องบินปีกสองชั้นที่อยู่ในมือลงทันทีพร้อมกับลุกขึ้นมา “รีบเปิดมันออกมาดูเร็ว”
ทีมสำรวจเดินทางออกจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปเกือบสองเดือนแล้ว จดหมายฉบับล่าสุดที่เขาได้รับคือตอนที่ทีมสำรวจกำลังจะข้ามชายแดนเกรย์คาสเซิล หลังรู้ว่าแหล่งกำเนิดนั้นไม่ได้อยู่ในอาณาจักร โรแลนด์ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะว่าการสกัดและขนส่งแร่นั้นเป็นกระบวนการที่จะใช้เวลายาวนาน ซึ่งกองทัพที่หนึ่งนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องความคล่องตัว ยิ่งอยู่ห่างจากเขตแดนของตัวเองเท่านั้น แผนการก็จะยิ่งควบคุมได้ยาก
ตอนนี้เมื่อมีข่าวแจ้งกลับมา เขาย่อมต้องรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกก็คือห่อหนังแกะนี่มันค่อนข้างจะใหญ่ไปหน่อย แทบจะทำให้เขานึกถึงพัสดุในโลกสมัยใหม่ขึ้นมา ไม่ว่าทางโน้นจะเจออะไร แค่ส่งจดหมายมาฉบับนึงก็สามารถรายงานรายละเอียดต่างๆ ได้แล้ว ทางทีมสำรวจไปเจออะไรเข้ากันแน่ ถึงได้ทำให้ฌอนต้องส่งห่อของขนาดใหญ่ขนาดนี้กลับมา?
“ข้างในเป็นกระดาษเพคะ” น่าจะเป็นเพราะมองเห็นถึงความรู้สึกสงสัยของเขา ไนติงเกลเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู
“กระดาษ?” โรแลนด์หันหน้ากลับไปถามเบาๆ “หรือว่าความสามารถของเจ้าจะพัฒนาจนมองทะลุสิ่งของได้แล้ว?”
“หม่อมฉันก็อยากให้เป็นเช่นนั้นเพคะ แต่เสียดายที่ไม่ใช่” ไนติงเกลพูด “ตอนที่องครักษ์เดินเข้ามา หม่อมฉันก็แค่ยื่นมือไปคลำดูในห่อของเพคะ”
อย่างนี้นี่เอง การเฝ้าระวังของเธอนี่ช่าง….เดี๋ยวๆ โรแลนด์พลันนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา อย่าบอกนะว่าตอนที่อีฟลินเอามาเครื่องดื่มยุ่งเหยิงอันใหม่มามอบให้เขา หรือว่าจะไปเป็นตอนที่พ่อครัวเข็นรถเข็นของว่างเข้ามา เธอก็ยื่นมือเข้าไป ‘คลำ’ แบบนี้เหรอ?
จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ชาตอนบ่ายก็เหมือนจะได้น้อยลงหรือเปล่า?
“ฝ่าบาท ด้านในมีแต่กระดาษพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดขององครักษ์ดังแทรกความคิดเขาขึ้นมา “ยิ่งไปกว่านั้นกระดาษส่วนใหญ่ยังมีหมึกฉาบเอาไว้เต็มเลยพ่ะย่ะค่ะ”
นี่มันเป็นวิธีรายงานแบบใหม่เหรอ? โรแลนด์หรี่ตา “หรือว่าไม่มีจดหมายที่อ่านได้เลย?”
“รอเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ…” หลังองครักษ์เทของที่อยู่ในห่อหนังแกะออกมาจดหมาย เขาถึงได้พบอะไรบางอย่าง “ด้านล่างสุดมีจดหมายปิดผนึกอยู่ฉบับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“เอามาให้ข้า”
“แล้วกระดาษที่เปื้อนหมึกพวกนี้…”
“เอามันวางไว้บนพื้น” เขาสั่งกำชับ “ฌอนไม่มีทางที่จะส่งของที่ไม่มีประโยชน์กลับมาแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
โรแลนด์เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้พร้อมกับกางจดหมายออก
เมื่อดูจากวันที่แล้ว มันถูกส่งออกมาเมื่อประมาณอาทิตย์ครึ่งก่อนหน้านี้ ตัวจดหมายนั้นมีความยาวจนน่าประหลาดใจ โดยมันมีความยาวถึงสิบกว่าหน้า เขาคิดจินตนาการไม่ออกเลยว่าทีมสำรวจไปเจออะไรเข้าถึงต้องเขียนจดหมายออกมายาวขนาดนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อีกฝ่ายใช้วิธีส่งจดหมายด่วนมา แทนที่จะรอให้เข้ามาในดินแดนทางเหนือของเกรย์คาสเซิลก่อนแล้วค่อยให้นกส่งจดหมายกลับมา
‘ฝ่าบาท คุณหนูอาซีม่าเจอแหล่งกำเนิดที่พระองค์ต้องการแล้วพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ตรงชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือที่เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรดอว์นกับอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท คนในพื้นที่เรียกมันว่าเคจเมาเธ่นพ่ะย่ะค่ะ’
คำพูดประโยคแรกของฌอนทำให้โรแลนด์รู้สึกเบาใจ
ยังดี ในที่สุดการเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้สูญเปล่า เขตเหมืองยังอยู่ในอาณาจักรดอว์นก็หมายความว่าเขาสามารถให้ตระกูลควินน์ควบคุมกระบวนการขุดแร่ได้ ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่มันก็ดีกว่าถูกทางอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทหรืออาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์เข้ามาขัดขวาง
ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูร้อนใจอะไร นี่ทำให้เขายิ่งอยากรู้ว่าเนื้อหาครึ่งหลังในจดหมายมันคืออะไร
‘เพียงแต่ว่ามันไม่ได้อยู่ในถ้ำ หากแต่อยู่ในซากโบราณสถานที่เก่าแก่มากๆ แห่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือมันไม่ได้เป็นของอารยธรรมใต้ดิน แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่มดของทาคิลาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมเคยสงสัยว่ามันอาจจะเป็นสิ่งก่อสร้างของพวกปีศาจที่อยู่ใต้ทะเลลึก แต่การค้นพบของคุณหนูแม่มดก็ได้ปฏิเสธการคาดเดานี้ไปพ่ะย่ะค่ะ’
‘ฝ่าบาท นี่คือซากโบราณสถานของเผ่าพันธุ์ที่พวกเราไม่เคยรู้จักมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ’
โรแลนด์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เผ่าพันธุ์ใหม่ที่ไม่รู้จัก แถมยังปรากฏอยู่ในดินแดนของสี่อาณาจักรใหญ่?
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่สมาพันธ์ก็ไม่เคยพูดถึงมาก่อน
ถึงแม้จะบอกว่าในอดีตดินแดนแห่งนี้ทั้งยากจนและล้าหลัง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนางจะมองข้ามพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในแนวรบไป ถ้าเกิดมีความเคลื่อนไหวอะไรแปลกๆ ไม่มีทางที่พวกแม่มดจะไม่สังเกตเห็น
พูดอีกอย่างก็คือถ้าข้อสรุปอันนี้ถูกต้อง อย่างนั้นเวลาที่พวกมันอยู่ ณ ที่ตรงนั้นก็เก่าแก่กว่าอารยธรรมใต้ดินเสียอีก
ปัญหาสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า ทำไมเผ่าพันธุ์นี้ถึงสนใจแร่ยูเรเนียม?
เขาอ่านลงไปต่อ
‘คนที่สร้างที่นี่ได้ทิ้งภาพวาดจำนวนมากเอาไว้บนกำแพงหินในชั้นใต้ดิน สิ่งที่อยู่ในภาพวาดนั้นมีสัตว์ประหลาดประเภทต่างๆ ที่ไม่เหมือนกับที่พวกเราเคยเห็นมาก่อน เมื่อดูจากเนื้อหาในภาพวาด เลดี้โรสเซอร์กับกระหม่อมต่างคิดว่าสิ่งก่อสร้างนี้อาจจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการลงโทษพ่ะย่ะค่ะ’
‘มันไม่ใช่แค่ตั้งอยู่ในแหล่งกำเนิดสายแร่เท่านั้น แต่คนที่สร้างมันขึ้นมายังเผาแร่ให้เป็นก้อนๆ แล้วเอามาสร้างเป็นกำแพงกับพื้นทางเดินด้วยพ่ะย่ะค่ะ อาซีม่าได้ตรวจสอบดูแล้ว พบว่าทุกซอกทุกมุมของซากโบราณสถานนั้นล้วนแต่มีธาตุที่เหมือนกันอยู่ แม้แต่ภาพวาดบนผนังก็ใช้แร่จำนวนมากในการวาดมันขึ้นมา ส่วนพื้นที่รอบๆ ชั้นใต้ดิน พวกกระหม่อมยังเจอกรงกับโครงกระดูกสีขาวเป็นจำนวนมาก ซึ่่งในภาพวาดบนผนังก็วาดภาพเหล่านี้เอาไว้เหมือนกัน’
‘พวกมันเหมือนจะเอาศัตรูจำนวนมากมาขังเอาไว้ที่นี่ ในนั้นไม่ได้มีเพียงเผ่าพันธุ์อื่นเท่านั้น แต่ยังมีพวกเดียวกันเองด้วย จากนั้นพวกมันก็ใช้พลังของแหล่งกำเนิดในการทรมานอีกฝ่าย เหมือนกับว่าการทำแบบนี้จะทำให้พระเจ้าของพวกมันมีความสุขอย่างไรอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ’
‘กระหม่อมพยายามที่จะลอกรูปที่อยู่บนผนังเหล่านั้นออกมา แล้วให้คนส่งจดหมายของตระกูลโทคัตเอาไปส่งที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เพียงแต่ปริมาณชุดป้องกันนั้นมีจำนวนจำกัด บวกกับภาพวาดมีขนาดใหญ่ ตอนนี้ความคืบหน้าจึงค่อนข้างช้า ภาพที่พระองค์ได้เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน กระหม่อมคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีก 1 – 2 เดือนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ’
‘นอกจากนี้กระหม่อมค่อนข้างเป็นห่วงเลดี้โรสเซอร์ นางเข้าไปในชั้นใต้ดินโดยไม่ได้สวมชุดป้องกัน ไม่รู้ว่านางจะได้รับอันตรายอย่างที่พระองค์ตรัสเอาไว้หรือเปล่า ในอดีตคนในพื้นที่ได้ค้นพบซากโบราณสถานแห่งนี้ ผลคือพวกเขาติดเชื้อโรคแปลกๆ ในระหว่างสำรวจ มีหลายคนที่เสียชีวิตลงไป ด้วยเหตุนี้มันจึงได้ชื่อวัดต้องสาป อีกทั้งเมื่อดูจากเป้าหมายในการใช้เป็นสถานที่ทรมานของโบราณสถานแห่งนี้แล้ว กระหม่อมคิดว่าอันตรายที่ว่าน่าจะยังมีอยู่พ่ะย่ะค่ะ’
“แย่แล้ว” เมื่ออ่านถึงตรงนี้ โรแลนด์พลันพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา
“ทำไมเหรอเพคะ” ไนติงเกลที่อยู่ในหมอกมายาถามขึ้นมา “ต่อให้แม่มดอาญาสิทธิ์ต้องคำสาป แค่เปลี่ยนร่างกายก็แก้ปัญหาได้แล้วไม่ใช่เหรอเพคะ?”
“ที่ข้าเป็นห่วงไม่ใช่แม่มดอาญาสิทธิ์ หากแต่เป็นฌอนกับอาซีม่า” เขาส่ายหัวด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “ตามแผนแล้ว พวกเขาไม่ควรที่จะอยู่ในเขตเหมืองนานขนาดนี้”
ไม่ว่าจะเป็นแร่ยูเรเนียมหรือว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะ รังสีที่เกิดจากการสลายตัวของมันจะมีอนุภาคแอลฟ่าเป็นหลัก ซึ่งมันยากจะทะลุผิวหนังแล้วสร้างความเสียหายต่อร่างกายของมนุษย์ได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าภายในเขตเหมืองจะไม่มีอันตราย เมื่อคิดถึงว่าธาตุกัมมันตรังสีเหล่านี้คงอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี ธาตุบางส่วนในนั้นได้อาจจะกลายสภาพเป็นธาตุที่มีอันตรายไปแล้ว อย่างเช่นเรดอน ซึ่งหากเป็นแบบนั้นสภานการณ์ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น
ครึ่งชีวิตของเรดอนนั้นแค่ 3.8 วัน โดยตัวมันมีลักษณะเป็นแก๊ส จึงทำให้ถูกดูดซึมเข้าร่างกายและทำให้ร่างกายได้รับพิษจากรังสีได้ง่าย ชุดป้องกันที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ทีมสำรวจนั้นถูกออกมาเพื่อให้ในการสำรวจในตัวเหมือง ชุดคลุมแบบห่อหุ้มทั้งตัวสามารถป้องกันธาตุที่มีพิษหลายชนิดที่เกิดจากแร่ยูเรเนียมสลายตัวได้ หน้ากากถ่านกัมมันก็สามารถดูดซับแก๊สเรดอนและแก๊สพิษอื่นๆ ได้ ขอเพียงไม่อยู่ในเขตเหมืองนานเกินไปก็แทบจะไม่มีอันตรายใดๆ
แต่ถ้าไปอยู่ในนั้นเป็นระยะเวลานานเกินไปมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากการดูดซับของอนุภาคคาร์บอนนั้นมีจำกัด นั้นหมายความว่าคนที่เข้าไปทำการลอกภาพบนผนังในถ้ำมีโอกาสที่จะหายใจเอาแก๊สเรดอนเข้าไปเกินกว่ามาตรฐาน และทำให้ได้รับรังสีไอออไนซ์ที่มากเกินไป
“พวกเขาต้องรีบออกมาจากซากโบราณสถานเดี๋ยวนี้” โรแลนด์หยิบปากกากับกระดาษมาจากบนโต๊ะ “เรียกฮันนี่มา ให้นางรีบเอาจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้พวกเขาโดยเร็วที่สุด”