บทที่ 1074 ฐานะของหลิงหยุน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หากเลือกได้..เสี่ยวเม่ยเม่ยก็เลือกที่จะไม่กลับมาหาหลิงหยุน หรืออย่างน้อยก็ไม่กลับมาในสถานะเช่นนี้!
  เสี่ยวเม่ยเม่ยคิดว่า..หากนางหายไปโดยไม่กลับมาอีก หลิงหยุนก็จะต้องรู้สึกผิดต่อนาง และต้องหาทางแก้แค้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับนาง
  เสี่ยวเม่ยเม่ยต้องการรอคอยให้หลิงหยุนบุกมาช่วยนางออกไปเพื่อที่นางจะได้โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเช่นเดียวกับที่เกาเฉินเฉินเคยทำ และได้มองดูหลิงหยุนต่อสู้เพื่อตัวนาง หรือไม่ทั้งคู่ก็ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน..
  แม้ว่านางจะถูกเย่ซิงเฉินหรือคนของพรรคมารสังหารตาย แต่อย่างน้อยหลิงหยุนก็จะคิดถึง และจดจำนางไปตลอดชีวิต..
  แม้การกลับมาของเสี่ยวเม่ยเม่ยในครั้งนี้นางจะดูงดงามขึ้นกว่าเดิมมาก และการปรากฏตัวของนางในวันเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนั้น ก็ได้ทำให้หลิงหยุนประหลาดใจเป็นอย่างมาก..
  แต่หลังจากความประหลาดใจก็เหลือเพียงแค่ความเฉยชา..
  แต่จะเรียกว่าความเฉยชาก็ไม่ถูกนักต้องพูดว่าหลายวันนี้ดูเหมือนหลิงหยุนตั้งใจที่จะหลบหน้าหลบตาเสี่ยวเม่ยเม่ยเสียมากกว่า..
  แต่ถึงกระนั้น..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสื้อผ้าอาภรณ์ อาหาร และที่พัก หลิงหยุนก็ล้วนแล้วแต่จัดเตรียมให้กับเสี่ยวเม่ยเม่ยไว้อย่างเพียบพร้อม นางเองก็แอบสังเกตดูการกระทำของหลิงหยุนอยู่ตลอดเวลา..
  แม้ในวันที่หลิงหยุนเดินทางมาปักกิ่งนอกเหนือจากหลิงเสี่ยวแล้ว เขาก็ได้นำผู้หญิงติดตามมาด้วยเพียงแค่สามคนเท่านั้น ซึ่งก็คือฉินตงเฉี่วย เกาเฉินเฉิน และเสี่ยวเม่ยเม่ย..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็รู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นมีหญิงงามอยู่ที่จิงฉูมากมายและแต่ละนางก็ต้องการที่จะติดตามหลิงหยุนมาปักกิ่งทั้งสิ้น..   ฉินตงเฉี่วยนั้นมาในฐานะของน้าสาวเกาเฉินเฉินก็มาด้วยเรื่องของตระกูลเกา และหากหลิงหยุนจะพานางซึ่งเป็นหญิงมาปักกิ่งเพียงผู้เดียวนั้น เสี่ยวเม่ยเม่ยก็คงจะรู้สึกอิ่มเอมใจไม่น้อย..
  แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น..และแม้แต่หลิงหยุนไปรักษาสมาชิกตระกูลเกาทั้งสิบ เขาก็ยังไม่พาเสี่ยวเม่ยเม่ยไปด้วย
  และนั่นทำให้เสี่ยวเม่ยเม่ยกระจ่างอยู่ในใจว่าตั้งแต่นาทีที่นางกลับมาจนถึงตอนนี้ นางยังไม่สามารถเข้าไปนั่งในใจของหลิงหยุนได้เลย และสาเหตุที่หลิงหยุนพานางมาปักกิ่งด้วยนั้น ก็คงไม่ได้เป็นเพราะเขาชื่นชอบในตัวนางเป็นพิเศษแต่อย่างใด..
  หากไม่ใช่เพราะหลิงหยุนมีบางอย่างต้องการจะถามไถ่นางหรืออาจเป็นเพราะต้องการให้นางอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาแล้วล่ะก็ หลิงหยุนก็คงไม่พานางมาปักกิ่งด้วย!
  แม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเม่ยเม่ยเพียงลำพังสองต่อสองหลิงหยุนกลับมีท่าทางสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่คำพูดหยอกเย้า หรือคำพูดหวานๆแต่อย่างใด ไม่มีการขอความช่วยเหลือ หรือการปฏิบัติดังเช่นที่เคยมี เหมือนก่อนหน้าที่จะถูกเย่ซิงเฉินนำตัวไป..
  อีกทั้งหลิงหยุนก็ยังไม่เคยถามอะไรนางเลย..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยสัมผัสได้ว่า..หลิงหยุนไม่ได้ไว้เนื้อเชื่อใจนางเหมือนเช่นเคย จึงแทบไม่ต้องพูดถึงฉินตงเฉี่วยกับเกาเฉินเฉิน เพราะแม้แต่โม่วู๋เตานางยังไม่สามารถเทียบได้เลย..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยเป็นเด็กกำพร้าและกลายมาเป็นมือสังหารให้กับองค์กรนักฆ่าในที่สุด แต่เพราะภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา นางกับหลิงหยุนจึงได้ต่อสู้กัน และทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
  หลังจากที่ได้มาอยู่กับหลิงหยุนสถานะของเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเช่นเดียวกับเฉิงเม่ยเฟิง ถึงขั้นที่หลิงหยุนให้นางกับเฉิงเม่ยเฟิงไปทำความรู้จักกับนางฉินจิวยื่อซึ่งเป็นแม่ของเขา
  เสี่ยวเม่ยเม่ยรู้ว่า..หลังจากที่ได้ผ่านเหตุการณ์หนักหนาปางตายมาด้วยกัน ในที่สุดนางก็สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจของหลิงหยุนได้
  แต่หลังจากที่หลิงหยุนหายตัวไปและเกิดเรื่องกับเฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็ถูกคนพาตัวไปด้วยเช่นกัน
  แต่เมื่อนางกลับมาอีกครั้ง..ทุกอย่างก็ผิดแปลกไปจากเดิม!
  ความเจ็บปวดใจเช่นนี้ยากนักที่นางจะรับไว้ได้..
  ครั้งนี้หลิงหยุนมาปักกิ่งด้วยเหตุผลอันใดและจุดประสงค์ใดนั้น เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็ไม่เคยได้มีโอกาสล่วงรู้..
  นางรู้เพียงแค่สิ่งที่นางเห็นเท่านั้นส่วนที่เหลือนางต้องคาดเดาเอาเองทั้งสิ้น..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยรู้ดีว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงมีท่าทีเช่นนี้!นั่นเพราะนางถูกเย่ซิงเฉินนำตัวไปฝึกวิชาในพรรคมาร แต่กลับออกมาโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ แม้แต่น้อย..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็ตระหนักถึงฐานะของตนเองดีว่านางเองนั้นเป็นเพียงแค่บ่าวของธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินเท่านั้น..
  หากเลือกได้..เสี่ยวเม่ยเม่ยพอใจที่จะตายมากกว่าอยู่! แต่พรรคมารนั้นไม่เพียงไม่ทำร้ายนาง หนำซ้ำยังฝึกวรยุทธให้นางจนสามารถเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นกว่าเดิมอีก..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยจึงจำต้องยอมรับความเจ็บปวดนี้อย่างเงียบๆนั่นเพราะนางยังเรื่องที่ยากลำบากรอให้นางสะสางอยู่ นางจึงจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป..
  นั่นเพราะมีใครบางคนบอกกับนางว่า..หลิงหยุนนั้นแท้จริงแล้วเป็นทายาทของตระกูลหลิง และผู้ที่ให้กำเนิดเขาก็คือธิดาพรรคมารคนก่อน และเป็นอาจารย์ของเย่ซิงเฉินด้วย..
  เย่ซิงเฉินนั้นเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของธิดาพรรคมารคนก่อนและธิดาพรรคมารผู้นี้ก็ได้บอกกับเย่ซิงเฉินว่า หากชีวิตนี้เย่ซิงเฉินต้องการจะแต่งงาน เย่ซิงเฉินจะต้องแต่งงานกับลูกชายของนางเพียงคนเดียวเท่านั้น!
  หรือพูดอีกอย่างก็คือว่า..หยิงชิงเฉวียนนั้นเป็นผู้ที่ชุบเลี้ยงเย่ซิงเฉินมา เย่ซิงเฉินจึงเปรียบเสมือนบุตรสาวบุญธรรมของนางนั่นเอง
  หากหลิงหยุนเป็นทายาทตระกูลหลิงจริงหยินชิงเฉวียนก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดหลิงหยุน เย่ซิงเฉินจึงนับเป็นภรรยาที่แท้จริงของหลิงหยุน เช่นนี้แล้วมีหรือที่เสี่ยวเม่ยเม่ยจะกล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง
  ด้วยเหตุนี้..เสี่ยวเม่ยเม่ยจึงตั้งใจที่จะแบกรับภาระที่หนักอึ้งนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว และรอจนกว่าฐานะที่แท้จริงของหลิงหยุนจะกระจ่างชัดเท่านั้น
  หากหลิงหยุนเป็นทายาทตระกูลหลิงจริงเรื่องราวก็จะจบลงด้วยความสุข!
  แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น..นางก็จะยอมตายเพื่อปกป้องหลิงหยุน!
  แต่ตอนนี้แม้แต่หลิงหยุนเองก็ไม่เชื่อใจนางส่วนเย่ซิงเฉินเองก็ยังไม่สามารถยืนยันฐานะที่แท้จริงของหลิงหยุนได้ เสี่ยวเม่ยเม่ยจึงเสมือติดอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน ความเจ็บปวดใจของนางนั้นยากนักที่ผู้ใดจะจินตนาการได้..   เวลานี้เสี่ยวเม่ยเม่ยไม่อาจทรยศหักหลังหลิงหยุนได้และไม่อาจปฏิเสธที่จะไม่ทำตามคำสั่งของเย่ซิงเฉินได้เช่นกัน เสี่ยวเม่ยเม่ยจึงต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจอย่างมาก!
  “เจ้าคงจะเจ็บปวดมากสินะ!”
  เย่ซิงเฉินจ้องมองเสี่ยวเม่ยเม่ยที่ยืนร่างกายสั่นเทิ้มดวงตาคู่งามนั้นมีเพียงความเฉยชา..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับตอบเสียงสั่น“ถูกต้อง..”
  แต่จู่ๆเย่ซิงเฉินก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจนเห็นลำคอยาวระหงส์นั้น นางจ้องมองท้องฟ้านิ่งนานก่อนจะถอนหายใจ และพูดออกมาว่า
  “ข้าเองก็เช่นกัน..”
  “หากหลิงหยุนไม่ใช่ทายาทตระกูลหลิงจริง..ข้านี่ล่ะที่จะต้องเป็นผู้ลงมือสังหารเขาด้วยตัวเอง!”
  ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของเย่ซิงเฉินเสี่ยวเม่ยเม่ยจึงเงยหน้าขึ้นจ้องมองนางพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างบ่าวนั้นได้มลายหายไปทันที
  “หากท่านจะสังหารหลิงหยุนก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
  สำหรับเสี่ยวเม่ยเม่ยแล้ว..นางไม่สนใจว่าหลิงหยุนจะเป็นใคร จะเป็นทายาทตระกูลหลิงหรือไม่ และหากใครกล้าแตะต้องหลิงหยุน นางก็พร้อมที่จะใช้ชีวิตของตนเองปกป้องเขา.. novel-lucky
  เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นี่.. เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้เชียวรึ เจ้าไม่เกรงว่าข้าจะหึงหวงเจ้าหรืออย่างไร? แต่เอาเถอะ.. ตราบใดที่ฐานะของหลิงหยุนยังไม่ชัดเจน เรื่องเหล่านี้พูดไปก็ไม่มีความหมายอะไร..”
  เสี่ยวเม่ยเม่ยพยักหน้าเห็นด้วย..
  แต่จู่ๆเย่ซิงเฉินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับถามออกไปว่า “ตอนนี้หลิงหยุนกำลังทำอะไร หรือกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่? เจ้าไม่รู้บ้างเลยงั้นรึ?”
  “ข้าไม่รู้เลย..”เสี่ยวเม่ยเม่ยตอบ..
  เย่ซิงเฉินบอกกับเสี่ยวเม่ยเม่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ..“ข้ามาปักกิ่งครั้งนี้ก็เพื่อจะปฏิบัติภารกิจสามอย่าง..”
  “เรื่องแรก..คือยืนยันฐานะที่แท้จริงของหลิงหยุน”
  “เรื่องที่สอง..คือสังหารคนสองคน และหาทางควบคุมองค์กรนักฆ่าที่ปักกิ่ง”
  “และเรื่องที่สาม..ก็คือตามหาคนคนหนึ่งตามคำสั่งของอาจารย์ นางก็คือสาวใช้ของอาจารย์ข้า และเป็นคนที่พาหลิงหยุนหนีออกมาจากแท่นบูชาของพรรคมาร นามว่าจินเหยียว!”
  “เวลานี้แม้ว่าฐานะของหลิงหยุนจะยังไม่ชัดเจนแต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคกับความร่วมมือระหว่างเขากับข้า ข้าคงต้องเริ่มเข้าควบคุมองค์กรนักฆ่าที่ปักกิ่งแล้ว เจ้าช่วยบอกหลิงหยุนให้มาพบข้าที..”
  “หากหลิงหยุนเป็นบุตรชายของอาจารย์ข้าจริงทุกอย่างก็คงจบลงอย่างมีความสุข! แต่หากไม่ใช่.. เรื่องราวหลังจากนั้นคงจะโกลาหลกันใหญ่แน่”
  “เสี่ยวเม่ยเม่ย..เจ้าว่าหลิงหยุนจะใช่ลูกของอาจารย์ข้าหรือไม่”
  เสี่ยวเม่ยเม่ยนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่แล้วจึงส่ายหน้า “ข้าไม่ต้องการคาดเดา..”
  เย่ซิงเฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. นี่ก็สายมากแล้ว ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องไปจัดการ ส่วนเจ้าก็รีบกลับไปได้แล้ว และอย่าลืมว่าต้องคอยติดต่อข้าอยู่เสมอ..”
  จากนั้นเย่ซิงเฉินก็กระโดดออกจากบ้านไปทันที..
  แต่เสี่ยวเม่ยเม่ยยังคงยืนนิ่งอยู่เนิ่นนานวงหน้างดงามนั้นมีน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม..
  หลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่เสี่ยวเม่ยเม่ยจึงได้แต่พึมพำออกมาว่า “หลิงหยุน.. เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเจ็บปวด และทรมานใจมากเหลือเกิน ข้าไม่อยากทนอยู่ในสภาพเช่นนี้!”
  ………
  หลิงหยุนยืนอยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดและกำลังสำรวจหาพ่อของเขา – หลิงเสี่ยว!   “เอ็ดเวิร์ด..เจ้าพยายามรักษาเพดานบินให้อยู่ในระดับเหนือพื้นดินห้าร้อยเมตร!”
  เมื่อมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดรักษาระดับเพดานบินให้อยู่ในระดับเหนือพื้นดินห้าร้อยเมตรได้แล้วหลิงหยุนจึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา เขาได้จัดการระบุตำแหน่งที่โม่วู๋เตาบอกไว้ในระบบ GPS แล้ว และเวลานี้เขาก็ได้บินมุ่งหน้าไปตามแนวเส้นทางที่มุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ..
  ในการค้นหาหลิงเสี่ยวนั้น..หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ในการสำรวจ จึงไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เลย และเวลานี้เขาก็กำลังค้นหาจุดตัดระหว่างเขาสองลูก ซึ่งอยู่ระหว่างถนนวงแหวนที่หกและที่เจ็ด
  เวลานี้หลิงหยุนบินสำรวจอยู่นอกถนนวงแหวนที่เจ็ดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนถูกจับได้..
  หลิงหยุนกำลังบินไปตามเทือกเขาหยานซานและกำแพงเมืองจีนที่ทอดยาว เพื่อมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างทางหลิงหยุนก็คอยดูแผนที่ไปด้วยเรื่อยๆ  หลิงหยุนตั้งใจที่จะไปค้นหาตรงตำแหน่งที่โม่วู๋เตาคำนวนได้เท่านั้นและจะไม่มีการออกนอกเส้นทางเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเชื่อมั่นว่าคำทำนายของโม่วู๋เตานั้นจะต้องถูกต้องแม่นยำ!
  เหตุผลก็ง่ายเพียงนิดเดียวหากคำทำนายของโม่วู๋เตาไม่แม่นยำจริง เขาก็คงไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เช่นนั้น!
  “ตรงไปทางเขาหยุนเมิ่งนั่น..”
  เวลาประมาณตีสอง..หลิงหยุนก็ไปถึงตีนเขาด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเขาหยุนเมิ่ง และถัดจากเขาหยุนเมิ่งนั้นก็เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่้งมีชื่อว่าเขาหลงหยุน..
  และในตำแหน่งนี้ก็คือบริเวณจุดตัดของภูเขาสองลูกซึ่งโม่วู๋เตาบอกว่าเป็นสถานที่ที่หลิงเสี่ยวถูกนำตัวมาขังไว้!
  หลิงหยุนสั่งให้เอ็ดเวิร์ดหยุดบินเขาก้มมอง GPS ในมือเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองไม่ได้บินออกนอกแนวเส้นที่กำหนดไว้..   ทั้งเขาหยุนเมิ่งและเขาหลงหยุนนั้น ล้วนเป็นเขาที่มีทัศนียภาพงดงาม แต่หน้าผา และยอดเขาทั้งสองแห่งนั้นค่อนข้างสูงชัน และอันตรายอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักท่องเที่ยวจะมาถึงที่นี่ได้..
  “เจ้าค่อยๆบินต่ำลงไปให้อยู่ในระดับหนึ่งร้อยเมตรจากยอดเขา แล้วค่อยๆบินไปตามภูเขาเส้นนี้..”
  หลิงหยุนชี้บอกตำแหน่งที่เขาต้องการจะลงไปสำรวจอย่างละเอียดให้มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดรู้..
  และในพื้นที่รอบๆนี้หากพบเห็นบ้านหรือถ้ำ หลิงหยุนก็จะลงไปสำรวจ!
  ระหว่างนั้น..เลือดในกายของหลิงหยุนก็เริ่มเดือดพล่าน และเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะหากเขาหาตัวหลิงเสี่ยวพบ เมื่อถึงตอนนั้นเขาคงไม่ต้องปิดบังฐานะของตนเองอีกต่อไป..