เขาหยุนเมิ่งนั้นเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายเพราะนอกจากหน้าผา และเขาสูงชันแล้ว ก็ยังมีป่าหนาทึบ เขาลูกนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับภูเขาที่มีอันตรายอย่างมากอีกแห่งก็คือเขาหลงหยุน..
  เขาสูงกว่าเจ็ดร้อยเมตรเจ็ดแปดลูกโอบล้อมเขาลูกหนึ่งไว้เป็นวงกลมทำให้สถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกับอ่างขนาดใหญ่ และแม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติงดงามแห่งนี้จะมีผู้คนกล่าวขวัญถึงอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าผู้คนจะสามารถเข้ามาได้..
  บนยอดเขาที่เข้าถึงได้ยากนี้มีคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่งตั้งอยู่ และเนื่อที่ของมันก็มีขนาดใหญ่โตเท่าๆกับคฤหาสน์บรรพบุรุษตระกูลหลิงเลยทีเดียว!
  จากสภาพแวดล้อมที่เห็นนั้น..เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการขนย้ายวัสุด และอุปกรณ์สำหรับก่อสร้างขึ้นมาบนเขาแห่งนี้ได้ ดังนั้นในการก่อสร้างคฤหาสน์แห่งนี้จึงต้องใช้วัสดุ และอุปกรณ์จากธรรมชาติโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน หรือไม้จากบริเวณใกล้เคียง
  และจากขนาดของคฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ก็ได้บ่งบอกว่าต้องใช้กำลังคน และวัสดุในการก่อสร้างอย่างมากมาย และนั่นแสดงให้เห็นถึงอำนาจบารมีของผู้สร้างคฤหาสน์หลังนี้ได้เป็นอย่างดี..
  และสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ใดอื่น..แต่เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ขององค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่งนั่นเอง!
  ภายในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้..มีนักฆ่าระดับสวรรค์อยู่มากกว่าร้อยคน และมีราชันย์นักฆ่าอีกถึงแปดคน!
  มือสังหารระดับสวรรค์ขององค์กรนักฆ่านั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือตั้งแต่ขั้นเซียงเทียน-1 ถึง 6 เท่านั้น และส่วนใหญ่ก็จะเป็นยอดฝีมือจากสำนัก และตระกูลเก่าแก่ต่างๆ ทั่วยุทธภพ..
  ส่วนมือสังหารที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-7ขึ้นไปนั้น ก็จะได้เป็นมือสังหารระดับราชันย์นักฆ่า และมือสังหารระดับนี้ก็จะลงมือเฉพาะงานใหญ่และสำคัญจริงๆเท่านั้น
  หาไม่แล้ว..โดยปกติเหล่าราชันย์นักฆ่าก็จะอาศัยอยู่ที่นี่ และคอยทำหน้าที่ฝึกนักฆ่าระดับสวรรค์!
  เวลานี้นอกเหนือจากนักฆ่าระดับสวรรค์มากกว่าร้อยคนและราชันย์นักฆ่าทั้งแปดคนแล้ว ก็ยังมีหัวหน้าระดับสูงอีกสองคนขององค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่งด้วย..
  และหัวหน้าระดับสูงสองคนที่พูดถึงนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซือกงวู่ฉิง และซือกงวู่เปิ่น ซึ่งเป็นลูกของซือกงถูนั่นเอง!
  เวลานี้ทั้งซือกงวู่ฉิงและซือกงวู่เปิ่น ต่างก็กำลังนั่งจิบชารอพ่อของเขาอยู่หน้าห้องลับ ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังหลิงเสี่ยวนั่นเอง..
  –พี่ใหญ่..ครั้งนี้วู่จี๋ไปจิงฉูจัดการกับหลิงหยุนนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากเขาเลย พี่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวู่จี๋หรือไม่-
  ซือกงวู่เปิ่น..ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ตางจากหมี ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อใหญ่โตนั้นอยู่ภายใต้เสื้อผ้าสีดำ เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบในระหว่างที่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ
  และแน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็คุยกันผ่านกระแสจิต..
  ซือกงวู่ฉิงซือกงวู่จี๋ และซือกงวู่เปิ่นนั้น แม้ว่าทั้งสามคนจะเป็นลูกชายของซือกงถูทั้งหมด แต่ก็ล้วนเป็นลูกต่างมารดากัน ด้วยเหตุนี้ทั้งสามคนจึงไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันต่อกัน และสามารถพูดถึงความเป็นความตายของอีกฝ่ายได้โดยไม่รู้สึกอะไร..
  –หึ..เจ้าถามข้า แล้วจะให้ข้าไปถามใครได้เล่า ข้าเองก็แอบส่งคนไปสืบเรื่องนี้มากว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวใดๆ จากสาขาฮู๋ตงเลย!-
  ซือกงวู่ฉิงเองก็อยู่ในชุดสีดำเช่นกันแต่รูปร่างของเขานั้นผอมสูง ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ดวงตาคมกริบ ได้ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
  ซือกงวู่ฉิงทำสีหน้าเย้ยหยันและบอกกับซือกงวู่เปิ่นอย่างไม่พอใจนัก –หึ.. หมอนั่นต้องการจะครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ เพื่อให้ตนเองได้เป็นเทพแห่งมาร! นั่นไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายงั้นรึ-
  –ข้าเองก็ไม่รู้ว่าวู่จี๋ตายแล้วหรือยังแต่..-
  ซือกงวู่ฉิงพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าพยักเพยิดไปทางประตูห้องลับแล้วพูดออกมาอย่างสังเวชใจ
  –แต่ข้าว่าคนที่อยู่ในห้องนั่น..คงกำลังคลุ้มคลั่งน่าดู!-
  เวลานี้คนที่อยู่ในห้องลับก็คือซือกงถูซึ่งเป็นพ่อของพวกเขาทั้งคู่และแม้แต่คำว่า ‘พ่อ’ ซือกงวู่ฉิงยังคร้านที่จะเอ่ยออกมาจากปากของตนเอง..
  ซือกงวู่เปิ่นทำสีหน้าพึงพอใจกับความทุกข์ทรมานของผู้อื่นพร้อมกับตอบไปว่า
  –เขาจับศัตรูหัวใจมาขังไว้เพื่อแก้แค้นและตอนนี้ลูกชายก็ยังมาหายตัวไปอีก หากไม่คลุ้มคลั่งก็คงเป็นเรื่องน่าแปลก..-   ซือกงวู่เปิ่นล้อเลียนเย้ยหยันพ่อของตัวเองก่อนจะหันหน้ากลับไปถามซือกงวู่ฉิงว่า
  –พี่ใหญ่..พี่ว่าวันนี้ตาเฒ่านั่นเรียกพวกเราสองคนมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร-
  ซือกงวู่ฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับคาดเดาเอาเอง–ข้าได้ยินมาว่าศัตรูเมื่อสิบแปดปีก่อนของเขากลับมาอีกครั้งแล้ว และสองสามวันที่ผ่านมานี้คนผู้นั้นก็ได้บุกเข้ามาสังหารนักฆ่าระดับสวรรค์ของเราไปตั้งมากมาย..-
  ซือกงวู่เปิ่นยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า–อ่อ.. เช่นนั้นแล้วก็น่าจะเป็นหญิงที่พาลูกของหยิงชิงเฉวียนหนีออกไปในครั้งนั้น!-
  เมื่อพูดมาถึงตรงนี้..สีหน้าของซือกงวู่ฉิงก็เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว ไอลีนโนเวล
  –แต่จะว่าไปแล้วสาวใช้ของหยิงชิงเฉวียนที่ชื่อว่าจินเหยียวนี้ก็แข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว!ในอดีตก็ช่วยหยิงชิงเฉวียนปกป้องสายเลือดที่ชั่วร้ายไว้ได้ อีกทั้งเพื่อต้องการจัดการกับตาเฒ่านั่น นางถึงกับยอมกอดร่างของตาเฒ่าเพื่อกระโดดหน้าผาตายไปพร้อมๆกัน นางทั้งแข็งแกร่ง และใจเด็ดยิ่งนัก!-
  –ดูเหมือนหญิงสาวที่มาจากเผ่าเหมี่ยวเจียงล้วนแล้วแต่ดุร้ายทุกคนสินะ!-
  ซือกงวู่ฉิงพูดประชดประชันก่อนจะหันไปยิ้มและพูดต่อว่า
  –แม้ว่าจินเหยียวจะไม่สามารถเอาชนะตาเฒ่านั่นได้แต่วิชาตัวเบาของนางก็ล้ำเลิศมากทีเดียว! ดูเหมือนจะได้รับการถ่ายทอดมาจากหยิงชิงเฉวียน เพราะนางเองเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับภูติผีวิญญาณ เมื่อนางหนีไปได้ ตาเฒ่านั่นก็ไม่สามารถตามจับได้ ก็เลยเรียกพวกเรามาช่วยน่ะสิ!-
  –ตาเฒ่านั่นเชื่อว่านางจะต้องกลับมาที่นี่อีกก็เลยให้พวกเรามารอ เมื่อไหร่ที่นางปรากฏตัว ก็จะให้พวกเราทั้งสามรุมสังหารนางให้ตายยังไงเล่า!-
  ซือกงวู่เปิ่นฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้า–ก็ดี.. ฆ่าๆให้ตายจะได้จบสิ้นไปเสียที! ไม่เช่นนั้นตาเฒ่าคงต้องเป็นบ้าเพราะนาง!-   –ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่-
  ซือกงวู่ฉิงตอบเสียงเบา“อีกสองเรื่องนั้นสำคัญยิ่งกว่า.. ก็คือเรื่องของคนสองคน – หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉิน!”
  “หลิงหยุนแห่งจิงฉูจู่ๆก็ผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีใครสืบรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาได้ แต่จากการคาดเดา.. ทุกคนต่างก็เชื่อว่าหลิงหยุนน่าจะเป็นลูกของหลิงเสี่ยวกับหยิงชิงเฉวียน..”
  “ส่วนเย่ซิงเฉินนั้นจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่จิงฉู ดูเหมือนว่านางคงกำลังคิดที่จะกระทำการอะไรสักอย่างเป็นแน่”
  ซือกงวู่ฉิงทำเสียงเย้ยหยันและพูดต่อว่า “หึ.. หากหลิงหยุนเป็นลูกชายของหลิงเสี่ยวจริง! มันก็ต้องกลับเข้าตระกูลหลิงอย่างแน่นอน และถึงตอนนั้นเย่ซิงเฉินก็ต้องเลือกที่จะยืนข้างหลิงหยุนอยู่แล้ว! และจากนั้นตระกูลหลิงก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง!”
  ซือกงวู่เปิ่นทำสีหน้าเย้ยหยัน“มิน่า.. ท่านพ่อถึงเรียกพวกเรามาที่นี่! พี่ใหญ่.. หากเป็นเช่นนั้นจริง หลังจากที่พวกเราะถล่มตระกูลหลิงจนย่อยยับแล้ว เย่ซิงเฉินต้องเป็นของข้านะ ท่านห้ามแย่งข้าล่ะ!”
  ซือกงวู่ฉิงเอียงหูแนบกับกำแพงและกำลังฟังเสียงที่อยู่ภายในห้องลับ และริมฝีปากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาอย่ามีความสุข ก่อนจะตอบออกมาเสียงเบา
  “ข้าไม่สนใจนาง..”
  ………..
  ภายในห้องลับที่ทั้งคู่นั่งรออยู่นั้น..
  ร่างเปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้าของหลิงเสี่ยวได้ถูกจับตรึงไว้กับไม้กางเขน สภาพของเขาในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าผ่านการถูกทรมานมาอย่างมากมาย และหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่ใครสักคนจะทานทนได้!
  และที่น่าสยดสยองอย่างมากก็คือ..ตะปูยาวกว่ายี่สิบเซ็นติมเมตรจำนวนมากที่ตอกลงไปแทบจะทั่วทั้งร่าง เพื่อตรึงร่างเปลือยเปล่านั้นไว้กับไม้กางเขน!   ไม่ว่าจะเป็นแขนทั้งสองข้างฝ่ามือทั้งคู่ ขาทั้งสองข้าง ฝ่าเท้า และหลังเท้า ล้วนแล้วแต่มีตะปูยาวตอกเข้าไปจนทะลุกระดูก และแทงผ่านไปทางด้านหลัง ทำให้หลิงเสี่ยวไม่สามารถขยับเนื้อขยับตัวได้..
  นานกว่าหนึ่งเดือนที่เขาต้องกินและดื่มอยู่ในสภาพที่ร่างแขวนอยู่บนไม้กางเขนภายในห้องลับเช่นนี้ และเวลานี้ห้องทั้งห้องก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว
  กรามทั้งสองข้างของหลิงเสี่ยวได้ถูกซือกงถูสกัดจุดไว้ต่อให้อยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายก็ไม่สามารถทำได้ และจุดตันเถียนของเขาก็ยังถูกสกัดไว้ด้วย จึงยากที่จะเดินลมปราณเพื่อคลายจุดเช่นกัน
  สภาพของหลิงเสี่ยวเวลานี้ช่างน่าสยดสยองยิ่งกว่าสิ่งใดไม่มีส่วนใดของร่างกายเลยที่ไม่มีบาดแผล แม้แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้น ก็ถูกมีดกรีด และถลกเนื้อหนังออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน จนถึงตอนนี้เนื้อบางส่วนยังห้อยโตงเตงอยู่เช่นนั้น..   ใบหน้าของหลิงเสี่ยวเวลานี้มีสภาพน่ากลัวเกินกว่าที่ผู้ใดจะจินตนาการได้ ทั่วทั้งใบหน้ามีบาดแผลไปแทบทุกหนทุกแห่ง แผลเก่ายังไม่ทันหายดี ก็ถูกกรีดซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกได้ว่าหาสภาพชิ้นเนื้อดีไม่ได้เลยแม้แต่จุดเดียว!
  ส่วนความเจ็บปวดทรมานที่ได้รับนั้นแทบไม่ต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูด..
  กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา..ภายในบ้านที่อยู่บนเขาท่ามกลางป่าร้อนชื้นแน่นหนาเช่นนี้ ยุงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน นอกเหนือจากการทรมานแสนสาหัสที่ได้รับแล้ว ก็ยังมีความทุกข์ทรมานจากอาการแสบๆคันๆเมื่อถูกยุงกัดตามบาดแผลอีก มันคือความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุด..
  ไม่เพียงเท่านั้น..ในทุกๆคืน ร่างของหลิงเสี่ยวจะถูกโรยด้วยพิษชนิดหนึ่ง และพิษชนิดนี้จะทำให้ผู้ที่โดนพิษนั้นมีอาการคันคล้ายถูกยุงกัด ซึ่งจะสร้างความทรมานให้กับหลิงเสี่ยวเพิ่มมากขึ้น และรุ่งเช้าเขาก็จะได้รับยาถอนพิษ เป็นเช่นนี้วนเวียนอยู่ทุกวัน  ตอนนี้..หากคนธรรมดาได้มาเห็นสภาพของหลิงเสี่ยว คงต้องตกใจกลัวจนช็อคอย่างแน่นอน!
  ห้องลับแห่งนี้หากจะว่าไปแล้วมันก็คือนรกบนดินดีๆนี่เอง!
  แต่ไม่ว่าจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากเพียงใดหลิงเสี่ยวก็ไม่สามารถตายได้ และคนที่กำลังทรมานเขาอยู่ก็คือซือกงถูซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-9
  ซือกงถูเอื้อมมือออกไปจิกชิ้นเนื้อสดๆจากไหล่ของหลิงเสี่ยว พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “หลิงเสี่ยว..เจ้าลิ้มรสความทรมานเช่นนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”
  “เช้าถูกข้าทรมานเจียนตาย..ตกดึกก็ลิ้มรสยุงที่รุมกัดไปทั่วร่าง! เจ้ารู้สึกเช่นใดบ้าง”
  ซือกงถูยิ้ม..เขาถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบตะปูมาสองดอก และจัดการแทงลงไปที่ข้อศอกของหลิงเสี่ยวทั้งสองข้าง!
  หลิงเสี่ยวเพียงแค่ถอนหายใจและกัดฟันแน่น ดวงตาคมกริบราวกับพยัคฆ์คู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของซือกงถู..
  ซือกงถูยิ้มอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจ“เจ้ากล้าแย่งชิงหญิงที่ข้ารักไป และนี่คือจุดจบของเจ้า!”
  ซือกงถูก้มหน้ามองอวัยวะช่วงล่างของหลิงเสี่ยวพร้อมกับพูดยิ้มๆ“ตรงนี้ยังไม่ได้รับการทรมานสินะ แต่ถ้าข้าทำเช่นนั้น เจ้าคงยากที่จะทนได้! แต่เจ้าไม่ต้องห่วง อีกสองสามวันข้าจะตัดมันทิ้งซะ แล้วจับโยนให้หมาป่ากิน! ฮ่า.. ฮ่า..”
  “ซือ..ซือกงถู เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”
  หลิงเสี่ยวรวบรวมกำลังทั้งหมดและพยายามพูดออกมาอย่างไม่เป็นคำนัก..
  ซือกงถูหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข“ข้าจะตายหรือไม่ยังไม่รู้ แต่ตระกูลหลิงของเจ้าจะต้องพังพินาศ!”
  แต่จู่ๆซือกงถูก็หันไปมองทางหน้าต่าง และในเวลานี้ก็มีร่างบอบบางในชุดสีดำ สวมผ้าปิดบังใบหน้า กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่ด้านนอก..
  “หึ..เจ้ามาแล้วสิน!”
  “จินเหยียว..วันนี้ข้า – ซือกงถูจะจัดการกับเจ้า!”
  ซือกงถูกร้องตะโกนออกมาอย่างโมโหเขาปล่อยหลิงเสี่ยวไว้ในห้องลับตามลำพัง แล้วรีบเดินออกจากห้องลับนั้นไปทันที..
  “พวกเจ้าตามข้ามา!”