TB:บทที่ 181 ปฏิเสธไปตรงๆ

 

“อีกเพลงนะคะ”

“อีกเพลงเลยค่ะ”

หลังจากหญิงสาวทั้งสองแสดงท่าทีตอบกลับโดยการเดินเข้ามาหา และเกลี่ยมกล่อมในทันที เขาช่างมีเสียงที่เยี่ยมยอดไปเลย

จากนั้น เฉินหลงก็จับไมค์และร้องเพลงต่อไป

ไม่มีทางหน่า หญิงสาวสองคนนี้เป็นเหมือนแฟนคลับที่คลั่งไคล้เลย หากเฉินหลงไม่กล้าร้องต่อ พวกเธอคงฉีกเขาเป็นชิ้นๆแน่

เพลงนี้ เฉินหลงร้องไปจนเที่ยงคืน โดยยังมีเซียจินข้างๆ

ในที่สุดแล้ว เฉินหลงก็ใช้ข้ออ้างเดียวที่มีคือสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้กับเซียจินไป อีกเรื่องหนึ่งคือเขารับคำว่าจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนพวกเธอบ่อยๆหลังเลิกจากคาราโอเกะนี้แล้ว พวกแธอรู้แบบนี้จึงให้เฉินหลงไป

 

แล้วสองสาวนี่ก็ลืมเซียจินไปเลย เขาเมาแล้วเพราะดื่มคนเดียว สุดท้ายเฉินหลงเป็นคนไปส่งเขา

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินหลงรอเซียจินที่หน้าตึกของเว่ยหลง

 

วันนี้ เฉินหลงแต่งตัวด้วยชุดลำลอง เหมือนเขาไม่ได้มาเพื่อสัมภาษณ์แต่อย่างใด หากว่าเขาไม่มีเรซูเม่ในมือ เขาคงมาเพื่อไปเที่ยว

 

ตอนที่เขากลับไปเมื่อวาน เฉินหลงโทรหาเจิ้งอี้และบอกเขาเรื่องการสัมภาษณ์กับบริษัทวันนี้ ไม่เช่นนั้นเซียจินคงผ่านประตูบริษัทมาไม่ได้

 

ก่อนเฉินหลงจะมา เซียจินปรากฏตัวหน้าบริษัทคล้ายสุนัขตัวหนึ่งพร้อมเรซูเม่ในมือเขา

แต่อย่างไรก็ตาม เฉินหลงรู้ได้ว่าเซียจินยังตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย

 

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจ” เฉินหลงยิ้มให้เซียจิน

เมื่อวานเซียจินเมามาก วันนี้ยังดีที่ทำให้ชายคนนี้สภาพเหมือนมนุษย์ได้

 

“คุณเฉิน เหมือนว่าวันนี้คุณจะไม่ได้สนใจเรื่องสัมภาษณ์เท่าไหร่นะครับ” เซียจินมองเฉินหลงที่สวมกางเกงนักท่องเที่ยว คิ้วเขาเริ่มย่นเล็กน้อย นี่แต่งตัวแบบไหนกันนะ แต่ตอนนี้เขาอยู่กับเฉินหลงแล้ว บริษัทอย่าทำอะไรเขานะ

 

“สิ่งที่บริษัทให้ค่าไม่ใช่เสื้อผ้าหรอก แต่เป็นความสามารถ ตราบเท่าที่มีความสามรถ ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าอะไรหากมีความสามารถแล้วอย่างไรบริษัทก็ต้องการ” เฉินยิ้ม

 

“ดูท่าแล้วคุณเฉินค่อนข้างมั่นใจในการสัมภาษณ์นี่มากเลยนะครับ” เซียจินว่า

เมื่อมองตึกเบื้องหน้าเขา เฉินหลงกล่าวตอบอย่างมั่นใจ “หากคนหางานไม่มีความมั่นใจสักเล็กน้อยแล้ว จะได้งานที่อยากได้อย่างไร”

 

แม้เซียจินจะไม่ชอบเรื่องการแต่งตัวของเฉินหลง แต่เขาเห็นด้วยกับเรื่องที่เฉินหลงว่าอย่างมาก หากเขาไม่มีความมั่นใจในตำแหน่งงานที่หาแล้ว เขาคงไม่สมัครงานนี้แต่แรก

 

“เอาล่ะ เข้าไปกัน อย่าปล่อยให้หัวหน้ารอนานไปแลย” จากนั้นเซียจินก็เดินไปยังตึกนั่น

เฉินหลงตามเซียจินและเดินเข้าไปในตึก

 

ขณะที่ผ่านทางเข้า เฉินหลงและคนสองคนก็โดนยามรักษาความปลอดภัยหยุดไว้

“สุภาพบุรุษทั้งหลาย มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ยามรักษาความปลอดภัยที่อายุราวยี่สิบแปดปีกล่าวกับเฉินหลงอย่างสุภาพ

 

ยามรักษาความปลอดภัยทั้งหมดเป็นทหารปลดเกษียณ จึงไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ บางคนเป็นคนมีความสามารถที่มาจากหน่วยพิเศษ แต่อย่างไรเสียคนที่ประจำการชั้นหนึ่งนี่เป็นทหารที่ปลดประจำการจากหน่วยธรรมดา

 

“ก็ พวกเรามาที่นี่วันนี้เพื่อสัมภาษณ์ครับ ที่ไหนที่เราจะส่งเรซูเม่ได้บ้าง” ตอนช่วงฉุกละหุก เซียจินพูดอะไรไม่ออก เฉินหลงจึงต้องตอบไปเอง

 

“อ๋อ พวกคุณมาสัมภาษณ์นี่เอง โปรดวางเรซูเม่ที่นั่นเลยครับ” จบคำ ยามรักษาความปลอดภัยชี้ไปที่แผนกต้อนรับ

 

วันนี้ไม่ใช่วันเปิดรับสมัคร แต่มีคนบอกไว้ว่าหากมีใครมาสมัครให้พวกเขาผ่านเข้ามาได้

 

“ขอบคุณครับ” เฉินหลงยิ้มให้ยามรักษาความปลอดภัยและเดินไปยังแผนกต้อนรับ

เซียจินรีบตามไป เขายังคงพูดไม่ออกอยู่ในใจ เขาพลาดการแสดงออกนี้ได้อย่างไร ในตอนดียวกันนั้น เขาก็เริ่มให้กำลังใจตัวเอง

 

เฉินหลงเดินไปแผนกต้อนรับ เขายิ้มให้พนักงานต้อนรับและกล่าว “สวัสดีครับ พวกเรามาที่นี่เพื่อสมัครงาน ชื่อผมคือเฉินหลง”

กล่าวจบแล้ว เฉินหลงยื่นเรซูเม่ให้กับพนักงานต้อนรับ

เซียจินก็ยื่นเรซูเม่ไปเช่นกัน

 

พนักงานต้อนรับคนนี้ไม่ใช่คนก่อน นั่นคือเสี่ยวหวัง เพราะเสี่ยวหวังได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเลขาส่วนตัวของหัวหน้าแผนกเพราะทำงานดี จากที่รับรองเฉินหลงครั้งก่อน

 

ตอนนี้พนักงานก็สวยมากเช่นกัน สุดท้ายแล้ว แผนกต้อนรับเป็นหน้าเป็นตาให้บริษัท หากพนักงานต้อนรับไม่ดูดีแล้วคงไม่ดีเท่าไร

 

พนักงานต้อนรับเปิดดูเรซูเม่ของพวกเขา เมื่อเห็นชื่อพวกเขาแล้ว เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มทันที

“คุณเฉิน คุณเซียคะ ตามฉันมาค่ะ”

จากนั้นพนักงานต้อนรับก็หยิบเรซูเม่ของทั้งคู่และนำทางไปยังลิฟต์

เธอกดเปิดลิฟต์ให้พวกเขาด้วยตัวเอง แล้วเธอจึงเข้าลิฟต์ไปด้วยพร้อมกับเขาทั้งสอง เธอเปิดชั้นที่จะขึ้นไปพร้อมพวกเขา

 

พนักงานต้อนรับรับสายจากเบื้องบนและเขารู้ชื่อของเฉินหลงและเซียจินด้วย หลังจากเห็นดังนั้นแล้ว เธอรีบพาพวกเขาไปที่สัมภาษณ์พิเศษที่จัดเตรียมเพื่อพวกเขา

พนักงานต้อนรับนำพวกเขาออกจากห้องทำงานและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกคุณรอตรงนี้นะคะ”

กล่าวจบ แล้วพนักงานต้อนรับก็ถือเรซูเม่และเดินเข้าไป

ไม่กี่นาทีต่อมา เธอเดินออกมาและกล่าวว่า “พวกคุณเข้าไปได้แล้วค่ะ ผู้สัมภาษณ์รอคุณอยู่ข้างใน”

จากนั้น พนักงานต้อนรับก็หันและจากไป

เมื่อรู้ว่าผู้สัมภาษณ์อยู่ในห้องนั้นแล้วเซียจินรีบจัดชุดเขาให้เข้าที่

ตอนที่เซียจินจะจัดชุดเสร็จนั้นเอง เฉินหลงผลักประตูและเดินเข้าไปข้างใน

 

เขาเห็นเฉินหลงเปิดประตูไปแบบนั้นเซียจินจึงหยุดการกระทำในทันที เขาตามไปข้างใน แต่ในใจเขาเต้นไม่หยุด นี่มันอะไรกัน

เซียจินเดินเข้าไปในห้องและพบว่ามีผู้สัมภาษณ์เพียงสองคน เป็นผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้ชายดูท่าทางธรรมดามากๆ แต่ผู้หญิงกลับทำให้เซียจินรู้สึกเนื้อเต้น

ชายและหญิงสองคนนี้คือ เจิ้งอี้และซวีหมิงเหม่ย

 

“โปรดนั่งก่อนครับ” เจิ้งอี้ว่า

เฉินหลงรีบนั่งทันทีอย่างไม่สุภาพ แต่อย่างไรก็ตามเซียจินไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกทั้งเขายังนั่งตัวตรงแบบที่หน้าอกตรงกับพนักเก้าอี้ด้วย

“ทางที่ดีเราควรแสดงออกว่าไม่รู้จักเขา” เมื่อเห็นเฉินหลงนั่งแบบนั้นแล้ว เซียจินพลันแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเฉินหลงและนั่งลงในเก้าอี้ที่ถูกที่

 

ตอนแรก เซียจินคิดว่าผู้สัมภาษณ์สองคนนี้คงถามเกี่ยวกับท่าทางที่เฉินหลงนั่งแบบนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะละเลยไปราวกับมองไม่เห็นเฉินหลง

“ผมดูมาแล้วว่าตำแหน่งที่คุณหาอยู่ คุณเซีย คุณมองหาตำแหน่งผู้จัดการแผนกพัฒนาการตลาดของบริษัทเรา และสำหรับคุณเฉินคุณสมัครตำแหน่งหัวหน้าแผนกของแผนกเทคโนโลยี คุณคิดว่าคุณมีข้อดีอะไรที่เหมาะกับตำแหน่งที่หาอยู่นี้”

 

“ผมมีความรู้เรื่องการเงินที่เยี่ยมยอดมาก และผมเชื่อว่าผมจะมอบคำแนะนำที่มีประโยชน์ให้กับบริษัทคุณได้” เซียจินกล่าวไป และใช้ความมั่นใจของเขาให้มากเท่าที่ทำได้ แต่กลายเป็นว่าเมื่อออกจากปากแล้วกลายเป็นอ่อนไป

“ด้วยความเคารพนะครับ คุณเซีย หากว่าคุณมีประสบการณ์ทำงานสักห้าหรือสิบปีคุณคงมีคุณสมบัติพอสำหรับตำแหน่งที่คุณสมัครมา แต่ตอนนี้คุณยังไม่มีความสามารถมากพอ ผมต้องขอโทษด้วย