TB:บทที่ 182 ไป๋ซี่

 

เมื่อได้ฟังคำของเจิ้งอี้ เซียจินมีสีหน้าผิดหวัง แต่ผลที่ว่าก็ไม่เกินที่เขาคาดไปนัก สุดท้ายแล้วก็มีคนตั้งมากมายที่ดีกว่าเขา หลังจากที่ผิดหวังไปเล็กน้อยเขาก็โล่งใจ แล้วเขาก็เห็นว่าเฉินหลงมองเขาอยู่ เขาต้องการคำตอบอะไรละ

ตอนนี้ในเมื่อเขามาที่นี่แล้ว ไม่มีทางที่เฉินหลงจะได้งานที่สมัครงานด้วย เขาและเฉินหลงจนตรอกจนถึงที่สุด

ซวีหมิงเหม่ยยิ้มให้เฉินหลงและกล่าวว่า “คุณเฉิน คุณก็ต้องบอกข้อดีที่มีด้วยนะคะ”

“ข้อดีของผมนั่นง่ายมาก ผมร่วมการค้นคว้าและพัฒนาระบบของบริษัทคุณ และผมคุ้นเคยกับระบบ ดังนั้นผมว่า ผมแข่งตำแหน่งผู้ควบคุมได้อยู่นะ” เฉินหลงกล่าวพร้อมร้อยยิ้มมั่นใจ

 

ระบบฉายภาพเสมือนในตอนแรกพวกเขาทำขึ้นมาเอง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่เขาจะกล่าวเช่นนั้น อีกอย่าง เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนี้ ตามปกติแล้วเขาคงแข่งเพื่อตำแหน่งผู้ควบคุมได้

เจิ้งอี้ได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว เขารีบมองเฉินหลงอย่างจริงจังทันที “คุณเคยร่วมการค้นคว้าและพัฒนากับเราหรือ”

 

จะกล่าวไม่ได้เลยว่าฝีมือการแสดงของเจิ้งอี้ไม่เลวเลย หากเฉินหลงไม่รู้ว่าเป็นการแสดง เขาคงโกหกกลับไป

 

เมื่อฟังที่เฉินหลงว่าแล้วเซียจินประหลาดใจกับเฉินหลงไปด้วย นี่เขาเข้าร่วมทีมค้นคว้าและพัฒนาระบบของบริษัทเว่ยหลงจริงๆ เรื่องจริงหรือนี่

เฉินหลงยิ้มและผงกหัว

 

เจิ้งอี้มองเฉินหลง และเคาะบนโน้ตบุคเขาเร็วๆ หนึ่งนาทีต่อมา เขาผลักโน้ตบุ๊คไปทางเฉินหลงและกล่าวว่า “หากคุณทำได้ ทำให้โค้ดในคอมพิวเตอร์นี้ให้สมบูรณ์สิ”

เซียจินมองโน้ตบุ๊คนั่น ที่เป็นเพียงหน้าจอแสดงผลที่สามารถเข้าถึงได้โดยการใส่รหัสผ่านเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าการทดสอบนี่จะไม่ง่ายเลย” เซียจินคิดในใจ

เซียจินคิดถูกแล้ว การทดสอบนี่ไม่ง่ายดาย อย่างแรกที่สุดจะต้องเข้าระบบให้ได้ก่อนที่จะทำให้ขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์ เป็นการทดสอบสองชั้น

 

เซียจินยังอยากใช้โอกาสนี้ดูว่าเฉินหลงจะทำได้จริงหรือไม่

เฉินหลงลากเก้าอี้มาใกล้โต๊ะและหัวเราะใส่เจิ้งอี้กับซวีหมิงเหม่ย เขาเริ่มจะเคาะแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์

 

เขาไม่รู้ว่าเฉินหลงใช้วิธีอะไร แต่เพียงแค่ใส่ตัวเลขไปเล็กน้อย เฉินหลงเข้าหน้าระบบได้ และหน้าจอก็แสดงส่วนของโปรแกรมที่ยังไม่สมบูรณ์

ได้เห็นเฉินหลงเข้าหน้าแสดงผลอย่างรวดเร็วแล้ว เซียจินนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง นี่ดูท่าเฉินหลงจะมีความสามารถจริงๆ

 

หากกล่าวตามความจริงแล้ว การเข้าหน้าแสดงผลได้ว่องไวแบบนี้ หากไม่รู้รหัสผ่านมาก่อน เขาจะใช้เครื่องอัจฉริยะช่วยให้เขาผ่านเข้าชั้นป้องกันไปได้

จากนั้น ก็ต้องทำโปรแกรมให้สมบูรณ์ ด้วยความช่วยเหลือจากระบบอัจฉริยะ เฉินหลงจึงสามารถทำให้โปรแกรมสมบูรณ์ได้ไม่ยาก

เมื่อเขาเขียนโปรแกมจบ เขาผลักโน้ตบุ๊คกลับไป

 

เจิ้งอี้มองคอมพิวเตอร์ แล้วมองเฉินหลง เขายื่นมือไปหาเฉินหลงและกล่าว

“คุณเฉิน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของเรานะครับ”

“ขอบคุณครับ” เฉินหลงยื่นมือไปและจับมือเจิ้งอี้

 

ในตอนนั้นเฉินหลงและเจิ้งอี้ดูคล้ายกับเป็นดาราหนังใหญ่สองคนกำลังจับมือตกลงกัน

และขณะนั้นเซียจินสับสนเป็นที่สุด เกิดอะไรขึ้น นี่โลกเปลี่ยนไปจริงหรือ เราทำได้ดีไหม

จากนั้น เจิ้งอี้ถามเฉินหลงว่าเขาจะมาทำงานในวันจันทร์ได้หรือไม่

และเจิ้งอี้กับซวีหมิงเหม่ยก็ลุกจากไป

 

“ขอบคุณครับ ดูเหมือนว่ารวมๆแล้วคุณจะมีประสบการณ์มากกว่านะ คุณอยากให้ผมแนะนำคุณให้เข้าทำงานที่บริษัทนี้หลังผมทำงานแล้วไหมละ” เฉินหลงมองเซียจินที่เหย่อหยิ่งกว่าจะพูดอะไร

หากจะกล่าวตามตรงถ้าเซียจินไม่ดูถูกเขา เขาคงไม่หลอกเซียจินแบบนี้

 

เซียจินขมวดคิ้วและฝืนยิ้มออกมา

“ยินดีด้วย แต่ก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ ฉันยังไม่ต้องการ ความสามารถฉันจริงๆก็อ่อน คงจะดีกว่าถ้าฉันมุ่งเรื่องเรียนตอนนี้” เขาคงดูถูกเฉินหลงจริงๆก่อนหน้านี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเฉินหลงจะกลายเป็นหัวหน้าแผนกเทคโนโลยีของบริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีไปได้ แล้วเขาก็

“โดนกระทืบจนเละ”ตรงๆเลย ช่องว่างของความมั่นใจของเซียจินกว้างมากกว่าเดิม

 

แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ในสังคมนี้ หากไม่มีฝีมือจริงๆแล้วก็จงเป็นหมาเสียดีกว่า

จากนั้น เฉินหลงและเซียจินได้ออกไปจากบริษัทด้วยกัน

เมื่อเฉินหลงปรากฏตัวมาต่อหน้าเซียจินด้วยรถเฟอรารี่สี่แปดห้า ใบหน้าของจินกลายเป็นแหยเกไป

พวกคนที่ขับเฟอรารี่สี่แปดห้านี่ เขาไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้ที่เขาทำงานจะได้เงินซื้อรถคันนี้ไหม แล้วมีดีอะไรจะไปดูถูกคนอื่นละ ดูเหมือนว่าคนที่คนที่มีความสามารถจริงๆจะไม่ชอบทำตัวเด่น

 

ตอนแรก เซียจินอยากปฏิเสธที่จะขึ้นรถ แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าคงทำตัวชัดเจนไปหากทำเช่นนั้น เขาทำได้เพียงชื่นชมรถและขึ้นไปนั่ง

หลังเขาไปส่งเซียจินกลับมหาวิทยาลัยแล้ว เฉินหลงกลับไปบริษัทอีกครั้ง

 

ครั้งนี้ที่เขากลับไปบริษัท เฉินหลงพบว่าบริษัทนี้มียามรักษาความปลอดภัยก็จริงแต่การป้องกันไม่ได้แน่นหนาเลย ครั้งนี้เฉินหลงจึงกลับมาเพิ่มประกันให้บริษัทเขา ตราบเท่าที่บริษัทของเขาออกสินค้าประเภทระบบฉายภาพเสมือน คงจะไปปลุกความอิจฉาของใครก็ได้ขึ้นมา ในขณะเดียวกันประเทศอื่นพวกนั้นยังส่งผู้เชี่ยวชาญมาแย่งข้อมูล ตอนนี้พวกเขาต้องระแวดระวังไว้ให้มากๆ

และเมื่อเขาเข้าบริษัทมาแล้ว เฉินหลงกลับไปที่ห้องทำงานหัวหน้า

 

ห้องทำงานของเขาตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของตึก ห้องนี้มีพื้นที่กว้างถึงสามร้อยตารางเมตร กระจกแก้วทำให้แสงระหว่างวันเยี่ยมมาก ในห้องนี้ ของตกแต่งที่ใช้แต่งห้องสร้างบรรยากาศหรูหราและทำให้คนที่เข้ามาในห้องนี้รู้สึกโอ่อ่าไปด้วย

อย่างไรก็ตามเฉินหลงไม่มีเวลามารู้สึกเช่นนั้น หลังเข้าห้องทำงานมาแล้ว เขานั่งลงบนโซฟาและเริ่มเข้าไปในระบบ

หลังเข้าระบบไปแล้ว เฉินหลงเข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่เขาเคยซื้อ “เครื่องติดตามจิ๋วยุง” ที่เมื่อครั้งก่อนโดนบดขยี้ ร้านนี้มีสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย เฉินหลงเห็น “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ด้วย

“ใยแมงมุมสังเกตการณ์” นี่เป็นเหมือนใยแมงมุมที่ทำให้สามารถสังเกตการณ์คนและสิ่งของในใยแมงมุมนี่ได้

ตอนที่เข้าดูของในร้านปาชิอีกรอบ เฉินหลงไม่คิดว่าเขาจะเห็นปาชิ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของปาชิแล้ว เฉินหลงก็นิ่งอึ้งไป

ปาชิเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธ์หิมะขาวปลอด ระบบเครื่องอัจฉริยะตรวจสอบอย่างรวดเร็วว่าเป็นอสูรในตำนาน ชื่อไป๋ซี่ และมีรูปร่างคล้ายกับปาชิเหลือเกิน

“คุณเฉินหลง ผมดีใจที่คุณกลับมาเยี่ยมร้านผมอีกรอบ คุณจะต้องประหลาดใจมากว่าทำไมจู่ๆผมมาพบคุณ” ปาชิยิ้มให้เฉินหลง

แม้ปาชิจะไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรแต่เฉินหลงรู้ได้แบบแปลกๆว่าปาชิกำลังหัวเราะอยู่

เฉินหลงพยักหน้า

“เอาละ ผมชื่อปาชิ ผมมีอีกชื่อบนโลกคุณด้วย ชื่อไป๋ซี่” ปาชิว่าต่อ

เขาได้ยินที่ปาชิกล่าว เฉินหลงรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดไป “คุณเคยมาที่โลกผมหรือ”

ปาชิกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร ผมไม่ได้มีชีวิตมานานขนาดนั้น แต่ว่านะผมคิดว่าคงเป็นคนบนดาวผมมากกว่าที่ไปดวงเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกและทิ้งวัตถุดิบบางอย่างที่เขียนขึ้นโดนคนบนโลกตอนนั้นไว้ให้”

“อ๋อ คุณกำลังจะบอกอะไรกับผม” เฉินหลงยังคงไม่รู้ว่าทำไมปาชิถึงอยากเจอเขา

“ก็ ผมอยากจะขอให้คุณช่วย” ปาชิว่า