TB:บทที่ 183 “โลกใหม่”

 

“ช่วยคุณหรือ ว่ากันว่าไป๋ซี่ เป็นอสูรเทพที่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ตั้งแต่ก้นบึ้ง และคงไม่เกินไปด้วยที่จะกล่าวว่าไป๋ซี่สามารถทำนายอนาคตได้ พลังของคุณช่างทรงพลัง จะมีสิ่งใดอื่นให้ผมช่วยเล่า” เฉินหลงมองไป๋ซี่

 

พลังของอสูรในตำนานอย่างไป๋ซี่นั่นแข็งแกร่งมาก เฉินหลงไม่รู้เลยว่าจะเป็นอะไร

“คุณเฉินหลง หลายๆอย่างในตำนานก็กล่าวเกินจริงไปครับ ผมคิดว่าเมื่อตอนที่คนของโลกผมมาที่โลกนี้ ระดับเทคโนโลยีของโลกคุณยังล้าหลังอยู่ และเมื่อพวกคนในโลกของคุณเห็นพลังของพวกเราไปบ้าง จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกว่าช่างทรงพลังเทียบเท่าพระเจ้า พวกเราจึงโดนกล่าวไปเกินจริงครับ หากพวกเราแข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ผมคงไม่มาขอให้คุณช่วยหรอก” ปาชิแสดงสีหน้าหมดทาง

 

“อย่างไรก็ตาม คุณคงเคยได้ยินว่าพวกเรามีพลังทำนายอนาคตได้ แต่พลังที่ว่าจะใช้ได้เพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในครอบครัวเราเท่านั้น และจะใช้ได้เพียงสามครั้งในชีวิตด้วยครอบครัวผมคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้ใช้พลังแล้ว และเขาได้รับข้อความที่บอกว่าในอนาคตอันใกล้ครอบครัวผมจะโดนทำลาย ในขณะเดียวกันยังมีแสงแห่งพลังชีวิต พลังชีวิตที่ว่าแสดงให้เห็นเป็นคุณเฉินหลง แม้ว่าผมจะไม่ทราบวันโลกาวินาศคือวันใดและผมไม่รู้ด้วยว่าคุณมีพลังอะไรที่จะช่วยเป็นแสงให้กับครอบครัวผมได้ แต่เป็นเพราะคุณมาปรากฏในคำทำนายที่จะไม่มีวันผิดพลาด”

 

“คุณปาชิ อย่ามาล้อเล่นนะครับ เทคโนโลยีบนดาวเคราะห์คุณระดับสูงกว่าโลกของผมไปมาก ถ้าผมต้องช่วยคุณ ไม่ใช่ว่ามีแต่ผมที่จะโดนผลักตกในหลุมไฟหรือครับ อีกอย่างด้วยเทคโนโลยีที่โลกผมมียังไม่มีทางที่จะเดินทางข้ามจักรวาลด้วย ผมไม่รู้ว่าโลกคุณอยู่ที่ไหนและจะช่วยคุณได้อย่างไร” เฉินหลงรู้สึกไม่มีหนทางหลังฟังคำของปาชิ

 

เป็นเรื่องน่าขันที่คุณไปปรากฏตัวในคำทำนายของคนอื่นในฐานะผู้กอบกู้ แค่จะจัดการกับพวกหนทางปิศาจที่โผล่มาในตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพลังเขา เขาจะไปมีพลังอะไรไว้ช่วยดาวนั้นละ

 

“คำทำนายของคนบนโลกผมไม่มีทางผิดพลาด และเพราะทำนายไว้ว่าคุณจะปรากฏตัวบนโลกเราและจะกลายเป็นผู้กอบกู้ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน คุณอาจยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่คำทำนายไม่ผิดพลาดหรอก” ปาชิว่าอย่างจริงจัง

 

“หากคุณหมายความอย่างที่ว่า แล้วคำทำนายที่ยิ่งใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นจริง ก็แปลว่าผมจะไปปรากฏตัวบนดาวเคราะห์คุณแน่ๆ ว่าแบบนี้แล้วไม่ว่าผมจะตอบตกลงหรือไม่ ผมจะไปปรากฏตัวบนโลกคุณอยู่ดี” เฉินหลงรู้สึกไม่ชอบใจนัก หากเป็นดังว่าโชคชะตาก็กำหนดไว้แล้ว เรื่องนี้ทำให้เฉินหลงไม่สบายใจ

 

“กล่าวตามคำทำนาย คุณจะปรากฏตัวบนโลกของพวกเราแน่นอนครับ แต่พวกเรายังอยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วย” ปาชิมีสีหน้าที่จริงจัง และนั่นคือความนับถือต่อเฉินหลง “ดังนั้นแล้ว ในอนาคตต่อไป คุณเฉินครับ คุณจะสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าในร้านผมไปได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชิ้นไหนก็ได้เลยครับ”

“เช่นนั้น ผมจะไม่รักษามารยาทละนะ” เฉินหลงว่าอย่างไม่สุภาพ

 

แม้จะโดนบังคับให้รับตำแหน่งผู้กอบกู้ซึ่งทำให้เฉินหลงไม่ชอบใจเอาเสียมากๆ ทว่าก็ยังเป็นเรื่องดีที่จะได้ของมาเปล่าๆ ในร้านของปาชิมีสินค้าที่ใช้แต้มแลกเปลี่ยนอย่างน้อยหนึ่งหรือสองพันแต้ม ในขณะที่ “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ที่เขาอยากแลกเปลี่ยนในตอนแรกต้องใช้ถึงสองหมื่นแต้มแลกเปลี่ยน นี่ประหยัดไปได้สองหมื่นแต้มเลย จะปฏิเสธทำไม

 

“คุณเอาอะไรไปก็ได้เลยครับ ตราบเท่าที่คูณไม่ลืมว่าจะยื่นมือมาช่วยครอบครัวเราตอนที่จะโดนทำลาย” ปาชิกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเฉินหลงตอบตกหลงปาชิโล่งใจ

 

พลังในการทำนายของเขาไม่มีวันจะผิดพลาด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พึ่งคำทำนายเพื่อเข้า “ระบบเถาเปาสุดแข็งแกร่ง” หรอก ดังนั้น เพราะเขาทำนายว่าเฉินหลงจะเป็นผู้กอบกู้ของโลกเขาแล้ว เขาจะไม่มีทางจะพลาด

 

“ไม่มีปัญหา” สิ้นคำ เฉินหลงแลกเปลี่ยนใยแมงมุมสังเกตการณ์จากร้านของปาชิโดยไม่ใช้แต้มแลกเปลี่ยนสักแต้ม

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เขายังไม่แน่ใจว่าจะไปยังโลกของปาชิหรือไม่ แต่เขาจะหาประโยชน์เข้าตัวไว้ก่อน

เฉินหลงกล่าวลากับปาชิตอนที่เขาได้ “ใยแมงมุมสังเกตการณ์แล้ว”

หลังจากเฉินหลงตัดการติดต่อไป ปาชิก็ไม่ใด้สนใจอะไรอีก

 

“ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนแล้ว ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้ เราจะเจอกันอีกครั้ง บนดาวเคราะห์ของผม”

เฉินหลงไม่ได้ใส่ใจว่าปาชิจะคิดอย่างไรหลังเขาได้ของมาแล้ว เฉินหลงเริ่มใช้งานเครื่องมือดังกล่าวในตึกของเขา

 

“ใยแมงมุมสังเกตการณ์” เป็นสิ่งที่คล้ายใยแมงมุม หลังจากที่เขาแลกเปลี่ยนมา เฉินหลงรู้วิธีใช้แล้ว เขาโยน “ใยแมงมุม” ไปบนหลังคาของบริษัท และเมื่อเครื่องมือยึดติดกับหลังคาแล้ว เครื่องมือก็แยกไปตามหลังคา

 

จากนั้น เฉินหลงรู้สึกได้ว่า “ใยแมงมุม” เริ่มจะขยายไปทั่วทั้งตึก ทุกครั้งที่ใยแมงมุมไปถึงจุดใด สถานที่นั้นจะอยู่ภายใต้สายตาสอดส่องของเฉินหลงทันที

 

หลายนาทีต่อมา ทั่วทุกซอกทุกซอยของตึกก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของเฉินหลง

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ข้อความที่ทำให้แฟนเกมทั่วโลกต้องตื่นตะลึงก็ปรากฏ เมื่อบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งชื่อ “เว่ยหลง” ในอาณาจักรจีนอันยิ่งใหญ่ได้ปล่อยเกมเสมือนจริงที่ชื่อ “โลกใหม่” มา เกมนี้เป็นเกมประเภทที่ต้องสวมหมวกและผู้เล่นจะละทิ้งคอมพิวเตอร์ไปเพื่อใช้จิตใต้สำนึกควบคุมการเล่น หมวกแต่ละใบราคาสองพันหยวน เพราะราคาของหมวกและเรื่องที่ว่าเกมนี้ไม่เคยออกสู่สาธารณะมากก่อน ทำให้มีเพียงผู้คลั่งไคล้ในการเล่นเกมไม่มากที่มาซื้อในวันลงขาย แต่อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา เกมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในจีนไปทันที

 

ด้วยความสมจริงเป็นที่สุดของการเล่น ที่ไม่มีตัวละครเอนพีซี และการเล่นเกมทั้งหมดอยู่บนฐานของประสบการณ์จากตัวเกมเอง ทำให้คนที่ซื้อเกมนี้ไปคลั่งไคล้เกมนี้ทีละคนทีละคน

เครื่องสวมศีรษะกว่ายี่สิบล้านเครื่องที่บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงลงจำหน่ายไปตอนแรก ขายหมดในวันถัดไป จึงเป็นผลให้ผู้เล่นหลายคนที่ไม่ได้ซื้อเกมนี้ร่วมลงชื่อในอินเทอร์เน็ตเพื่อขอให้บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงขายเครื่องใส่ศีรษะรอบที่สอง

เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ผู้ที่จะซื้อเครื่องสวมศีรษะพวกนั้นแต่ละคนจะแสดงความตื่นเต้นเป็นอันมากออกมา ขั้นตอนที่เชื่องช้าซื้อใจใครไม่ได้ และหัวใจโดยปกติก็เหมือนโดนกรงเล็บข่วน กรงเล็บแห่งความอดรนทนไม่ได้

 

อย่างไรเสีย การจะเร่งพวกเขาเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะคนแต่ละคนซื้อเครื่องสวมศีรษะได้เพียงเครื่องเดียว

และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ซื้อได้ต้องอายุสิบสองปีขึ้นไป ในการซื้อจะมีนำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านและสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนอื่นก่อนจะซื้อได้

 

ในห้องทำงานของเฉินหลงที่บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลง เฉินหลงและคนสนิทอีกหลายคนกำลังประชุมกัน เจิ้งอี้ ซวีหมิงเหม่ย หวังหู และ หวังเฟิง เป็นกลุ่มแรกที่พูดขึ้น

“หัวหน้า คนพวกนี้นี่บ้าคลั่งจริงๆ พวกคนที่ไม่ได้ซื้อเครื่องสวมศีรษะไปเดินขบวนประท้วงอยู่หน้าบริษัทเราจริงๆด้วย เรารีบขายรอบที่สองเร็วๆเถอะ”