บทที่ 503 คุณจะเข้าห้องอยู่ไหม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“เปล่าค่ะ แด๊ดดี้ไม่ยุติธรรมเลย ไหนบอกว่าจะอยู่ร่วมลำบากด้วยกันไง ครั้งนี้หนูต้องนั่งยองๆตรงมุมห้องเขียนพู่กันจนปวดขาไปหมดแล้ว แต่แด๊ดดี้กลับไปดื่มเหล้าที่ผับ คลอเคลียกับสาวสวย ทำไมแด๊ดดี้ไม่พาหนูไปด้วยล่ะ? หนูก็สามารถเขียนพู่กันจีนที่มุมผับได้นี่!! ตอนนี้หม่ามี๊อยู่กับน้องชายอยู่ฝั่งเดียวกัน หนูกับแด๊ดดี้อยู่ฝั่งเดียวกัน แต่แด๊ดดี้กลับหักหลังหนู! แล้วยังจะอยู่ฝั่งเดียวกับหนูไหม? หม่ามี๊”

สายถูกตัดกะทันหัน บนหัวออกัสมีเส้นสีดำไหลผ่าน จะต้องถูกภรรยาเขาตัดสายแน่ๆ ยัยแม่มดน้อยแย่แล้ว!

เขาไม่มีอารมณ์นั่งดื่มเป็นเพื่อนอีกต่อไป เขาส่งหัสดินกลับคฤหาสน์ภูษาธร เรนนี่ยังไม่นอน เมื่อเห็นเขานั่งเมาอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เข้าไปพยุงเขากลับไปที่ห้อง

อารมณ์ของหัสดินหงุดหงิดมาก เขายื่นมือออกผลักเธออย่างจัง ร่างกายคลุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ “ไปให้พ้น!”

“คุณเอาแต่คิดถึงยู่ยี่แบบนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? เธอไม่ใช่ของคุณ เธอเป็นของผู้ชายคนอื่น ตัดใจเถอะ” เรนนี่ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเช่นกัน

แน่นอนว่าประโยคนี้ทำให้หัสดินที่กำลังเมามายโกรธกว่าเดิม เขาตบเรนนี่สองสามครั้ง สีหน้าแดงก่ำราวกับจะฆ่าคน

เรนนี่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบคนเดียวเช่นกัน เธอยกมือขึ้นจะตบหัสดิน แต่กลับถูกเขารั้งข้อมือไว้ไม่สามารถขยับได้

เธอโกรธมากจึงโน้มตัวกัดข้อมือหัสดินอย่างแรง ชฎารัตน์ออกมาเห็นพอดี จึงแยกทั้งสองออกจากกันด้วยสีหน้าเย็นชา เธอพาหัสดินขึ้นไปชั้นบนแล้วกวาดตามองเตือนเรนนี่

เรนนี่โกรธมาก เธอกรีดร้อง โยนแก้วลงกับพื้น นับวันก็ยิ่งมีชีวิตอยู่ต่อไปยากแล้ว!

ชีวิตแบบนี้ทั้งไม่สนุกและไม่มีความสุข มันคือนรก ขุมนรกลึกชัดๆ!

สองมือเธอจับผมแล้วขยี้อย่างบ้าคลั่ง รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า ชีวิตแบบนี้จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร?

เช้าวันรุ่งขึ้น

โก๋ขับรถโดยมีฉันทัชนั่งอยู่เบาะหลังไปที่บริษัท ขายาวภายใต้กางเกงสูทไขว้กัน เอกสารวางอยู่บนเข่า แขนเสื้อม้วนขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นแขนแกร่งที่สง่างาม

ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุขึ้น รถของโก๋ชนกับรถคันหนึ่ง การชนไม่รุนแรงมาก คนนั้นปลอดภัยดี รถเกิดรอยขีดข่วนและรอยเสียดสี

คนที่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่โก๋ แต่เป็นเจ้าของรถอีกคัน พอรถจอด คนขับรถก็เข้ามาขอโทษ “ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันประมาทเอง ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของรถเองค่ะ”

ฉันทัชลงจากรถ เมื่อสายตาหันไปทางเจ้าของรถ ตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย

เธอมีหน้าตาที่คล้ายกับดาหวันมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือเสื้อผ้า หรือแม้แต่วิธีการพูด

ขณะที่เธอพูด เขายังคิดกระทั่งว่าคนที่เขาเห็นคือดาหวัน ฉันทัชรู้สึกประหลาดใจและอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย สีหน้าเขาเรียบเฉย ยังคงความสง่างามและระยะห่างตลอด แล้วเอ่ยปากพูดว่า “ก็รอยเสียดสี ไม่เป็นไรครับ”

จากนั้นเขาก็มองไปที่โก๋อีกครั้ง “ส่งรถไปที่อู่ซ่อม”

โก๋ถาม แล้วคุณฉันทัชล่ะครับ?

ฉันทัชบอกว่านั่งแท็กซี่ไปก็ได้นะ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกผิดมาก เธอขมวดคิ้วอย่างอธิบายไม่ถูก “ฉันต้องชดใช้แน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ”

ฉันทัชยกข้อมือขึ้นเหลือบมองดูเวลาแล้วพูดเรียบๆว่า “ผมมีธุระด่วนต้องรีบไป จะรอช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ แค่รอยเสียดสีไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องชดใช้ แต่หากคุณผู้หญิงยืนกรานจะชดใช้ให้ได้ก็คุยกับผู้ช่วยผมได้เลย”

พูดจบเขาก็โบกแท็กซี่ เปิดประตูก้าวขายาวเข้าไป

หญิงสาวรีบก้มหน้าขอโทษ มุมตาเธอโค้งเล็กน้อย เพียงแต่เพราะเธอก้มศีรษะจึงไม่มีใครเห็น

ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังคงเย็นอยู่บ้าง เธอสวมเสื้อคลุมสีขาว กางเกงเลกกิ้งสีดำ รองเท้าส้นเข็ม ผมราวกับเส้นไหมพาดอยู่บนบ่า ทั้งท่าทางและคำพูดของเธอล้วนอ่อนหวาน ให้ความรู้สึกที่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก

บริษัทเริ่มเปิดกิจการแล้ว ฉันทัชมาที่นี่เป็นครั้งแรก ชื่อของบริษัทยังไม่ได้ตั้งชื่อ

พนักงานทุกคนของบริษัทยืนรอกล่าวทักทายอย่างอบอุ่น และผู้หญิงในตอนเช้าคนนั้นก็อยู่ท่ามกลางพนักงานด้วย

ต่อไปเป็นเวลาประชุม ผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการของบริษัทรวมตัวกันที่ห้องประชุมเพื่อรายงาน

ครั้งนี้มีการเตรียมตัวดีมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถคัดเลือกพนักงานและผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดได้ครบ ไม่มีตำแหน่งงานว่าง

พนักงานที่ได้รับคัดเลือกทุกคนล้วนโปรไฟล์ดี มีนักออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนพนักงานปฏิบัติการ

ห้องประชุม

ฉันทัชนั่งฟังตรงที่นั่งตำแหน่งประธาน ข้างหน้ามีแก้วน้ำอยู่ ข้างหลังเป็นจอฉายภาพขนาดใหญ่ แขนเขาวางลงบนโต๊ะ สองขาไขว้ทับกัน

แต่ละแผนกล้วนคัดเลือกผู้จัดการ สรุปแผนงานที่จะดำเนินการในอนาคตอย่างละเอียด

การประชุมครั้งแรกใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ในห้องประชุมกลับเงียบกริบ

ในห้องประชุมผู้ชายครึ่งหนึ่งและผู้หญิงอีกครึ่งหนึ่ง บ่อยครั้งที่สายตาของสาวๆมักจะมองไปที่ฉันทัชโดยไม่ได้ตั้งใจและควบคุมไม่อยู่

เขาสังเกตได้แต่ไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางมีเพียงรอยยิ้มจางๆอย่างเหินห่าง บางครั้งหากสบตา เขาก็พยักหน้าอย่างสุภาพ

การประชุมดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ขณะใกล้จะจบลงฉันทัชก็จัดชุดสูทแล้วถามว่า “มีคำถามอะไรจะถามอีกไหมครับ?”

ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นผู้หญิงคนที่เจอเมื่อเช้าก็ยืนขึ้น บนหน้าอกเธอมีป้ายชื่อ บนนั้นมีชื่อเธอ ลิลลี่

เธอมองฉันทัชด้วยดวงตาที่สดใส หัวเราะเบาๆแล้วถามว่า “สามารถถามคำถามส่วนตัวประธานฉันทัชหนึ่งคำถามได้ไหมคะ?”

“ครับ” ฉันทัชจิบน้ำอุ่น ยิ้มบางๆ

“ประธานฉันทัชแต่งงานรึยังคะ?” เธอกล่าว “ฉันอยากรู้คำถามนี้มาก ฉันเชื่อว่าผู้หญิงที่อยู่ร่วมกันในห้องนี้ก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน”

“ยังครับ…” เขาจิบน้ำอุ่นอีกจิบ ขยับริมฝีปากบางตอบด้วยเสียงทุ้ม

ทันใดนั้นผู้หญิงด้านล่างก็ตื่นเต้นทันที บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ห้ามไม่อยู่

“แต่ว่า…” ฉันทัชหยุดครู่หนึ่ง ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาลึกของเขา แล้วพูดว่า “ผมมีผู้หญิงที่ผมรักอย่างสุดซึ้งและอยากแต่งงานด้วยแล้ว เพียงแค่เธอเอ่ยปากว่าอยากแต่งงาน ผมสามารถแต่งงานกับเธอได้ทันที…”

ได้ยินเช่นนั้นทุกคนในห้องประชุมต่างส่งเสียง เหล่าบรรดาผู้หญิงก็อิจฉามากขึ้นไปอีก

เขาเพียงแค่ยิ้มบางๆ ลุกขึ้นจัดเสื้อให้เรียบร้อยด้วยสีหน้านุ่มนวล “เช่นนั้น หวังว่าทุกคนจะร่วมงานกันอย่างมีความสุขครับ”

ในวันแรกของบริษัทใหม่ มีงานเลี้ยงในตอนเย็น ฉันทัชก็เข้าร่วมงานด้วย เขาให้โก๋ไปรับยู่ยี่ แต่ยู่ยี่ไม่ยอมมา เธอบอกว่าเธออยากนอน

ตอนแรกเป็นงานเลี้ยง หลังจากทานอาหารที่โรงแรมแล้วก็ไปที่ผับต่อ

ฉันทัชไม่ได้มาผับเป็นเวลานานมากแล้ว บรรยากาศรอบคึกคักมาก แต่เขากลับใจลอย

สำหรับเขาแล้วตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่จะสามารถดึงดูดเขาได้ ในใจเขาคิดเพียงแต่อยากกลับคอนโด กอดเธอ หรือพูดคุย หรือดูทีวีกัน

คนรอบตัวเขามีความกระตือรือร้นสูงมาก จึงไม่สามารถเสียมารยาทมากเกินไปได้ เขาดื่มเบาๆไปสองสามแก้ว พอเห็นก็รับไว้ แต่ตัวเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์

เหล้าค่อนข้างแรง เขาเมาเล็กน้อย ตาเขาหรี่ลงขณะดื่มน้ำอุ่น

รอจนทุกคนจะร้องเพลงต่ออีก ฉันทัชกล่าวขอตัวกลับก่อน

จากนั้นเขาเดินออกจากห้องส่วนตัว นิ้วเรียวยาวนวดระหว่างคิ้ว เขาปลดกระดุมสูทออก

ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า เสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้น จากนั้นลิลลี่ก็เดินออกมา เธอเร่งฝีเท้ามายืนตรงหน้าเขาด้วยอาการหอบเล็กน้อย “ประธานฉันทัชคะ”

ฉันทัชหยุดฝีเท้ามองเธออย่างห่างเหินแต่ยังคงสุภาพ “คุณลิลลี่มีธุระอะไรครับ?”

“ฉันก็มีธุระจะกลับไปพอดีเหมือนกัน จึงอยากจะไปส่งประธานฉันทัช ฉันต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ด้วยจริงๆนะคะ” ที่มุมปากเธอมักประดับด้วยรอยยิ้ม

เธอที่ยิ้มแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับดาหวันมากจนถึงขั้นสามารถใช้คำว่าเหมือนมาอธิบายได้

ฉันทัชกลับไม่ได้หวั่นไหว เขายิ้มบางๆส่ายหน้า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณลิลลี่ แต่รถของผมมาถึงแล้ว”

ลิลลี่ยิ้มอีกครั้ง ยื่นมือออกไปตบหน้าผากตัวเองเบาๆ “ฉันคิดไปเองฝ่ายเดียวซะแล้ว ประธานฉันทัชสามารถให้ช่องทางติดต่อกับฉันได้ไหมคะ? เรื่องรถฉันจะต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”

เมื่อก่อนดาหวันชอบทำท่านี้มากที่สุด เขาบอกว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำให้ยิ่งโง่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงแค่หัวเราะออกมา

หลังจากเห็นการกระทำของเธอ ฉันทัชก็บอกเบอร์กับเธอไป เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์ส่วนตัว แต่เป็นเบอร์เลขาของห้องทำงาน

สุดท้ายเขาถามอย่างเป็นกันเองว่า “คุณลิลลี่เป็นคนที่ไหนครับ?”

“เฮทเคค่ะ แต่ว่าเรียนที่ต่างประเทศมาตลอด เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน” ลิลลี่ตอบ

ฉันทัชพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก กล่าวลาเรียบๆแล้วเดินออกไป โดยที่มือยังคงนวดคิ้วราวกับไม่สบาย

โก๋กำลังรออยู่แล้ว รถถูกเปลี่ยนเป็นมุลซานน์สีเงิน

ลิลลี่เดินติดตามมาติดๆ ขณะที่เธอสตาร์ทรถกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รถนั้นไม่สามารถสตาร์ทได้ เธอเริ่มร้อนใจ ไม่สามารถโทรหาบริษัทประกันได้

ขณะที่มุลซานน์สีเงินกำลังจะขับผ่าน เธอโบกรถแล้วถามว่าเธอสามารถติดรถไปด้วยได้ไหม

โก๋มองฉันทัชที่อยู่เบาะหลังแล้วถาม เขาพยักหน้าเล็กน้อย หลับตาไม่ได้ลืมตาอีก

วันนี้เดิมทีเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย เขาเป็นหวัด บวกกับดื่มเหล้าไปหลายแก้ว ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายมากขึ้น

ลิลลี่ก็นั่งที่เบาะหลังเช่นกัน ระหว่างทางในรถนั้นเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงลมหายใจ

เมื่อมาถึงจุดหมายลิลลี่ลงจากรถ กำลังจะกล่าวลา แต่เห็นว่าฉันทัชหลับตาอยู่ราวกับกำลังหลับสนิท เธอจึงไม่ได้ส่งเสียง หลังจากกล่าวลาโก๋ก็จากไป

แต่ทว่าความจริงฉันทัชไม่ได้หลับ หลังจากที่ลิลลี่ไปแล้ว เขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีปฏิกิริยาที่เรียบเฉย

ยู่ยี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนตัวยังสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูก็เดินไปเปิดประตู

โก๋พยุงฉันทัช เธอขมวดคิ้ว “ดื่มเหล้ามา?”

“ดื่มไปไม่กี่แก้ว แต่คุณฉันทัชมีไข้ครับ…” โก๋ตอบ

ยู่ยี่ยิ้ม “แล้วนายไม่ซื้อยาลดไข้ให้คุณฉันทัชของนายเหรอ? แล้วค่อยป้อนเขากิน ดูท่าทางเป็นห่วงของนายสิ”

โก๋ตะโกนว่า คุณยู่ยี่!

เธอยิ้มอย่างร่าเริงมากขึ้น ยื่นมือไปพยุงแขนอีกข้างของฉันทัช เอามือลูบหน้าผากเขา ตัวร้อนมากจริงๆ

ฉันทัชขัดขืนเธอ เขายืนอยู่ที่ประตูไม่ยอมเดิน เธอเพิ่งอาบน้ำมา สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ คอขาวเนียนโผล่ออกมา กระดูกไหปลาร้าสวยงาม ผมนุ่มสลวยเงางาม แถมยังมีกลิ่นหอม เขาโน้มตัวเข้าไปจูบเธอ

โก๋มองอย่างตกตะลึง นี่ยังใช่คุณฉันทัชอยู่ไหม?

ยู่ยี่หายใจไม่ออก เขาคออ่อนจริงๆ!

เขายังคงจูบไม่หยุด ยู่ยี่ตบหน้าอกเขาเบาๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ ในที่สุดเธอก็อารมณ์เสียอย่างน้อยครั้งนักที่จะเห็น “วันนี้คุณจะเข้าห้องอยู่ไหม?”