ตอนที่ 294 ทะลวงชีพจร (1)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 294 ทะลวงชีพจร (1) โดย Ink Stone_Fantasy

“พี่หู คำนี้หมายความว่าไง? ฉันว่างไม่มีอะไรทำเลยชอบมีปัญหาใช่ไหม? ”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหูจวิน เยี่ยเทียนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะวันนี้แฟนสาวของเขาถูกแซว ถ้าเขาต้องอดทนกับเรื่องนี้เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว

“ล้อเล่น ล้อเล่นนะ”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนโกรธแล้ว หูจวินจึงรีบพูดขึ้นว่า “แลนด์โรเวอร์คันนั้นที่คุณเห็น ถูกจองโดยหวงซือจื้อ แต่เขาไม่ต้องการแล้ว ตอนนี้คุณสามารถนำรถออกไปได้ทุกเมื่อ!”

“บังเอิญจัง?” เยี่ยเทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อสักครู่ตอนที่หวงซื้อจื้อกำลังจะไป ดูเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องการรถ ไม่นึกเลยว่ามันคือแลนด์โรเวอร์คันนั้น?

หูจวินพูดพร้อมกับยิ้มว่า “มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เด็กคนนี้อยากจะมีส่วนในหุ้นของฉัน แต่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังช่วยให้เขาได้รถยนต์ไปเล่นหลายคัน…”

มันกลับกลายเป็นว่าเมื่อเริ่มแรกที่หูจวินเปิดร้าน 4S หวงซือจื้อต้องการที่จะลงทุนเพื่อถือหุ้นบางส่วน แต่หูจวินก็ไม่ได้ขาดเงิน ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธหวงซือจื้อ

อย่างไรก็ตามตั้งแต่การเปิดตัวร้าน 4S นั้น หวงซือจื้อได้เข้าไปพัวพันกับหูจวินและขอให้เขา ช่วยนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ว่าการจะนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศในปี 1998 นั้น ภาษีค่อนข้างหนักและแน่นอนที่จำเป็นต้องมีเส้นสายบ้าง

เช่นเดียวกับแลนด์โรเวอร์ในโรงรถคันนั้น ถ้าไม่ใช่บริษัท BMW ที่เข้ามาดำเนินการบริหารต่อบริษัทแลนด์โรเวอร์ในปี 1994 อีกทั้งที่หูจวินเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารของ BMW เขาจะไม่สามารถรับรถเข้ามาไปในประเทศได้

แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของหูจวินในร้าน 4S เขาได้นำเข้ารถยนต์บางส่วนเข้ามาขายได้โดยมีความสัมพันธ์ ส่วนตัวของเขาเอง และไม่ต้องการกำไร แค่ต้องการสร้างความสัมพันธ์เท่านั้น

หลังจากฟังคำอธิบายของหูจวินแล้ว เยี่ยเทียนก็ถามว่า “ฉันจะขับรถออกไปได้ทันทีเมื่อฉันย้อนกลับมาใช่ไหม”

สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่รักนอกจากผู้หญิงแล้ว ก็คือปืนและรถยนต์ เยี่ยเทียนไม่มีความรักหรือสนใจในปืน และตอนนี้ได้ยินว่าตนสามารถมีรถแลนด์โรเวอร์ได้ในทันที ก็รู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย

หูจวินพยักหน้าและพูดว่า”แน่นอนเลยน้องเยี่ยเทียน วันนี้สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในร้านของฉัน รถคันนี้จะเป็นสิ่งที่พี่หูชดใช้ ให้แก่คุณก็แล้วกันนะ!”

ส่งรถยนต์หรูหรามูลค่าเกือบหนึ่งล้าน หูจวินแทบไม่ต้องกระพริบตา นี่เป็นเพราะคำแนะนำที่เยี่ยเทียนบอกแก่เขา เมื่อก่อนหน้านี้ ได้ทำให้หูจวินได้ลิ้มรสความหวานมากมายแล้ว

“อย่าทำอย่างนี้ พี่หู ถ้าคุณพูดแบบนี้ รถคันนี้ผมไม่เอาแล้วนะ” เยี่ยเทียนพูดพร้อมกับส่ายหัว ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดเงิน หากเพราะเงินแล้วต้องเป็นหนี้ในมนุษยสัมพันธ์ เยี่ยเทียนจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด

“ตกลง การนำเข้ารถยนต์คันนั้นรวมภาษีแล้วราคาคือ 850,000หยวน ฉันจะเรียกเก็บเงินคุณเท่านี้นะ!” หูจวินก็ไม่ได้บังคับ คนที่ได้เดินเข้าใกล้กับตระกูลถังในฮ่องกง จะขาด 8 แสนนั่นหรือ?

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนพยักหน้าและเห็นด้วย หูจวินเรียกคนมาทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ หลังจากที่ทั้งสองฝ่าย ได้ลงนามในสัญญา เยี่ยเทียนหยิบบัตรธนาคาร ยอดเงิน 1 ล้านและดำเนินการโอนเงิน

หลังจากเสร็จสิ้นการดำเนินการแล้ว เยี่ยเทียนก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ และพูดว่า “ใช่พี่หู คุณควรให้ค่าคอมมิชชั่น แก่คุณตั่วตัวคนนั้นนะ พวกคุณจะต้องให้นะ”

ตระกูลตั่วในสมัยช่วงราชวงศ์ชิง ก็เป็นประเภทหนึ่งในฉีเหมิน ด้วยเทคนิคการทำนายดวงชะตาชีพจรของตั่วซื่อหลิน แม้แต่อาจารย์เองก็ชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก

เมื่อเห็นว่าตั่วตัวทำงานที่นี่ เยี่ยเทียนสามารถเดาได้ว่าวิชาของตระกูลตั่วนั้นไม่มีการสืบทอดแล้ว ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงพูดแบบนี้อย่างตั้งใจ และต้องการช่วยเหลือลูกหลานของตระกูลตั่ว

“ได้เลย จะให้แน่นอน ฉันจะให้โบนัสแก่เขาตอนสิ้นเดือน” หลังจากที่ได้ถามอย่างชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หูจวินพยักหน้าและตกลงตามนั้น

“คุณเยี่ยนี่คือกุญแจรถ ได้เติมน้ำมันเต็มถังแล้วสำหรับรถคันนี้ เราจะเตรียมป้ายทะเบียนรถให้พร้อมและจัดส่ง ให้แก่คุณภายในสามวันทำการ!”

หลังจากเซ็นสัญญา ผู้จัดการอู๋ก็ออกไป ประมาณสิบนาทีต่อมา ก็กลับมาที่สำนักงานอีกครั้ง ในมือถือกุญแจ ของรถแลนด์โรเวอร์

“ขอบคุณผู้จัดการอู่ ส่วนป้ายทะเบียนรถรบกวนคุณด้วยนะ”  เยี่ยเทียนยืนขึ้นและรับกุญแจ มองไปที่หูจวินแล้วพูดว่า “พี่หู ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”

หูจวินยืนขึ้น และพูดเหนี่ยวรั้งว่า “น้องเยี่ย มื้อค่ำนี้ทานข้าวด้วยกันไหม?”

เยี่ยเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “สุขภายร่างกายของเสวี่ยเสวี่ยไม่ค่อยดีนัก และเขาไม่สามารถออกไปข้างนอก เป็นเวลานาน ผมขอเป็นวันอื่นนะ แล้วค่อยออกไปหาที่นั่งคุยกัน”

เมื่อได้ยินถึงเยี่ยเทียนพูดอ้างถึงสุขภาพร่างกายของถังเสวี่ยเสวี่ย หูจวินก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งเขาไว้ แล้วเดินไปส่งเยี่ยเทียน ที่ประตูร้าน 4S รถแลนด์โรเวอร์อันสง่างามก็จอดรออยู่ที่ประตูแล้ว

ในปี1998 นอกเหนือจากปักกิ่งมีรถจี๊ปและรถออฟโรดแล้ว การขับรถออฟโรดแบบนี้ยังหาได้ยากในประเทศ ในเวลานี้ก็มีคนไม่น้อยที่มามุงอยู่ตรงนั้นแล้วต่างก็พากันชี้ไปรอบๆ รถ

แต่เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ขับรถคันนั้นท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อิจฉา เพราะเขาขับรถซานตาน่ามาอีกหนึ่งคัน สุดท้ายแล้วผู้ที่ขับรถแลนด์โรเวอร์คือชิงหย่า เยี่ยเทียนขับรถซานตาน่าตามหลังไป

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เยี่ยเทียนก็จออดซานตาน่าเข้าไปในบ้านเก่า เขากับพ่อของเขาเปลี่ยนรถซานตาน่าธรรมดาคันนี้มอบให้อาเขยคับ เพราะรถนั้นไม่สามารถขายได้ราคาแล้ว

“พี่เยี่ยเทียน ปู่ของฉันมาที่นี่แล้ว!”  เพิ่งกลับมาถึงที่เรือนสี่ประสานของตน ถังเสวี่ยเสวี่ยที่กลับมา ถึงพร้อมกับอวี๋ชิงหย่าก็กระโดดและวิ่งมาหาถังเหวินหย่วนที่เดินอยู่ด้านหลังเธอพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เฮ้ ผมบอกแล้วนะเหล่าถัง ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะถ้าคุณจะอยู่ต่อ!” หลังจากกลับมาที่บ้านและนั่งลง บนใบหน้าของเยี่ยเทียนยิ้มอย่างมีความสุข วันนี้เขาเพิ่งจะจ่ายไปเกือบล้าน เมื่อเห็นเศรษฐีคนนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องได้เงินที่จ่ายไปนั้นกลับคืนมา

ถังเหวินหย่วนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา ฉันวางแผนว่าจะซื้อบ้านข้างๆ แล้วฉันจะได้มาเป็นเพื่อนบ้าน กับคุณในอนาคต!”

ธุรกิจการเงินของกลุ่มตระกูลถังในฮ่องกงนั้นดำเนินมาอย่างยาวนาน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกๆ และหลานๆ ของเขาเข้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัว  ถังเหวินหย่วนได้กำหนดผู้สืบทอดและหุ้นของคนในครอบครัวก่อนแล้ว และเขาก็แยกตัวออกจากธุรกิจนี้โดยสิ้นเชิง

หลังจากได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนจ้องมองเขาซักพักแล้วก็ส่ายหน้าพูดว่า “เหล่าถัง สถานที่อันอุดมสมบูรณ์ในโชคชะตาของคุณอยู่ทางทิศใต้ถ้าคุณอยู่ที่นี่เกรงว่าจะอยู่ไม่พ้นสามปีนะ”

“อะไรนะ?คุณ…คุณพูดจริงหรือ?”

ถังเหวินหย่วนผงะด้วยคำพูดของเยี่ยเทียน ในการเป็นมหาเศรษฐีของเขา ในชีวิตเขาพบเจอกับปัญหาและอุปสรรค ต่างๆจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในขณะนี้เขากลับมีความกลัวกับความเป็นความตายและความเจ็บป่วยในชีวิต

เยี่ยเทียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตามคำสุภาษิตที่บอกว่ายากที่จะจากภูมิลำเนาเดิม คุณเองก็แก่แล้ว ในอนาคตออกมาจากฮ่องกงให้น้อยที่สุดเถอะนะครับ!”

“แล้ว…ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี” ถังเหวินหย่วนมองเยี่ยเทียนด้วยความกังวลและหลังจากได้ยินคำพูดของคุณปู่ ใบหน้าเล็ก ๆ ของ ถังเสวี่ยเสวี่ยก็แสดงถึงความหวาดกลัวออกมา

“ในช่วงปีแรกๆ คุณประมาทในการงานอาชีพของคุณ แม้ว่าคุณจะชดเชยมันแล้วในวัยกลางคน แต่คุณก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ จะเกิดหายนะเมื่อคุณอายุแปดสิบสาม ถ้าผ่านมันไปได้ คุณก็จะอายุยืนร้อยปี!”

เยี่ยเทียนได้อนุมานตัวเลขของถังเหวินหย่วนมานานแล้ว เวลานี้พูดออกมาโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ส่วนถังเหวินหย่วนเมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้งติดต่อกัน

ในความเป็นจริงถ้าไม่ได้พบเจอกับเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็จะเจออุปสรรคในปีหน้า ถ้าเขาผ่านมันไปไม่ได้ ก็จะเป็นวันที่ถึงฆาต อย่างไรก็ตามโดยความบังเอิญ พลังชี่หลิงในเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน ทำให้หายนะนั้นหายไป

“เมื่อถึงเวลานั้นฉันหวังว่าคุณจะยื่นมือมาช่วยเหลือ!” ถังเหวินหย่วนยืนขึ้น และโค้งคำนับให้กับเยี่ยเทียน ตอนนี้อายุของเขาห่างจาก 83 ก็แค่ไม่กี่ปีแล้ว

ถังเสวี่ยเสวี่ยจับแขนเสื้อของเยี่ยเทียน และพูดว่า “พี่เยี่ยเทียน พี่ต้องช่วยปู่ของฉันนะ!”

“ นี่มันก็เร็วไปไหม เหล่าถัง คุณก็อยู่มาหลายปีแล้ว คุณไม่สามารถปลงกับชีวิตและความตายอีกเหรอ?” พูดแล้วเยี่ยเทียนก็หัวเราะขึ้นมา

“นี่มันจะดีกว่า การมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าตายมิใช่เหรอ?”

คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ถังเหวินหย่วนยิ้มอย่างขมขื่น และยิ่งเป็นผู้คนที่ร่ำรวยพวกเขาก็ยิ่งหวงแหนชีวิต ถังเหวินหย่วนรู้แล้วยังมีคนรวยจำนวนมากในฮ่องกงที่เชื่อในราชาแห่งอินเดีย พวกเขาก็แค่อยากมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่ปี

“เวลานั้นมาแล้วค่อยว่ากันอีกที ในช่วงไม่กี่ปีนี้คุณก็หมั่นทำความดีอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”

เยี่ยเทียนโบกมือของเขาแล้วดูไปที่ ถังเสวี่ยเสวี่ยแล้วพูดว่า “เธออาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว พอดีกับที่ปู่ของเธอก็มา ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะเปิดชีพจรหยางเพื่อกำจัดพิษของมัน ใช้เวลาไม่นาน เธอก็สามารถ มีชีวิตเหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไป!”

“จริงหรือพี่เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันจะไปโรงเรียนและไปเดินห้างสรรพสินค้าได้เหมือนอย่างคนอื่นหรือ? ” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนความสนใจของถังเสวี่ยเสวี่ยก็ถูกเบี่ยงเบนไปทันที

“ อืม” เยี่ยเทียนพยักหน้าและยืนยัน “ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว วันนี้ฉันจะเตรียมตัวก่อน และในวันพรุ่งนี้ฉันจะช่วยรักษาโรคของเธอนะ!”

“เยี่ยเทียนคุณจะต้องเตรียมอะไรบ้าง คุณต้องการความช่วยเหลือจากฉันหรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าความเจ็บป่วยของหลานสาวของตนกำลังจะหายขาด ถังเหวินหย่วนก็ยิ้มหน้าบาน สำหรับเรื่องของตนเองมันก็อีกตั้งหลายปีมิใช่หรือ แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นเยี่ยเทียนจะยื่นมือและช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน

“คุณก็คือกองกำลังเสริม และสิ่งที่ฉันควรเตรียมนั้นได้เตรียมมันไว้แล้ว!”

หลังจากได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วน หัวใจของเยี่ยเทียนก็แทบกระอักเลือดเช่นกัน เพื่อรักษาถังเสวี่ยเสวี่ย ก่อนหน้านั้นเขาใช้เงินมากกว่า 6 ล้าน เพื่อซื้อหยกอุ่นอย่างดีกว่าสิบชิ้น แล้วเวลานั้นทำไม ไม่ได้ยินว่า ถังเหวินหย่วนต้องการจะช่วยหละ

อย่างไรก็ตามเยี่ยเทียนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดมันออกมา เพราะตนได้เรียกเก็บเงินจากคนอื่นมา 40 ล้านแล้ว เขาสัญญาแล้วว่าจะรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ย ในการใช้เงิน 6 ล้านนี้ก็ถือเป็นต้นทุนก็แล้วกัน

ในคืนนั้นโจวเซี่ยวเทียนที่พึ่งกลับมาจากพานเจียหยวน เยี่ยเทียนก็บอกเขาว่าสัปดาห์หน้าไม่ต้องไปแล้ว

เยี่ยเทียนช่วยถังเสวี่ยเสวี่ยทะลวงชีพจรหยาง แม้ว่ากระบวนการนี้ไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัว เท่าในนิยายศิลปะการต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถถูกรบกวนจากคนอื่นได้ เมื่อมีโจวเซี่ยวเทียนคอยดูแลในลานบ้าน เยี่ยเทียนจึงจะสามารถวางใจและรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดเธอได้อย่างปลอดภัย

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นเยี่ยเทียนนำถังเสวี่ยเสวี่ยมาที่ห้องของเขา และหลังจากที่ให้ถังเสวี่ยเสวี่ยถอดรองเท้า และถุงเท้าแล้ว เยี่ยเทียนอธิบายว่า”เสวี่ยเสวี่ย เธออาจจะรู้สึกคันเล็กน้อย อย่าส่งเสียงเด็ดขาด เธอต้องอดทนไว้ให้ได้ มิฉะนั้นสิ่งที่เราทำก็จะไร้ผล! “

แม้ว่าชีพจรหยางจะเป็นเพียงหนึ่งในแปดของเส้นชีพจรของฉีจิง จุดฝังเข็มมันเริ่มต้นจากฝ่าเท้า , ตำแหน่งพูชันและฟูหยางและจุดอื่นๆ ไปจนถึง จิงหมิง และฟงฉือ ซ้ายขวารวมทั้งหมดมียี่สิบสี่จุด

หากต้องการที่จะรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ยอย่างสมบูรณ์  จำเป็นต้องเปิดจุดฝังเข็มทั้ง 24 จุดนี้ทีละจุด เพื่อให้หยินและหยางประสานงานกับความเย็นและความร้อนเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน

……