ตอนที่ 295 ทะลวงชีพจร (2)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 295 ทะลวงชีพจร (2) โดย Ink Stone_Fantasy

ใบหน้าเล็กๆ ของถังเสวียเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความกลัว แล้วก็กัดริมฝีปากของเธอพูดว่า “พี่เยี่ยเทียนวางใจได้เลย เสวียเสวี่ยไม่กลัวความเจ็บปวด!”

ปากบอกว่าเธอไม่กลัว แต่สีหน้าบนใบหน้าของถังเสวียเสวี่ยได้เปิดเผยมาหมดแล้ว เธอมองเข็มใสๆ ทั้งสามอันนั้นในมือของเยี่ยเทียน ถังเสวียเสวี่ยแทบจะกัดริมฝีปากของเธอจนห้อเลือด

“ได้ ฉันว่าเธอควรนอนสักตื่นนะ”

เยี่ยเทียนส่ายหัวพร้อมด้วยรอยยิ้มขมขื่น และกดเบาๆ บนหมอนหยกที่อยู่ด้านหลังศรีษะของถังเสวียเสวี่ย ทันใดนั้นถังเสวียเสวี่ยหันร่างของเธอและนอนลงบนเตียง

เนื่องจากพลังหยินเย็นในร่างกายของถังเสวียเสวี่ยนั้นสะสมเป็นเวลานานเกินไป การรักษาของเดือนนี้ คือการระงับความเย็นไว้เท่านั้น ถ้าอยากทะลวงชีพจรหยางที่เกือบฝ่อบนร่างกายของเธอนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ ความพยายามและพิถีพิถัน

เยี่ยเทียนไม่คิดว่าถังเสวียเสวี่ย จะสามารถทนต่อความรู้สึกคันแปลกๆ ในกระบวนการบำบัดได้ ดังนั้นขั้นตอนนี้ จะต้องทำให้เธอหลับสนิท

จุดเทียนตะเกียงแอลกอฮอล์บนโต๊ะ เยี่ยเทียนล้างพิษบนเข็มทองสามอันที่มีความยาวต่างกัน แล้วยกเท้าขวา ของถังเสวียเสวี่ยขึ้นด้วยมือซ้าย

เห็นมือขวาของเยี่ยเทียนขยับอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า และเข็มทองสามอันถูกฝังไว้ในสามแห่งที่เท้า ของถังเสวียเสวี่ย เข็มแต่ละอันถูกฝังเข้าไปในจุดฝังเข็มอย่างแม่นยำและหัวของเข็มนั้นก็ยังสั่นอยู่

การฝังเข็มลงไปเป็นเพียงขั้นตอนแรก และขั้นตอนการรักษาต่อไปนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เยี่ยเทียนยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว และบิดเข็มทองด้านล่างสุดในขณะเดียวกัน ลมปราณในร่างกายทั้งหมดก็กำลัง หมุนเวียนตามขนาดของเข็มทองเล็กๆ มันก็ค่อยๆ เข้าสู่ผิวของถังเสวียเสวี่ย

ความแข็งแรงของเส้นชีพจรของร่างกายนั้นมีขีดจำกัด ผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแรงก็จะมีเส้นชีพจรที่แข็งแรงและทนได้นาน ในขณะที่ผู้ที่มีร่างกายไม่ดีจะถูกรัดโดยเส้นชีพจร

ดังที่กล่าวไว้ในนวนิยายศิลปะการต่อสู้ มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะกำลังที่ลึกซึ้ง บุคคลที่ต้องการจะรับการรักษาก็ต้องมีชีพจรที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กำลังภายในในการทะลวงชีพจร จะสามารถทำได้ตามสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เหมือนดั่งการเซาะหินอย่างช้าๆ โดยเฉพาะร่างกายที่อ่อนแอของถังเสวียเสวี่ย และชีพจรหยางที่ถูกจำกัดเป็นเวลาหลายปี ยิ่งรับพลังลมปราณแท้ที่ดุดันเข้าสู่ร่างกายอย่างกระทันหันไม่ได้

เทคนิคเข็มทองที่เยี่ยเทียนใช้ทะลวงชีพจร ในขณะที่เปิดจุดฝังเข็มนั้น ยังมีอุณหภูมิหยางในการระบาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของหัวใจ แผนการรักษาเช่นนี้เยี่ยเทียนเองก็ครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงได้เลือกวิธีการรักษานี่

อย่างไรก็ตามเยี่ยเทียนจะต้องควบคุมพลังลมปราณแท้ภายในร่างกายให้ได้ เพื่อให้รายละเอียดขั้นตอนนั้น อยู่ระดับที่สมดุล ถ้าจำนวนของการป้อนลมปราณมีขนาดมากเกินไปมันจะทำร้ายเส้นชีพจรของถังเสวียเสวี่ย และหากป้อนในจำนวนที่น้อย ก็เท่ากับว่าไม่ทำอะไรเลย

ผ่านไปสิบนาที มือขวาบิดเข็มทองอย่างช้าๆ และหน้าผากของเยี่ยเทียนก็ปรากฏเม็ดเหงื่อเล็กขึ้นอย่างช้าๆ

ยี่สิบนาทีต่อมา หลังของเยี่ยเทียนนั้นก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเม็ดเหงื่อที่เท่าเมล็ดถั่ว ก็ลื่นไถลลง จากหน้าผากของเขา

เมื่อครบสามสิบนาที ถังเสวียเสวี่ยก็ส่งเสียงคร่ำครวญบนเตียงโดยไม่ได้สติ แม้เธอจะอยู่ในการนอนหลับ แต่เธอยังสามารถรู้สึกถึงความคันที่มาจากเท้าของเธอ

……

ถังเหวินหย่วน และ โจวเซี่ยวเทียน ยืนอยู่ที่ประตูนานกว่าครึ่งชั่วโมง เยี่ยเทียนต้องการความเงียบสงบ เมื่อเขาทะลวงชีพจรของถังเสวียเสวี่ย ดังนั้นทั้งคู่จึงถูกปิดกั้นด้วยประตู

หลังจากได้ยินเสียงจากภายในห้อง โจวเซี่ยวเทียนพูดอย่างแปลกใจ ว่า “คุณปู่ถัง เสียงของเสวียเสวี่ยทำไมแปลกจัง”

“คงเพราะทนต่ออาการคันไม่ไหวละมั้ง?”

ใบหน้าของถังเหวินหย่วนก็เปลี่ยนไปเพราะเขาเองก็ได้ยินเสียงนั้นว่ามันผิดปกติเล็กน้อย แต่ด้วยความไว้วางใจในตัวเยี่ยเทียน เขายังคงอดทนรอและไม่ผลักประตูเข้าไปอย่างหุนหันพลันแล่น

“บ้าจริงๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้คงจะไม่ทำสิ่งที่ไร้สาระหรอกนะ?”

แม้ว่าปากจะบอกว่ายึดมั่นในตัวเยี่ยเทียน แต่ภายในใจของถังเหวินหย่วนก็ยังมีความกังวลบ้าง เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์เมื่อได้ยินเสียงแบบนี้ เขามักจะคิดถึงเรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก

เยี่ยเทียนอยู่ในห้องรู้สึกเหงื่อออกเหมือนดั่งสายฝน ขณะที่ถังเหวินหย่วนยืนอยู่ข้างนอกประตู เขานั้นกลับรู้สึกว่าเวลาหนึ่งวันนานดั่งเป็นปี เขาได้ยินเสียงหอบของเยี่ยเทียนค่อยๆหนักขึ้น และในท้ายที่สุดมันก็เหมือนเสียงเป่าลม เสียงนั้นดัง “ฟูฟู”

“คุณสองคนเข้ามาเถอะ เซี่ยวเทียนตักน้ำให้ฉันหนึ่งกะละมัง!”

หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เสียงที่อ่อนโรยแรงของเยี่ยเทียนก็ดังออกมาจากในห้อง ถังเหวินหย่วนผู้รออย่างกังวลใจเปิดประตูอย่างรวดเร็ว แลเห็นหลานสาวนอนอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าที่ครบชุดและเรียบร้อย จึงรู้สึกโล่งใจ

“เยี่ยเทียน เธอ…ทำไมเหนื่อยแบบนี้เล่า?” เมื่อดวงตาของเขาหันไปหาเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนอดไม่ได้ที่จะตกใจ

เยี่ยเทียนที่สดชื่นในตอนเช้า แต่ในขณะนี้เหมือนกับเพิ่งถูกนำออกจากน้ำ เสื้อผ้าและผมเปียกชุ่มไปทั้งหมด และใบหน้าของเขานั้นหมดแรงอย่างมาก

เยี่ยเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างอ่อนแรง”เหล่าถัง ฉันเสียกำลังไปจำนวนมากแล้ว โธ่เอ๋ย นี่มันไม่ใช่การรักษาโรคแล้ว มันเป็นการเอาชีวิตแลกชีวิตของผมต่างหากหล่ะ!”

เกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาด เยี่ยเทียนนั้นได้รับมาจากการสืบทอดกรรมวิธีลับ ตามเทคนิคลับที่กล่าวไว้ขอเพียงพลังกงลี่ของเขามีถึงจุดสูงสุด อาการป่วยเช่นนี้ก็ไม่ยากที่จะรักษา

หลังจากที่เยี่ยเทียนเริ่มการฝั่งเข็มแล้วเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า สิ่งที่ถูกกล่าวถึงในการถ่ายทอดวิชานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเขาใช้พลังในร่างกายไปเกือบทั้งหมดแต่เพิ่งจะเปิดชีพจรด่านแรกได้

หากไม่ใช่ว่าเรือนสี่ประสานถูกเปลี่ยนเป็นค่ายรวมพลังหยินโดยเยี่ยเทียน และในนั้นมีพลังหยิน รวมอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกรงว่าเมื่อทำการรักษาถึงช่วงครึ่งแรก เยี่ยเทียนก็คงไม่สามารถต้านทานต่อไปได้

ในความเป็นจริงเยี่ยเทียนก็ไม่ทราบเลยว่า คนที่มีโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดน้อยมาก ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกิน 12 ปี หรืออีกนัยหนึ่ง เวลาที่เหมาะสมต่อการรักษาโดยทั่วไปของโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดอยู่ระหว่าง 8 ถึง 9 ปี เพราะเส้นลมปราณที่ถูกบล็อกนั้นยังไม่ค่อยรุนแรงมากนัก

แต่ถังเสวียเสวี่ยมีชีวิตอยู่ได้ถึง 18 ปี ชิพจรหยางในร่างกายของเธอนั้น เปรียบเหมือนลำห้วยที่แห้งแล้งหนึ่งเส้น เยี่ยเทียนไม่เพียงแต่ต้องทำมันให้โล่งเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้มันไหลได้อย่างราบรื่น ความยากลำบากนี้จึงเพิ่มขึ้น เป็นสิบเท่าเลยทีเดียว!

การปรากฏตัวที่น่าสังเวชของเยี่ยเทียนนั้นอยู่ตรงหน้า ภายในใจของถังเหวินหย่วนก็ค่อนข้างละอายเล็กน้อย กล่าวอย่างติดๆขัดๆในช่วงเวลานี้ว่า “เยี่ยเทียน สิ่งนี้…เป็นงานที่ต้องลำบากคุณแล้วจริงๆ…”

“อย่าพูดไร้สาระอีกเลย ในหนึ่งสัปดาห์จะรักษาอาการป่วยของเสวียเสวี่ยให้หายไม่ได้ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน”

เยี่ยเทียนโบกมืออย่างแผ่วเบาและขัดจังหวะคำพูดของถังเหวินหย่วน แล้วพูดต่อว่า “เหล่าถัง โสมร้อยปีที่เหมือนอย่างครั้งก่อนนั้น คุณต้องเตรียมมาเพิ่มอีกนิดนะ ผมต้องการบำรุงครั้งใหญ่!”

ในความเป็นจริงเยี่ยเทียนสูญเสียพลังชี่แท้เป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนกับว่าการสูญเสียพลังงานตอนที่ฝึกฝน ศิลปะการต่อสู้ อย่างทั่วไป และมันไม่ได้ทำลายพลังชี่ดั้งเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเขาสามารถใช้โอกาสนี้กับถังเหวินหย่วน และเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสไปอย่างแน่นอน

“เยี่ย…เยี่ยเทียน ฉันเองก็ต้องการจะซื้อนะ แต่โสมชนิดนั้นไม่อาจเห็นได้โดยทั่วไป!” เมื่อได้ยินถังเหวินหย่วนก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่สนใจเรื่องเงิน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน

เช่นเดียวกับโสมป่าร้อยปีที่เยี่ยเทียนกล่าวถึงนี้ แม้จะเป็นในสมัยโบราณ มันก็ถูกใช้โดยครัวเรือนที่ขนาดใหญ่ เพื่อการรักษาชีวิต จะเห็นได้อย่างง่ายดายสักที่ไหนกันเล่า? ครั้งก่อนจ่ายไปแปดล้านกว่าหยวน แล้วซื้อมันมาได้หนึ่งอันถือว่าโชคดีมากแล้ว

“ได้ ที่นานหลายสิบปีก็เอามาใช้ทดแทนก่อนก็ได้ คุณซื้อมาสัก 1.5 กิโลหรือ 2.5 กิโลมาก่อน”

เยี่ยเทียนรู้ว่าตนเองกำลังทำให้คนอื่นลำบากเขาใช้นิ้วของเขาชี้ไปที่โต๊ะและพูดว่า “บนนั้นมีใบสั่งยา เป็นซุปทะลวงเส้นชีพจรทั้งสี่ไหลกลับที่ฉันดัดแปลงแล้ว คุณไปหายาตามใบสั่งยามาเถอะ”

แต่เดิมซุปทะลวงเส้นชีพจรทั้งสี่ไหลกลับนั้นใช้รักษาอาการของมือเท้าเย็น และอาการชีพจรอ่อนจากโรคหยินน้อย หลังจากถูกแก้ไขโดยเยี่ยเทียน มันสามารถขับไล่ความเย็นหยินในร่างของถังเสวียเสวี่ยได้ หลังจากที่ทะลวงชีพจร ยังทำให้เกิดผลรวบรวมชีพจรหยางด้วย

“ได้เลย ฉันจะใช้คนไปจัดยา เยี่ยเทียน คุณมั่นใจได้เลย โสมนั้นฉันจะหาซื้อในราคาที่สูง สามารถซื้อได้เท่าไหร่ ก็จะจัดซื้อกลับมา!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เขาเอาใบสั่งยาและออกไปทันที พอดีกับที่โจวเซี่ยวเทียนตักน้ำกะละมังนึงเข้าไปในห้องพอดี แต่เขากลับตกใจกับสีหน้าของเยี่ยเทียน

หลังจากล้างหน้าแล้ว เยี่ยงเทียนนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านและนั่งสมาธิด้วยพลังชี่ดั้งเดิมที่ลานบ้านทั้งช่วงเช้า พลังชี่แท้ที่ถูกใช้ไปในร่างกายก็ค่อยๆได้รับการฟื้นฟู

สำหรับความหวาดกลัวของเยี่ยเทียนคือ นอกเหนือจากความรู้สึกที่อ่อนล้าทางจิตใจ คุณภาพของพลังชี่แท้ ในร่างกายของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน

หลังจากเข้าสู่จุดสูงสุด เยี่ยเทียนก็รู้สึกได้ว่าพลังชี่ดั้งเดิมในสวนนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนทักษะมากแค่ไหนก็ตาม ทักษะของเขานิ่งไม่ก้าวหน้าเลย แต่หลังการรักษานี้ เขารู้สึกได้ถึงร่องรอยของพลังชี่แท้

เพราะกลัวว่าตนจะรู้สึกผิดไป หลังจากพลังกงลี่ของเยี่ยเทียนกลับคืนมา เขาก็เริ่มเปิดจุดฝังเข็มที่สองของ ถังเสวียเสวี่ยทันที หนึ่งชั่วโมงต่อมา เยี่ยเทียนซึ่งเหนื่อยล้าเหมือนครั้งที่แล้ว กลับมานั่งที่สวนแล้วก็หายดีอีกครั้ง

“เฮ้ มันได้ผลจริง!” หลังค่ำคืนนั้น พลังกงลี่ของเยี่ยเทียนได้รับการฟื้นฟูเรื่อยๆ

หลังจากที่เข้าถึงการฝึกเดินลมปราณขั้นฮั่วเซินแล้ว เยี่ยเทียนไม่เพียงแต่มีประสาทสัมผัสทั้งหกที่ไวต่อความรู้สึก แต่ยังมีทักษะบางอย่างของการรู้ล่วงหน้า การรู้สึกล่วงหน้า และความสามารถในการตัดสิน ในเวลาเดียวกันสามารถพูดได้ว่าสามารถสำรวจร่างกายของเขาอย่างพิถีพิถัน การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยเขาก็สามารถรู้สึกได้

“หรือตัวเรายังสามารถถึงขั้นฝึกเซียนหวนคืนสู่ความว่างเปล่า?”

รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ภายในร่างกาย ในสมองของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยการคาดคะเน การฝึกเดินลมปราณจิงฮั่วและการฝึกเดินลมปราณฮั่วเซินล้วนเป็นการฝึกเดินลมปราณที่เป็นหลักสำคัญในลัทธิเต๋า ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่สามารถฝึกถึงขั้นนั้น

แต่การฝึกเซียนหวนคืนสู่ความว่างเปล่านั้นแตกต่างกัน คำกล่าวนี้ได้ปรากฏเฉพาะในตำราของลัทธิเต๋าเท่านั้น คนที่มาถึงระดับนี้ได้นั้น ไม่มีใครไม่ใช่เซียนที่บินขึ้นสู่ฟ้าตอนกลางวันที่เก่งกาจ ปรมาจารย์จางซานฟงก็เป็นคนประเภทนั้นเช่นกัน

“เอาเถอะนะ รักษาอาการป่วยของหลานสาวให้หายดีในเร็ววันก่อน!”

เยี่ยเทียนส่ายหัวของเขา และลุกขึ้นเพื่อไปต้มยาให้ถังเสวียเสวี่ย ยาที่ใช้เพื่อเปิดชีพจรลมปราณแท้ และการรักษานี้แม้แต่สิ่งเดียวก็จะขาดไม่ได้

……

เวลาครึ่งเดือนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถังเสวียเสวี่ยซึ่งแต่เดิมที่ป่วยอยู่ เป็นเหมือนคนใหม่แล้วในตอนนี้ ส่วนสูงในเริ่มแรกมี 1.60 เซนติเมตรแต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 1.65 เซนติเมตร และร่างกายที่ผอมก็อุดมสมบูรณ์ขึ้น

ก่อนที่จะให้การรักษาแก่ถังเสวียเสวี่ยในวันนี้ เยี่ยเทียนได้เรียกโจวเซี่ยวเทียนมาและสั่งว่า “เซี่ยวเทียน ดับไฟของเรือนสี่ประสานลง และนายก็เฝ้าอยู่ที่ประตู ห้ามให้มีใครเข้ามาได้!”

วันนี้เยี่ยเทียนต้องการเปิดจุดฝังเข็มสุดท้ายของถังเสวียเสวี่ยก็คือชีพจรจุดเฟิงฉือ เมื่อจุดฝังเข็มทั้งหก ถูกเปิดและเชื่อมต่อกัน ชีพจรหยางในร่างกายของถังเสวียเสวี่ยก็จะไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามรอบชีพจรจุดฟงฉือนั้นมีเส้นประสาทจำนวนมาก ซึ่งหากไม่ระวังอาจจะทำลายสมองได้ ซึ่งเยี่ยเทียนเองก็จะประมาทไม่ได้เลย

……