ตอนที่ 592 ไม่ใช่อย่างที่คิด

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 592

ไม่ใช่อย่างที่คิด

“เขตอสูร…เจ้าจะบ้าหรือยังไง ไม่มีใครกล้าเข้าไปในที่แบบนั้นหรอก”ชายคนหนึ่งตะโกนตอบหลินเฟยด้วยท่าทีโมโหสุดขีด แม้เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะรับทำงานแลกกับเงิน ยิ่งเงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นแต่การเข้าเขตอสูรนั้นต่อให้จ่ายเงินกองเท่าหัวก็ยังมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมไป แถมพวกที่ยอมไปก็พึ่งตายยกกลุ่มอีกต่างหาก เลยทำให้การหาคนเข้าร่วมการล่าของหลินเฟยนั้นยากขึ้นไปอีก

“น้องหลินเฟย ข้าคิดว่าคงหาคนไปด้วยไม่ได้หรอก”ชุนถังว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีอ่อนแรง ตั้งแต่เดินทางมาถึงเมืองท่าจิ๋วชิน ทั้งชุนถังทั้งหลินเฟยต่างตระเวนตามหากลุ่มผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่รับทำงานต่างๆกันทั้งวันแต่ก็ไม่ได้ความอะไรเลย แม้แต่สำนักใหญ่ในเมืองจิ๋วชินก็ยังไม่รับงานแม้ชุนถังจะเสนอเป็นเงินจำนวนมากก็ตาม

“เราลองหากันอีกสักหน่อยเถอะขอรับ ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของนายท่านต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ”หลินเฟยว่าพลางเดินเข้าไปในมุมมืดของเมืองจิ๋วชิน ความจริงแล้วหลินเฟยไม่ต้องการผู้มีฝีมือมากมายอะไรหรอก เพราะการเก็บทรายดำนั้นไม่ได้บุกเข้าไปในเขตอสูรมากนัก เพียงลอบเข้าไปเขตรอบนอกแล้วรีบตักทรายบนชายหายที่ถูกเขตอสูรคลุมอยู่เท่านั้น ขอเพียงหาผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่กล้าพอจะไปหลินเฟยก็จะใช้พลังอสูรไล่อสูรในถิ่นนั้นให้ออกห่างโดยที่พวกตนเองไม่รู้ตัว เท่านี้ก็สามารถเข้าไปเก็บทรายดำได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพียงแต่ปัญหาตอนนี้คือไม่มีกลุ่มไหนกล้าไปกับหลินเฟยเลย แต่ก็ไม่แปลกสำหรับอาณาจักรที่ระดับเสินเซียนเป็นระดับสุดยอดแล้ว เกรงว่าเขตอสูรจะเป็นสถานที่น่าหวาดกลัวเกินไปสำหรับพวกมันจริงๆ

.

.

“ฮ้าๆ นายท่านทั้งสองนั่งให้สบายนะขอรับ พวกเราจะคุ้มกันอย่างดีเลย” หลังจากเดินหาในเมืองอยู่นานสองนาน ในที่สุดหลินเฟยก็เจอพวกเดนตายที่โง่พอจะรับงานของตนเอง หากไม่ใช่เพราะชุนถังติดตามมาด้วยแบบนี้หลินเฟยคงลอบเข้าไปนำทรายดำออกมาเองแล้ว ไม่ต้องมาใช้วิธียุ่งยากแบบนี้หรอก

“น้องหลินเฟย เจ้าแน่ใจนะว่าพวกนี้จะไหวจริงๆ”ชุนถังถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีกังวล กลุ่มที่รับงานนั้นมีกัน 6 คนเพียงแต่ทุกคนนั้นมีพลังวิญญาณไม่ต่างจากชุนถังนัก หากเจออสูรเข้าจริงๆกลัวว่าจะตายกันหมดนะสิ

“ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ พวกมันเป็นผู้บุกเข้าไปในเขตอสูร ต่อให้พวกมันทำงานพลาดจริงพวกเราที่อยู่ด้านนอกก็คงไม่ได้รับอันตรายอะไร”หลินเฟยตอบพลางมองเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้ง 6 ที่กำลังเดินตามรถม้ามาด้วยท่าทีขี้เกียจ เจ้าพวกนี้หลินเฟยไปพบในซอยแห่งหนึ่ง ดูเหมือนพวกมันจะติดหนี้พนันจนต้องรีบหาเงินก็เลยรีบรับงานของหลินเฟยทันทีโดยไม่สนว่างานจะอันตรายแค่ไหน

“ข้าไม่ไว้ใจพวกมันเท่าไหร่ น้องหลินเฟยข้าจะปกป้องเจ้าเองนะ”ชุนถังว่าพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีเป็นห่วง เจ้าพวกนี้ฝีมือพอๆกับตนเอง หากเกิดคิดทรยศขึ้นมาชุนถังก็เชื่อมั่นในวิชาของตนอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ควรรับมือได้นานพอให้หลินเฟยหนีไป ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็จะไม่ยอมให้หลินเฟยเป็นอะไรไปเด็ดขาดเลย

“ขอรับ…”หลินเฟยตอบด้วยใบหน้าเจื่อนๆออกมา ต่อให้เจ้าพวกนี้ตัดสินใจจะหักหลังจริงๆหลินเฟยแค่โบกมือสักครั้งก็จัดการได้หมดแล้ว

เพียงแต่…ตลอดการเดินทางนั้นทั้ง 6 คนไม่ได้มีท่าทีคิดคดแต่อย่างไร พวกมันคุ้มกันรถม้ามาจนถึงเขตอสูรอย่างปลอดภัยแถมยังตั้งใจทำงานกันดีไม่น้อยเลย

“นายท่าน ทรายดำที่ท่านว่าอยู่ตรงนั้นสินะขอรับ”ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคนหนึ่งถามพลางชี้เข้าไปในชายหาดที่โดนเขตอสูรปกคลุมเอาไว้ ตรงบริเวณโขดหินจำนวนมากนั้นภายในมีถ้ำแห่งหนึ่งที่สามารถเข้าไปเก็บทรายดำได้ หากเข้าไปอย่างระมัดระวังจะไม่เจออสูรเลยแม้แต่ตนเดียว

“ถูกแล้ว พวกเจ้าคิดว่าเข้าไปได้หรือไม่”หลินเฟยถามพลางมองชายทั้ง 6 ที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไปในเขตอสูร แต่อาวุธที่พวกมันหยิบออกมานั้นกลับเป็นอาวุธที่ดูจะไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ไม่ใช่สิเป็นอาวุธระดับห่วยที่สุดที่แม้แต่ผู้เริ่มฝึกวิชายังไม่อยากจะใช้เลย

“เอาล่ะพวกเรา ถ้างานนี้สำเร็จก็จะได้ใช้หนี้กันสักที”ชายคนหนึ่งพูดพลางส่งเสียงให้กำลังใจพวกพ้อง หรือว่าอาวุธของพวกมันก็โดนเอาไปใช้หนี้หมดแล้ว อะไรจะน่าสงสารเช่นนี้กัน

วูบ….

ทันทีที่ทั้ง 6 เข้าไป หลินเฟยก็ปล่อยพลังอสูรออกมาจากร่าง ด้วยพลังอสูรระดับบรรพกาลของหลินเฟยนั้นทำให้พวกอสูรระดับต่ำไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่แน่ๆ ที่เหลือก็ปล่อยให้เจ้าพวกนั้นไปเก็บทรายดำก็พอ…..

ซ่า….

ระหว่างกำลังจับตามองทั้ง 6 คนที่กำลังปีนโขดหินริมฝั่งเข้าไปในถ้ำติดทะเล อยู่ๆน้ำในทะเลก็พุ่งพรวดขึ้นมาราวกับมีระเบิดอยู่ใต้น้ำ พร้อมกับร่างของอสูรตนหนึ่งที่กำลังแสดงท่าทีดุดันออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“บ้าจริง….”หลินเฟยกัดฟันกรอดด้วยท่าทีไม่พอใจ ไม่นึกเลยว่าราชาของเขตอสูรแห่งนี้จะมีระดับมายาขั้นที่ 10 ได้ แม้อสูรตนอื่นจะหวาดกลัวต่อระดับพลังของหลินเฟย แต่ราชาที่ระดับใกล้เคียงกันไม่อยู่เฉยแน่ๆเมื่อโดนบุกรุกเช่นนี้ แม้หลินเฟยจะแข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง แต่ตัวหลินเฟยก็อยู่ในเขตของมันอยู่ดี

“น้องหลินเฟย รีบถอยออกมาเร็วเข้า”ชุนถังมองไปยังกลุ่ม 6 คนที่กำลังลอบเข้าไปเอาทรายดำครู่หนึ่ง แม้จะอยากช่วยแต่ตนเองไม่มีความสามารถพอที่จะต่อการกับมังกรวารีที่มีพลังขนาดนั้นได้หรอก แม้สัมผัสพลังอสูรไม่ได้ แต่สัญชาติยานมันก็เตือนทันทีว่าเจ้ามังกรตนนั้นอันตรายเกินไป

“ขอรับ…”หลินเฟยถอยออกมาพลางมองไปยังมังกรตนนั้น ช่วยไม่ได้ไม่นึกว่าการปล่อยพลังอสูรเพื่อข่มอสูรตนอื่นจะเป็นการไปท้าทายราชาของเขตอสูรเสียเอง ตัวหลินเฟยที่ใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรมาตลอดไม่ทราบความจริงในข้อนี้เสียด้วย

“…….”แต่ถึงจะถอยออกมา มังกรวารีก็ทำท่าจะโจมตีใส่เจ้า 6 คนนั้นเสียแล้ว จริงๆหลินเฟยควรจะปล่อย 6 คนนั้นไปเพราะความเสี่ยงของงานนี้ก็คือโอกาสที่จะโดนอสูรโจมตีนี่เอง เรียกได้ว่ามันเป็นความเสี่ยงในอาชีพ เพราะฉะนั้นหากหลินเฟยปล่อยให้พวกมันตายก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินเฟยต้องเก็บมาใส่ใจ เพียงแต่…

“คุณชาย ท่านรออยู่ที่นี่สักครู่นะขอรับ”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางเดินสวนกลับเข้าไปในเขตอสูรเสียอย่างนั้น ตอนนี้เจ้าโง่ทั้ง 6 คนนั่นกำลังวิ่งหนีกลับเข้ามาพอดี

“น้องหลินเฟย เจ้าจะทำอะไร..”ชุนถังมองหลินเฟยด้วยท่าทีตกใจ นางกำลังเดินเข้าไปหามังกรวารีตนนั้นด้วยตัวเองงั้นหรือ

“พวกเจ้าหนีไปซะ”หลินเฟยเดินมาจนถึงจุดที่เจ้าพวกโง่ทั้ง 6 กำลังวิ่งหนีสุดชีวิตก็สั่งให้พวกมันหนีไปเสีย ก่อนจะเดินเข้าไปหามังกรวารีพร้อมปล่อยพลังอสูรเพื่อกดดันมันเอาไว้ไม่ให้ตามทั้ง 6 คนไป น่าเสียดายที่หลินเฟยไม่อาจใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรได้ไม่อย่างนั้นคงจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็นอะไร

วูบ….

หยดน้ำทะเลรอบๆลอยขึ้นมาอยู่รอบๆตัวมังกรวารีช้าๆ ท่าทางมันจะเริ่มโจมตีหลินเฟยแล้วเป็นแน่

“อยากได้กระบี่จริงๆนะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางตั้งท่าต่อสู้มือเปล่า แม้จะมีวิชาฝ่ามือของท่านตาอยู่ แต่หลินเฟยก็ถนัดวิชากระบี่มากกว่า แต่กระบี่ประจำตัวของหลินเฟยนั้นโดนท่านตายึดไปแล้วเสียด้วย

“น้องหลินเฟย ระวัง”ขณะกำลังจะเข้าปะทะ อยู่ๆชุนถังก็วิ่งเข้าหามาหลินเฟยพร้อมกอดร่างของหลินเฟยเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง มันก็ซึ้งใจดีหรอกนะที่ท่านคิดจะเอาตัวเข้าปกป้อง แต่หากหลินเฟยเป็นคนไร้พลังวิญญาณจริงแค่เอาตัวบังไม่มีทางรอดจากกระสุนวารีของมังกรตัวนั้นได้หรอก

เปรี้ยง!!

กระสุนวารียิงลงมาใส่พื้นชายหากตรงที่หลินเฟยกับชุนถังยืนอยู่จนทรายบนชายหาดและละอองน้ำฟุ้งไปทั่ว เพียงแต่ยามนี้ไม่ปรากฏร่างของหลินเฟยและชุนถังอีกต่อไปแล้ว แถมพลังอสูรของหลินเฟยยังหายไปแล้วด้วยเช่นกันทำให้มังกรวารีได้แต่มองไปรอบๆด้วยท่าทีสงสัยว่าหลินเฟยหายไปไหน มันไม่คิดหรอกว่าพลังอสูรระดับนั้นจะโดนการโจมตีแค่นี้แล้วจะตาย แต่เฝ้ารออยู่นานสองนานหลินเฟยก็ไม่โจมตีเข้ามา แถมสัมผัสพลังไม่ได้แล้วด้วย ทำให้มังกรวารีได้แต่กลับเข้าไปในเขตอสูรเท่านั้น

“ฮ้า…”หลินเฟยขึ้นมาจากน้ำพลางสูดหายใจเข้าหนักๆทีหนึ่ง แน่นอนว่าตัวชุนถังเองก็เช่นกัน แม้จะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่การกลั้นหายใจเกือบสิบนาทีแบบนี้มันก็สุดจะทนจริงๆ แถมตอนกระโดดลงไปในทะเลชุนถังยังไม่ได้ตั้งตัวด้วย

“น้องหลินเฟยนี่มันอะไรกัน”ชุนถังถามพลางหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้หลินเฟยแอบว่ายน้ำมาหลบในโขดหินตรงถ้ำที่จะมาเก็บทรายดำพอดี

“พวกเรารอดตายมาได้ไงขอรับ”หลินเฟยตอบพลางปีนโขดหินขึ้นไปในถ้ำที่เป็นเป้าหมาย ไหนๆก็เข้ามาแล้วก็เอาทรายดำกลับไปด้วยแล้วกัน

“แต่เจ้า….”ชุนถังมองหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย คนที่กระโดดจากชายหาดลงมาที่ทะเลเป็นหลินเฟยอย่างไม่ต้องสงสัย และระหว่างอยู่ใต้น้ำคนที่กลั้นหายใจแล้วพาตนเองดำน้ำเข้ามาในโขดหินก็เป็นหลินเฟยอีก แบบนั้นคนธรรมดาไม่สามารถทำได้หรอก หรือจริงๆแล้วหลินเฟยจะปกปิดพลังของตนเองเอาไว้

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะขอรับ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางดึงตัวชุนถังเข้ามาในถ้ำด้วยเช่นกัน ภายในถ้ำแห่งนี้มีชายหาดลับซ่อนอยู่ภายใน และที่นี่เองที่สามารถหาเก็บทรายดำได้

“ก็ได้ แต่หลังจากนี้เจ้าต้องเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดนะ”ชุนถังว่าพลางเดินตามหลินเฟยเข้ามาถึงชายหาดที่ซ่อนอยู่ในถ้ำอีกที ที่นี่มีทรายดำผสมอยู่กับทรายปกติ ขอเพียงตักขึ้นมาแล้วแยกให้ดีก็จะได้ทรายดำอย่างดีมาแล้ว เพียงแต่ภายในชายหาดลับแห่งนี้มีแสงส่องลงมาจากรูบนผนังถ้ำ ทำให้ชุนถังมองเห็นเรือนร่างของหลินเฟยที่กำลังสวมเสื้อผ้าเปียกน้ำอยู่ พอจินตนาการว่าอะไรซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้านั่นก็ทำเอาชุนถังถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“น้องหลินเฟย ชุดของเจ้าเปียกหมดแล้ว ข้าพอจะมีชุดสำรองอยู่เจ้าจะเปลี่ยนก่อนหรือไม่”ชุนถังถามพลางนำเสื้อผ้าสำรองของตนออกมาจากแหวนมิติ

“นั่นสินะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะเป็นน้ำทะเลหากแห้งแล้วก็คงมีคราบเกลือเกาะตามเสื้อผ้าแน่ๆ สวมเอาไว้แบบนี้คงระคายเคืองน่าดู เปลี่ยนชุดเสียก็ไม่เลวเหมือนกัน

“งั้น ข้าจะออกไปรอข้างนอก เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็บอกข้านะ”ชุนถังตอบพลางยื่นเสื้อผ้าให้หลินเฟย

“คุณชาย ท่านไม่ต้องคิดมากหรอก เราต่างเป็นชายทั้งคู่ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้”หลินเฟยหัวเราะพลางรับเสื้อผ้าของชุนถังมาวางเอาไว้ที่โขดหินข้างๆ ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าของตนออก

“เจ้านี่นะ ยังจะทำเป็น….”ชุนถังกำลังจะแซวหลินเฟยว่ายังจะแกล้งทำเป็นเนียนอีกพลันเห็นหลินเฟยที่กำลังถอดเสื้อออกอยู่พอดี แม้ดูภายนอกหลินเฟยจะผอมไปสักหน่อยแต่ภายใต้เสื้อผ้านั้นกลับมีมัดกล้ามที่สวยงามจนสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันหลงใหลกันถ้วนหน้า แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชุนถังตกใจหรอก แต่เพราะมันไม่เหมือนสิ่งที่ชุนถังคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่างหาก

“ท่านเองก็รีบเปลี่ยนชุดสิขอรับคุณชาย เรายังต้องเก็บทรายดำอีกนะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางเท้าเอวมองมาทางชุนถังทั้งๆที่ยังถอดเสื้ออยู่ ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นต้องอายอะไรแค่ถอดเสื้อเท่านั้นเอง ทำไมชุนถังถึงทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อไปได้…..