หลุมเก็บของ
“ก็แค่หอมป่าน่า… นายจะกลัวทำไม ถ้านายตัดสินใจจะลองล่ะก็ ฉันทำไข่ผัดต้นหอมแสนอร่อยให้กินเลยนา….” ซูจิ้งยังคงยัดเยียดหอมป่าให้หลิงฉิงต่อไป
“ผมไม่กิน พี่ไว้ชีวิตผมเถอะนะ ผมจะช่วยหาคนอื่นมาลองแทนเอง ปล่อยผมไปเต้อะ” หลิวฉิงตะโกนออกมาอย่างจ้าล่ะหวั่น
ซูจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะยามเมื่อเขาเห็นหลิวฉิงตะโกนกลับมาในขณะที่วิ่งหนีไปค่อนข้างไกลแล้ว ความจริงเขาแค่ล้อเล่นเท่านั้น
เขาไม่มีทางบังคับให้หลิวฉิงกินอยู่แล้ว
เขานั้นอยากจะหาใครซักคนมาลองหอมป่านี่เท่านั้นเอง เพราะว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงของเขาไม่สนใจแม้แต่น้อยแถมพอบังคับกินไปแล้วก็ยังไม่เกิดผลอะไรเลย ซูจิ้งยังคิดจะลองเองด้วยซ้ำเพราะมันก็ควรจะแสดงผลอะไรออกมาบ้าง ถ้าเขากินเองน่าจะตรวจสอบผลลัพธ์ได้ดีกว่า แต่ที่แน่ๆเขาควรจะลองกับคนอื่นไม่ใช่กับหลิวฉิงแน่นอน เพราะจากการให้ลองกินมะละกอในตอนนั้นร่างกายของหลิวฉิง ก็น่าจะยังไม่ฟื้นดีเท่าไหร่
“โอ้ย ไม่ต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นหรอกน่า ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พี่จิ้ง เรื่องนี้ของพี่ไม่ได้ตลกเลยซักนิดเลยนะ” หลิวฉิงโวยวายฟึดฟัดกลับมาราวกับเด็ก เขามองไปที่ซูจิ้ง พอเห็นว่าซูจิ้งเหมือนจะไม่ได้จะบังคับให้เขากินหอมป่าจริงๆตามที่บอกเขาจึงค่อยๆเดินกลับมา พร้อมถามว่า “พี่ หอมป่าพวกนี้พี่ทำให้มันพี่ผลอะไรกับร่างกายเมื่อกินไปหรอ”
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอก เอาจริงๆคือฉันลองให้สัตว์เลี้ยงของฉันกินไปแล้ว แต่มันเหมือนกับจะไม่ส่งผลอะไรเลย ฉันเลยอยากลองหาใครซักคนมาลองดูแค่นั้นเอง” ซูจิ้งได้ตอบออกมาพร้อมวางกระถางหอมป่าไว้ที่พื้น
ทันใดนั้นเจ้านกแก้วทั้งสองก็บินมารายงานอีกครั้งว่าฉินซูหลานมาหา
“ไอ้เด็กนั่นมาทำอะไรกัน” หลิวฉิงพูดพร้อมบุ้ยปาก
ซูจิ้งเดินไปเปิดประตู ฉินซูหลานกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มทันทีที่เขาเห็นซูจิ้ง แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นหลิวฉิง เขาชักสีหน้าทันที เขาหันหน้ามาทางซูจิ้งพร้อมกลับมายิ้มอีกครั้งแล้วพูดออกมาว่า
“พี่จิ้งได้ข่าวรึยังครับว่าเจ้าลมทมิฬ ตอนนี้กลายเป็นเทพแห่งเทพแห่งความเร็วไปแล้ว มันชนะแชมเปี้ยนมากมายพร้อมโกยกำไรมหาศาลเลย มันทำให้วงการม้าแข่งต้องสั่นสะเทือน ค่าตัวมันเองก็สูงขึ้นด้วยล่ะ ตอนนี้มีบางคนเสนอซื้อมันที่ราคาห้าล้านหยวนแล้ว”
“ฮ่าฮ่า ช่างพวกนั้นเถอะ แค่ลงแข่งต่อไปก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ้อใช่แล้ว ผมได้ข่าวว่ามีใครบางคน พยายามจะเข้ามาร่วมธุรกิจของพี่ด้วยนี่ พี่แน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะทำมันได้น่ะ” ฉินซูหลานเหลืบสายตาไปจ้องที่หลิวฉิงในขณะที่พูด
“นายเองก็แค่ดูแลธุระที่พี่จิ้งจัดการส่วนของนายให้ดีที่สุดก็พอแล้วน่า หรือนายจะไม่พอใจเรื่องที่พี่จิ้งจะให้ม้าฉันไปจัดการทันทีที่เขาฝึกมันเสร็จ ลองมาแข่งดูก็ได้นะว่าใครจะทำเงินได้มากกว่ากัน” หลิวฉิงตะเบ็งเสียงออกมาด้วยสายตาเย็นชา
“ลูกพี่ ผมเองก็เห็นนะว่าพี่มีม้าหลายตัวเลย ผมสามารถจัดการพวกมันทั้งหมดได้นะ ไม่เห็นต้องให้หมอนี่มาร่วมงานเลยซักนิด” ฉินซูหลานพูดขอซูจิ้ง
“พอได้แล้วน่า พวกนายก็แค่จัดการในส่วนที่ฉันให้ก็พอแล้ว ถ้าใครทำให้ฉันเสียเงินเปล่าล่ะก็ ฉันก็เปลี่ยนมันออกซะทุกคนนั่นแล่ะ” ซูจิ้งเลือกที่จะไม่เข้าข้างทั้งสองฝ่าย และมันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าต่างคนต่างทำงานไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ถ้าใครเริ่มก่อนล่ะก็เขาจะเล่นงานคนที่เริ่มทันที
ถึงแม้ว่าเขานั้นค่อนข้างที่จะเข้าข้างหลิวฉิงมากกว่าก็ตาม
ซูจิ้งพยายามดึงประเด็นการพูดคุยกลับมาให้อยู่ในเรื่องม้าแข่ง ฉินซูหลานมาที่นี่เพื่อพูดคุยแผนการแข่งม้าที่เขาจะดำเนินการในขั้นถัดไป นอกจากนั้นเขายังมารายงานเงินรายได้ทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาพร้อมทั้งได้มอบเงินผลกำไร90เปอร์เซนต์ให้กับซูจิ้งตามที่ตกลงกันไว้
หลังจากคุยกับทั้งสูงคนแล้วเขาเห็นว่าทั้งสองดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ เพราะการทำงานหนักให้เขา ซูจิ้งเลยอาสาทำมื้อเที่ยงให้กับทั้งสองคนกิน พวกเขาก็รู้สึกยินดีอย่างมาก
ในขณะที่กำลังที่โต๊ะกินข้าวนั้น หลิวฉิงเหลือบไปเห็นต้นหอมป่าของซูจิ้งพอดี เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขานั้นหันไปที่ฉินซูหลานทันที พอเห็นว่าฉินซูหลานไม่ได้สนใจเขา เขาจึงแอบเอาหอมป่าครึ่งนึงนำไปล้างน้ำแล้วเดินเข้าไปในครัว โดยแกล้งไปช่วยเสริฟอาหาร เขาได้แอบยัดใบหอมป่าใส่ไว้ใต้ตัวปลานึ่งด้วยตะเกียบ ด้วยความร้อนจากปลาที่เพื่งนึ่งมาร้อนทำให้ใบหอมป่าเปลี่ยนสีไป ดูกลมกลืนไปกับจานอาหารอย่างแยกไม่ออก
ฉินซูหลานเองก็เข้าไปช่วยด้วยเหมือนกันแต่เพราะต้องการแย่งหน้า จึงไม่ได้สังเกตุเห็นสิ่งที่หลิวฉิงทำเลยซักนิด เมื่ออาหารมาเสริฟที่โต๊ะ
ซูจิ้งสังเกตุเห็นบางอย่างผิดไปในจานปลานึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปที่หลิวฉิง หลิวฉิงเองก็ได้แต่กระพริบตาถี่ๆ ใส่ซูจิ้ง ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออกไปพักนึง เขาคิดว่าหลิวฉิงเองก็คงอยากให้หลินซูหลาน ลิ้มลองความรู้สึกเดียวกับเขาดูบ้าง เหมือนกับตอนที่เขาเคยได้ลิ้มลองมะละกอเกร็ดงูนั่น เอาจริงๆซูจิ้งก็อยากรู้ผลจากการกินหอมป่าเหมือนกัน แต่เขาก็ยังกังวลผลที่เกิดกับร่างกายว่ามันจะผลเสียต่อร่างกายอยู่ไม่น้อย
“ลูกพี่จิ้งอาหารที่ลูกพี่ทำนี่ดูน่ากินจริงๆจนพยาธิในท้องผมดินพราดแล้วเนี่ย” หลิวฉิงส่งชามข้าวให้ซูจิ้ง หลังจะนั้นก็วางชามของตัวเองลงบนโต๊ะและเริ่มกินในทันที
ฉินซูหลานเองก็พยายามไม่ให้น้อยน่าเขาเองก็เริ่มกินในทันทีเช่นกัน
ซูจิ้งทำหน้าคิดหนักอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พยายามจะหยุดการกินอาหารมือนี้
หลังจากที่ทั้งคู่กินไปคำแรก ทั้งสองก็เริ่มกินอย่างไม่หยุดปาก ซูจิ้งเองก็กินไม่หยุดปากเช่นกันแต่ทั้งคู่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะกินปลานึ่งจานนั้นโดยการส่งจานปลานึ่งไว้ให้อยู่ตรงหน้าฉินซูหลานในวงสำรับกับข้าว และพยายามกินแต่ของที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นหลัก ทำให้ฉินซูหลานไม่ระแวงสงสัยอะไร
ฉินซูหลานเองก็กินอาหารตรงหน้าไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ด้วยความอร่อยของมันทำให้ปลาตัวน้อยหมดลงไปอย่างรวดเร็ว เหมือนจะเสียดายที่หมดเร็ว พอเขาเห็นต้นหอมที่ลองใต้ตัวปลาอยู่ เขารีบคีบมันขึ้นมากินเหมือนกลัวว่าจะมีคนแย่งไป ทั้งสองเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มคาดหวังในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พอรอดูไปซักพักก็ทำได้แต่ถอดใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซูจิ้งนั้นคาดหวังเอาไว้ว่าหอมป่านี้ ควรจะส่งผลอะไรกลับร่างกายบ้างซักอย่าง แต่กับหลิวฉิงเขานั้นคาดหวังให้ฉินซูหลานผ่านประสบการณ์ที่เลวร้าย ราวนรกบนดินที่เขาเคยได้รับมาแค่นั้นเท่านั้น และแอบภาวนาอยู่เล็กน้อยขอให้มันส่งผลออกมาซักนิดก็ยังดี ต่อให้ไม่กลายเป็นผีเปรตเดินดินก็ขอให้เป็นแต๋วแตกก็ได้เอ้า
อย่างไรก็ตามตอนที่เขากินมะละกอเกล็ดงูไป เมื่อตอนนั้นกว่าจะส่งผลออกมาก็ใช้เวลาตั้งเป็นวัน เป็นไปได้ว่าตอนนี้อาจยังไม่ได้เวลาที่หอมป่าจะออกฤทธิ์ พวกเขาเองก็คงจะทำได้เพียงการรอคอยเท่านั้น
หลังจากมื้ออาหารทั้งหมดนั่งคุยกันต่ออีกนิดหน่อย โดยฉินซูหลานและหลิวฉิงนั้นแต่เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นานขนาดนี้ ไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับออกไป
หลังจากทั้งหมดแยกย้ายออกไปได้ซักพัก หลิวฉิงก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่า”พี่จิ้ง ในที่สุดผมก็หาหนูทดลองให้พี่จนได้ เป็นยังไงฉลาดดีใช่ไหมล่ะ… ถ้าฉินซูหลานออกอาการแปลกๆ ออกมายังไงพี่ต้องบอกผมนะ ผมรออยู่”
หลังจากซูจิ้งเห็นข้อความ เขานั้นทำได้แต่ส่ายหัว เขาได้แต่คิดว่าถ้าทั้งสองเข้าขากันได้ดี คงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน เขาได้กลับเข้าไปในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ และเริ่มงานของเขาต่อทันที
ซูจิ้งได้จัดการพวกมันทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ยอมให้ส่วนใดหลุดรอดไปได้เลยซักนิด นอกจากนี้เขายังได้หอมป่าเพิ่มมาอีกจำนวนหนึ่ง เขานั้นยงคงนำพวกมันไปปลูกเอาไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ตาม
ตอนเที่ยงของอีกวันนึงเขาได้รับข้อความจากหลิวฉิงว่า ให้ไปอ่านข้อความของฉินซูหลานในวีแชท
พอซูจิ้งเปิดวีแชทขึ้นมาก็เห็นสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกของเพื่อนๆ ของเขาเต็มไปหมด แต่เมื่อเห็นของฉินซูหลานกลับกลายเป็นสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกว่า กำลังอาการหนัก พร้อมกับเห็นข้อความที่เขียนบรรยายไว้ว่า “แย่แล้ว ฉันรู้สึกว่าร่างกายกำลังผิดปกติแต่ฉันไปหาหมอแล้วก็ตรวจไม่เจออะไร”
ซูจิ้งถึงกับตกใจ นี่หอมป่าส่งผลเสียต่อร่างกายของซูหลานงั้นหรอ ขนาดไปโรงพยาบาลก็ยังไม่พบความผิดปกติอีกด้วย เขาเองรู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมห้ามหลิวฉิงไว้ตอนนั้น เขากลัวว่าอาการผิดปกติที่ฉินซูหลานได้รับจะหนักมากจึงรีบโทรหา เพื่อสอบถามอาการทันที