เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 608 เดิมพันอีกครั้ง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

การแข่งขันรอบที่ห้าเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ นอกจากตงหลิงหวงที่ผ่านเข้ารอบต่อไปโดยไม่ต้องเข้าแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือถูกแบ่งกลุ่มโดยใช้วิธีการจับฉลาก เพื่อจัดลำดับการแข่งขันในรอบถัดไป

เป่ยถางเย่กับจงเทียนโย่วแข่งก่อน ลำดับถัดไปเป็นซูอวี้กับไหวชิ่งกงจู่ และลำดับที่สามเป็นซูจิ่นซีกับถังเสวี่ย

หลังจากกำหนดลำดับการแข่งขันแล้ว จงจิงเฉินในฐานะผู้ดำเนินการแข่งขันก็สั่งให้คนยกถาดขึ้นมา ภายในถาดมีแผ่นป้ายอยู่สิบสองแผ่น

ด้านหลังแผ่นป้ายมีลวดลายเหมือนกันทั้งหมด มองไม่เห็นสัญลักษณ์หรือความผิดปกอันใด อีกด้านของแผ่นป้ายถูกคว่ำลงบนถาด ซึ่งมีสัญลักษณ์โรคต่างๆ ที่รักษาไม่หายเขียนไว้

ทั้งสิบสองแผ่นป้ายคืออาการของโรคทั้งสิบสองชนิด ซึ่งทั้งหมดได้มาจากโรคที่รักษาได้ยาก ที่สำนักโอสถสกุลจงสั่งสมมาเป็นเวลานาน

หลังจากเป่ยถางเย่กับจงเทียนโย่วตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็เลือกป้ายแผ่นที่หนึ่ง

จงจิงเฉินสั่งให้นำผู้ป่วยขึ้นมาบนเวทีตามหมายเลขที่อยู่บนป้าย

ผู้ป่วยเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยตนเอง ทว่าขณะที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าทุกคน ร่างกายของเขากลับถูกคลุมด้วยผ้าสีเข้ม

ความสนใจทั้งหมดในสนามแข่งขันต่างพุ่งเป้าไปที่ร่างของผู้ป่วย ทุกคนพยายามคาดเดาว่าผู้ป่วยเป็นโรคอันใดกันแน่

อู๋จุนที่ถูกย้ายลงไปนั่งในตำแหน่งผู้ชม เมื่อเห็นคนผู้นั้นแล้ว คิ้วภายใต้หน้ากากเขี้ยวสัตว์อันแสนเย็นชาพลันขมวดมุ่น

“แม่เจ้า คงไม่ใช่อาการที่ไม่สามารถพบแสงได้กระมัง? ” เขาพูดพลางหันไปทางจวนอ๋องฉีครั้งหนึ่งและกล่าวว่า “ในแคว้นหนานหลี คนที่มีอาการถูกแสงไม่ได้ช่างมีมากเสียจริง”

ส่วนฉีอ๋องที่อยู่ไกลออกไปกลับถูกนินทาอย่างไร้เหตุผล

มู่หรงฉีรับตัวเจ้าสาวมาแล้ว และกำลังขี่ม้ากลับไปยังจวนฉีอ๋อง ทันใดนั้น เขาก็จามอย่างแรง ก่อนจะหันไปมองทางสนามแข่งซิ่งหลิน

ต้องเป็นอู๋จุนเจ้าบุรุษผู้นั้นเป็นแน่ เขาต้องพูดอันใดบางอย่าง ไม่เช่นนั้นสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์คงไม่คิดถึงเขาเช่นนี้

ไหวชิ่งกงจู่นึกสนุก นางพูดกับถังเสวี่ยเสียงดังว่า “คุณหนูถัง พวกเรามาเดิมพันกันเป็นเช่นไร? ”

ถังเสวี่ยเองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ

“เดิมพันอันใด? ”

“พวกเราลองเดาดูว่าผู้ป่วยคนนี้ป่วยด้วยโรคอันใด หากผู้ใดคาดเดาได้ใกล้เคียงที่สุด ก็เป็นผู้ชนะ ข้าเดาว่าเขาต้องได้รับพิษแน่นอน”

ได้รับพิษ?

นี่เป็นเรื่องที่ซูจิ่นซีเชี่ยวชาญที่สุด

ถังเสวี่ยหันไปมองซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีมีท่าทีสงบนิ่ง นางส่ายศีรษะเล็กน้อย

ถังเสวี่ยดีใจอย่างมาก นางรีบพูดว่า “ไหวชิ่งกงจู่ ท่านเล่นพิษมากจนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมัง? จะเป็นอาการจากพิษได้อย่างไร? ”

ไหวชิ่งกงจู่แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ

“ความหมายของคุณหนูถังก็คือ… ผู้ป่วยท่านนี้ไม่ได้ถูกพิษหรือ? ”

“แน่นอน! ”

“ดี! ” ไหวชิ่งกงจู่ยิ่งเพิ่มความอวดดีมากขึ้น “จะเป็นเช่นไรนั้น อีกสักครู่เมื่อเขาเปิดผ้าคลุมหน้า ก็จะรู้ทั้งหมด ทว่าก่อนที่จะเปิดผ้าคลุม พวกเรามาลองดูว่าจะเดิมพันกันอย่างไรดีหรือไม่? คุณหนูถัง หากท่านแพ้แล้ว ท่านจะทำอย่างไร? ”

“แพ้ก็คือแพ้ จะทำอย่างไรได้หรือ? ”

ไหวชิ่งกงจู่กระชากเสียงเย็นชา นางกำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่าตงหลิงหวงที่อยู่ด้านนอกสนามแข่งพลันกรีดพัดเสียงดัง ‘ผับ’ และพูดขึ้นว่า “ไหวชิ่งกงจู่ เจ้ายังกล้าเดิมพันอีกหรือ? ก่อนหน้านี้ที่พวกเราเดิมพันกัน เจ้าใช้สิ่งใดเป็นเดิมพัน? หากไม่เอ่ยถึง ข้าคงลืมไปเสียสนิท เช่นนั้น… เจ้ารักษาสัญญาเดิมพันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันดีหรือไม่? ”

ไหวชิ่งกงจู่ชักสีหน้าบูดบึ้ง

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถังเสวี่ยก็ดูมีท่าทีสนใจอย่างมาก

“รัชทายาทแคว้นตงเฉิน พระองค์กับไหวชิ่งกงจู่เคยเดิมพันกันหรือ? พวกท่านทั้งสองใช้สิ่งใดเป็นเดิมพัน? ”

ตงหลิงหวงโบกพัดในมือเล็กน้อย พลางกวาดสายตาไปรอบๆ สนามแข่งขัน “ถังเสวี่ย เรื่องนี้ไม่สะดวกพูดต่อหน้าคนมากมาย เจ้าไปถามคุณหนูจงเอาเองเถิด”

ถังเสวี่ยเดินไปด้านหน้าซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีโน้มตัวไปกระซิบข้างหูถังเสวี่ย

ถังเสวี่ยมองไหวชิ่งกงจู่ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวตรง

ในเวลานี้ ถึงเวลาที่ถังเสวี่ยจะแสดงสีหน้าภาคภูมิใจบ้าง

ทว่านางกลับนิ่งเงียบไม่พูดอันใด ทันใดนั้น ไหวชิ่งกงจู่ก็ส่งสายตาอาฆาต “ถังเสวี่ย เรื่องเดิมพันของพวกเราก็ตกลงตามนี้ หากเจ้าแพ้เดิมพัน เรื่องที่เดิมพันก่อนหน้านี้ของข้ากับตงหลิงหวง เจ้าก็เป็นคนทำแทน”

ถังเสวี่ยพลันรู้สึกขุ่นเคือง “เยวี่ยไหวชิ่ง ไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ? เจ้าแพ้เดิมพันเอง มีสิทธิ์อันใดให้ผู้อื่นมารับผิดชอบแทนเจ้า? ”

ไหวชิ่งกงจู่กุมมือทั้งสองข้าง “เจ้าไม่รับผิดชอบเดิมพันแทนข้าก็ไม่เป็นไร เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็กำหนดการเดิมพันระหว่างพวกเราขึ้นมาใหม่ จะเดิมพันอย่างไรดี? ” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “หากผู้ป่วยคนนั้นเปิดผ้าออก และผลปรากฏว่าเขาได้รับพิษจริง ถือว่าข้าชนะ คุณหนูถังแพ้ เช่นนั้น ข้าต้องการให้เจ้าถอดเสื้อผ้าทั้งหมดเข้าแข่งขันรอบถัดไป”

นี่มันต่างอันใดกับการให้ถังเสวี่ยรับผิดชอบการเดิมพันระหว่างนางกับตงหลิงหวงก่อนหน้านี้?

สีหน้าถังเสวี่ยบูดบึ้ง “เยวี่ยไหวชิ่ง เจ้ามันไร้ยางอาย ข้าไม่เดิมพันกับเจ้าก็ได้”

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดจะหดหัวไม่สู้หรือคุณหนูถัง เจ้าคิดจะเป็นเต่าหัวหดโง่เง่าหรือ? ”

“เจ้านั่นแหละเป็นเต่าหัวหดโง่เง่า”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” ไหวชิ่งกงจู่ยกมือเท้าเอวหัวเราะอย่างสะใจ “ผู้ใดเป็นเต่าหัวหดโง่เง่ากันแน่”

ถังเสวี่ยเดือดดาลจนแทบจะสิ้นสติ นางกำลังจะพุ่งเข้าไปจัดการสั่งสอนไหวชิ่งกงจู่สักครั้ง ทว่าซูจิ่นซีที่อยู่ด้านหลังกลับรั้งแขนนางไว้ได้ทัน

ถังเสวี่ยหันหลังกลับไป เมื่อทั้งสองสบตากัน ซูจิ่นซีจึงส่ายศีรษะเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

ความคิดของถังเสวี่ยหมุนวนอย่างว่องไว เหมือนว่านางจะคิดอันใดขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับมา “เยวี่ยไหวชิ่ง วาจาพูดออกไปแล้ว หนักแน่นดั่งขุนเขา ในเมื่อเอ่ยปากว่าเดิมพัน เช่นนั้นข้าจะขอเดิมพันกับเจ้าให้สาแก่ใจสักครั้ง หากข้าแพ้ ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ ทว่าหากเจ้าแพ้ ข้าจะให้เจ้ากระทำอย่างที่เจ้าเดิมพันกับรัชทายาทแคว้นตงเฉิน”

ไหวชิ่งกงจู่ยกยิ้มมุมปาก “ตกลง! ”

ถังเสวี่ยมีท่าทางมั่นใจยิ่งนัก “ข้าหมายถึงทันที เดี๋ยวนี้และเวลานี้”

ไหวชิ่งกงจู่กระชากเสียงเย็นชา “เด็กน้อย ผู้ใดแพ้หรือชนะยังไม่รู้ จะรีบร้อนไปใย? ”

นางเล่นพิษมาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีทางมองพลาดแน่นอน

คนผู้นั้นจังหวะก้าวเดินเลื่อนลอย นิ้วมือและเท้าที่เผยออกมาให้เห็นด้านนอกเสื้อผ้าก็แห้งติดกระดูก เสื้อผ้าสีดำสนิทปกปิดร่างกายทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าถูกแสงไม่ได้ อาการป่วยนี้เหมือนพระอาการประชวรของจงกุ้ยเฟยไม่มีผิดเพี้ยน

ผู้อื่นอาจไม่ทราบ ทว่าพระอาการประชวรของจงกุ้ยเฟยในวังหลวงแคว้นหนานหลี นางทราบเป็นอย่างดี เนื่องจากนางได้รับพิษของหนอนพิษที่พวกเขาทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ทั้งนางยังเป็นคนสั่งให้ราชครูกูสือซานลงมือด้วยตนเอง

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ไหวชิ่งกงจู่ก็หันไปมองกูสือซานที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้ชม

กูสือซานพยักหน้ายืนยันให้ไหวชิ่งกงจู่

ถึงเวลานี้ ไหวชิ่งกงจู่ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม นางมองถังเสวี่ยด้วยสายตายั่วยุ

ถังเสวี่ยเองก็ไม่แสดงความอ่อนแอ นางส่งสายตายั่วยุกลับไปให้ไหวชิ่งกงจู่

สายตาของทั้งสองมองตามผู้ชมไปยังผู้ป่วยที่กำลังเดินขึ้นมาบนเวที โดยมีบ่าวรับใช้ถือร่มขนาดใหญ่เพื่อบังแสงแดด

“เปิดผ้าคลุมผู้ป่วย” จงจิงเฉินตะโกนบอก บ่าวรับใช้สองคนเดินมาด้านหน้า และค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออก

ผ้าคลุมร่างกายของผู้ป่วยถูกเปิดออกทีละนิด ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตื่นเต้นจนแทบจะกลั้นหายใจ