เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 607 ผู้ใดเกรงกลัวผู้ใดกันแน่

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ที่สำนักโอสถสกุลจง จงเนี่ยกลับมาจากสนามแข่งขันแล้ว

น้องสาวกำลังจะเข้าพิธีอภิเษก เขาผู้เป็นพี่ชายจะไม่อยู่ร่วมพิธีได้อย่างไร?

จงเนี่ยเข้ามาในจวน เขากำลังถอดเครื่องแบบทหารและเปลี่ยนชุดเพื่อร่วมพิธีมงคล ทันใดนั้น ทหารนายหนึ่งก็รีบร้อนเข้ามา และโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของเขา

ไม่รู้ว่าทหารผู้นั้นพูดสิ่งใด ดวงตาของจงเนี่ยค่อยๆ หรี่ลง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างมาก เขายกมือขึ้นและพูดว่า “ไปสืบดูอีกครั้ง! ”

ทหารรีบตอบรับและเดินออกไป

ดวงตาของจงเนี่ยปรากฏความเย็นชา เขาค่อยๆ รวบรวมพลังภายในอันแข็งแกร่งไว้ที่ฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยพลังจากฝ่ามือออกไปที่นอกหน้าต่าง ทันใดนั้น นกที่บินขึ้นจากชายคาตรงข้ามหน้าต่างพลันตกลงมาบนพื้นโดยไร้เสียงร้อง ทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

“อ้าก! ”

แม่นมสี่เพิ่งได้รับข่าวว่าคณะรับตัวเจ้าสาวของจวนฉีอ๋องได้ออกจากจวนแล้ว จึงรีบมารายงานข่าวที่น่ายินดีนี้แก่จงเนี่ย ทว่าเมื่อเดินเข้าประตูมา เลือดที่สาดกระจายบนท้องฟ้ากลับตกลงมาบนใบหน้าของนาง ทำให้นางตกใจจนหมดสติไป

จงเนี่ยหาได้ใส่ใจสิ่งใด เขามองนกที่นอนตายอยู่บนลานจากทางหน้าต่างด้วยแววตาเย็นชา ลมหายใจและแววตานั้นเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้น

ฝ่ามือที่มีพลังภายในนั้นฟาดลงมา ราวกับจะทำให้ศีรษะของใครบางคนแตกละเอียด

น้ำเสียงทวีความเย็นชาและเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น “เด็กเมื่อวานซืนพวกนี้ ในเมื่อต้องการเล่นเกมแมวจับหนูกับแม่ทัพอย่างข้า เช่นนั้น แม่ทัพอย่างข้าก็จะขอเล่นสนุกกับพวกเจ้าสักครั้ง”

พูดจบ จงเนี่ยก็เดินมาที่ประตูและตะโกนเรียก “ทหาร! ”

ทหารเงาที่มีสัญลักษณ์ของสกุลจงผู้หนึ่ง เหาะลงมาอยู่ด้านหน้าจงเนี่ย

จงเนี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กองทหารเป็นอย่างไรบ้าง? ”

“กองทัพแข็งแกร่งสี่แสนนายได้เดินทางถึงเมืองหานเจียงแล้ว พร้อมรอรับคำสั่ง นอกจากนั้น คนของพวกเราแฝงตัวเข้าไปในตำหนักของมหาอุปราชและจวนฉีอ๋องได้สำเร็จ จนถึงเวลานี้ ฉีอ๋องยังไม่สังเกตเห็น อีกทั้ง… เช้าวันนี้ ตอนที่เปลี่ยนเวรยามรักษาประตูจิ่วเหมิน ฉีอ๋องได้เปลี่ยนองครักษ์จำนวนหนึ่งไปที่ประตูจิ่วเหมิน ซึ่งทางเรามีรายชื่อนั้นหมดแล้วขอรับ”

“ดีมาก! เฝ้าสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ”

“รับทราบ! ” ทหารเงาตอบรับคำ ขณะที่กำลังจะถอยออกไป ทันใดนั้น เขาก็ถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ทัพ… ต้องการเปลี่ยนคนในตำหนักฉินเจิ้งเป็นคนของเราหรือไม่ขอรับ”

จงเนี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยแววตามั่นคง “ให้ทหารเงาผู้หนึ่งไปซ่อนตัว รอจังหวะที่เกิดความวุ่นวาย ค่อยฉวยโอกาสสังหารมู่หรงเฟิง”

“รับทราบ! ”

ทหารเงาถอยออกไป จงเนี่ยจึงพูดกับตนเองอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เด็กเมื่อวานซืน กล้าจัดการกับแม่ทัพอย่างข้า แม่ทัพอย่างข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าทีละคน”

การแข่งขันซิ่งหลินได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ร่วมแข่งขันทุกท่านเข้าสู่การแข่งขันรอบที่หนึ่ง

รอบที่หนึ่งเป็นการแข่งขันทักษะการแยกแยะตัวยาสมุนไพรขั้นพื้นฐาน

ผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่าสองร้อยคน ทุกคนจะได้รับตัวยาที่แตกต่างกันมาคนละห้าสิบชนิด เงื่อนไขการแข่งขันนั้นเข้มงวดมาก มีเพียงผู้ที่สามารถแยกแยะและอธิบายตัวยาได้ทั้งหมดเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าสู่รอบต่อไปได้

รอบที่หนึ่งใช้วิธีแพ้คัดออก แม้เงื่อนไขในการคัดออกจะค่อนข้างโหดร้าย ทว่าสำหรับผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันซิ่งหลินของสกุลจงแล้ว ถือว่าเป็นกติกาที่ยุติธรรมที่สุด

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ระฆังสิ้นสุดการแข่งขันก็ดังขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ตัดสินก็ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบต่อไป

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันรอบที่หนึ่งมีจำนวนสองร้อยกว่าคน ทว่ามีเพียงหนึ่งร้อยกว่าคนที่ผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างราบรื่น

การแข่งขันรอบที่สองเป็นการท่องบทความเกี่ยวกับวิชาแพทย์

รอบนี้ยังคงเป็นการแข่งแบบแพ้คัดออก ทั้งยังเป็นการแข่งขันทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานที่สุด

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ในหนึ่งร้อยกว่าคน มีผู้เข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามไม่ถึงหนึ่งร้อยคน

รอบที่สามเป็นการแข่งขันทดสอบความรู้พื้นฐานทางการแพทย์

คำถามถูกจัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเขียนไว้ในกระดาษและนำมาใส่ในกล่องไม้ขนาดใหญ่ โดยผู้ตัดสินได้ทำการตรวจสอบด้วยตนเอง ก่อนจะนำใส่ลงไปในกล่อง ทั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องสุ่มเลือกคำถาม เมื่อเลือกคำถามใดได้ ต้องตอบคำถามนั้นทันที

ผู้ที่ตอบถูก สามารถผ่านเข้าสู่รอบถัดไป ส่วนผู้ที่ตอบผิดก็จะถูกคัดออก

แน่นอนว่าคำถามเหล่านั้นต้องไม่ใช่คำถามธรรมดาทั่วไป

แม้การแข่งขันซิ่งหลินของสกุลจงจะเรียกว่าการแข่งขัน ทว่าความจริงแล้วเป็นการแข่งขันวัดระดับว่า ผู้ที่เข้าแข่งขันนั้นอยู่ในระดับใด นับเป็นตัวกำหนดระดับความสามารถทางการแพทย์ของผู้เข้าแข่งขัน

ดังนั้น การตั้งคำถามในการแข่งขันซิ่งหลินจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ชำนาญระดับมืออาชีพก่อน จึงจะกำหนดออกมาได้ในที่สุด เพื่อทดสอบระดับความสามารถที่แท้จริงของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน

ระดับขั้นทางการแพทย์ของอาณาจักรเทียนเหอแบ่งออกเป็น หมอรับใช้ หมอดูแล หมอเชี่ยวชาญ อาจารย์หมอ หมอเทวดา หมอเทพ หมอวิเศษ และหมอเซียน

มีเพียงผู้ที่มีความสามารถอย่างจิ่วหรงเท่านั้น จึงจะเป็นหมอเซียนระดับสูงสุด

แม้ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวิชาแพทย์ของจิ่วหรงอยู่ในระดับใด ทว่าในสายตาของทุกคน จิ่วหรงเป็นหมอเซียนเพียงผู้เดียวในอาณาจักรเทียนเหอ

หากผู้เข้าร่วมการแข่งขันผ่านเข้าไปสู่รอบที่สาม ต่อไป ระดับวิชาทางการแพทย์ของเขาก็จะอยู่ในระดับอาจารย์หมอ

การแข่งขันรอบที่สามผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว

หลังจากการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่สามารถเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สี่ได้ มีไม่ถึงห้าสิบคน

การแข่งขันรอบที่สี่เป็นการแข่งขันตรวจชีพจร

กติกาการแข่งขันมีดังนี้ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีผู้ป่วยหนึ่งคน ผู้ป่วยและผู้เข้าแข่งขันจะถูกคั่นกลางด้วยผ้าม่านทึบแสงขนาดใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันไม่เพียงต้องระบุโรคของผู้ป่วยด้วยการจับชีพจรภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ทว่ายังต้องระบุเพศ อายุ ส่วนสูง และน้ำหนักโดยประมาณอีกด้วย

ทุกคนต่างทราบดีว่า แพทย์แผนจีนเน้นการมองเห็น การได้ยิน การสอบถาม และการตรวจชีพจร บางครั้งอาจวินิจฉัยได้ยากหากจับเพียงชีพจรเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะทั้งสี่ คือ การมอง การฟัง การถาม และการจับชีพจรร่วมกันในการวินิจฉัยโรค

การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่มีความโดดเด่น และกำจัดผู้ที่อ่อนด้อย เลือกเพียงผู้ที่มีความเก่งกาจยอดเยี่ยมเข้าสู่รอบถัดไป

ต่อให้มีวิชาแพทย์พื้นฐานในระดับดี ทว่าหากผลการรักษาไม่แม่นยำ ก็ไม่อาจชนะการแข่งขันในครั้งนี้ได้

หลังจากได้ฟังข้อปฏิบัติของการแข่งขัน ใบหน้าของจงเทียนโย่ว ซูอวี้ ถังเสวี่ย และคนอื่นๆ ต่างเผยให้เห็นความยากลำบาก

เวลาการแข่งขันมีจำกัดเพียงครึ่งก้านธูป

หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป ก็จะทราบผลการแข่งขัน

ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการแข่งขันเหลือเพียง ซูจิ่นซี ซูอวี้ จงเทียนโย่ว ไหวชิ่งกงจู่ ตงหลิงหวง เป่ยถางเย่ และถังเสวี่ย

ผู้ที่มีทักษะด้านการแพทย์สูงส่งในอาณาจักรเทียนเหอ ล้วนอยู่บนสนามการแข่งขัน ตามการจัดลำดับของอาณาจักรเทียนเหอ พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกจัดอยู่ในระดับหมอเทพแล้ว

การแข่งขันรอบต่อไป ไม่ใช่การแข่งขันแบบแพ้คัดออก แต่เป็นการแข่งขันระดับความสามารถทางการแพทย์

หมอเทวดา หมอเทพ หมอวิเศษ และหมอเซียนทั้งสี่ระดับ ผู้ใดติดอยู่ที่ด่านใด ถือว่ามีความสามารถอยู่ในลำดับขั้นนั้น

การแข่งขันจะเริ่มจากลำดับถัดไป ความยากของเนื้อหาก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ

รอบที่ห้าเป็นการตรวจวินิจฉัย โดยมีผู้ป่วยหนึ่งราย แบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็นสามกลุ่ม และให้เขียนแผนการรักษาออกมา ใครเขียนแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก็ได้จะเข้าสู่การแข่งขันในรอบถัดไป แผนการรักษาที่ถูกตัดสินว่าแพ้ จะจัดคนผู้นั้นอยู่ในระดับหมอเทพ และออกจากการแข่งขัน

โดยการแบ่งกลุ่มจะใช้วิธีจับฉลาก

กล่องสำหรับจับฉลากจำนวนสองกล่องได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ภายในกล่องมีหมายเลขหนึ่งถึงสาม ผู้เข้าแข่งขันต้องจับฉลากจากสองกล่องตามลำดับ ผู้ที่จับได้หมายเลขเดียวกันจะอยู่กลุ่มเดียวกัน

ผลการจับฉลากคือ กลุ่มของซูจิ่นซีและถังเสวี่ย กลุ่มของซูอวี้และไหวชิ่งกงจู่ และกลุ่มของจงเทียนโย่วกับเป่ยถางเย่ ส่วนตงหลิงหวงผ่านเข้ารอบถัดไปโดยไม่ต้องแข่งขัน

ถังเสวี่ยมองตัวเลขในมือและมองไปรอบๆ เมื่อเห็นตัวเลขของซูจิ่นซีเหมือนกับตนเอง จึงเดินไปหาซูจิ่นซี พลางแกว่งตัวเลขในมือ

“พี่จิ่นซี สู้ๆ ! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสดใส

ไหวชิ่งกงจู่เห็นตัวเลขของซูอวี้เหมือนกับตนเอง จึงยกยิ้มมุมปากแผ่วเบา “ผู้นำสกุลซู ได้ยินว่าท่านเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ วันนี้ข้าคงต้องขอคำชี้แนะและเรียนรู้จากท่าน”

ท่าทางของซูอวี้ยังคงสงบนิ่ง เขาหันไปคำนับไหวชิ่งกงจู่โดยไม่พูดอันใด

ถังเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าหวาดกลัว ก็ยอมแพ้เสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่พ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชภายใต้น้ำมือของผู้นำสกุลซู หากยังดึงดันเข้าแข่งขัน เมื่อแพ้ก็วางยาพิษทำร้ายคน จะถูกผู้อื่นในวงการแพทย์ดูหมิ่นเอาได้”

ตามกฎการแข่งขันซิ่งหลิน ขณะแข่งขันห้ามใช้วิชาพิษอย่างเด็ดขาด

ไหวชิ่งกงจู่กระชากเสียงเย็นชา

“นางเด็กน่าตาย พูดจาระวังปากด้วย ในสนามแข่งขันนี้ ผู้ที่ใช้พิษหาได้มีข้าเพียงผู้เดียว ผู้ใดจะทำผิดกฎนั้นยังไม่แน่! หากไม่ยอมรับ รอจบการแข่งขันแล้ว มาประลองกับข้าสักยกเป็นไร”

“ประลองก็ประลอง ใครกลัวใครกันแน่? ”

ถังเสวี่ยยกสองมือเท้าเอว ไม่คิดยอมแพ้แม้แต่น้อย