เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 606 ขับออกจากสำนัก

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ใบหน้าของไหวชิ่งกงจู่ปรากฏรอยยิ้มน่าสงสัย “คุณหนูหนานกง เจ้าไม่มีอันใดหรือ? ”

หนานกงหว่านเอ๋อร์พูดออกไปโดยไม่ทันคิด “ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ ข้าไม่ได้ชอบคุณชายจิ่ว และไม่ได้มีความรักเชิงชู้สาวกับคุณชายจิ่ว เจ้าอย่าใส่ความผู้อื่นเช่นนี้”

ทันใดนั้น เสียงของนางก็ดังไปทั่วสนามแข่งขัน

ก่อนหน้านี้ มีเพียงนางและผู้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของไหวชิ่งกงจู่ ทว่าตอนนี้ เสียงของนางแทบจะก่อกวนทุกคนที่อยู่ในสนามแข่งขัน

ขวับ ขวับ ขวับ… สายตาของทุกคนต่างมองมาที่หนานกงหว่านเอ๋อร์

ผู้คนส่วนใหญ่มีท่าทางตกตะลึง ทว่าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง การแสดงออกก็กลายเป็นดูถูกเหยียดหยาม

ดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก

กล้าพูดจาอาจเอื้อมเช่นนี้ กล้าล่วงเกินคุณชายจิ่ว ช่างไม่ประเมินตนเองเสียจริง

ทว่ายังมีบางคนที่พยายามเหลือบมองไปทางจิ่วหรงที่อยู่บนเวที เพราะต้องการดูว่าจิ่วหรงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

แท้จริงแล้ว ในใจของพวกเขาเห็นจิ่วหรงเป็นดั่งเทพเซียน จนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่เคยได้ยินเสียงเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของจิ่วหรงแม้แต่น้อย!

โอ้ ไม่ เคยมีอยู่สองครั้ง

ครั้งหนึ่ง มีคนร่ำลือกันว่า คุณชายจิ่วและศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ทั้งยังคลุมเครือ ทว่านั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว

ยังมีครั้งหนึ่ง เป็นข่าวลือที่มาจากแคว้นจงหนิง

ได้ยินว่า คุณชายจิ่วปรากฏตัวในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง และเขาได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่พระชายาโยวอ๋อง

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพระชายาโยวอ๋องกับคุณชายจิ่ว… ทุกคนต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป และร่ำลือกันไปต่างๆ นานา

ตอนนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ด้านหลังของนางคือตำแหน่งสูงสุดบนเวทีซึ่งจิ่วหรงนั่งอยู่พอดี

เมื่อสิ้นเสียงพูดของนาง ทั้งสนามแข่งขันพลันปรากฏเสียงลมหายใจเย็นชา จากนั้น บรรยากาศก็เข้าสู่ความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว

นางจึงรู้สึกตัวว่าตนเองทำสิ่งใดลงไป ทั้งยังรู้สึกไม่สบายใจราวกับมีหนามแหลมคมอยู่ด้านหลัง

เวลานี้ จิตใจของนางยิ่งสับสนมากขึ้น

ความอับอายนั้นย่อมมีแน่นอน ทว่าในใจของนางกลับเกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

นางเก็บซ่อนความลับที่ชื่นชอบคุณชายจิ่วไว้ในใจมานานหลายปี ในตอนนั้น เพราะชื่นชอบจิ่วหรง นางจึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์สำนักแพทย์เทียนอี

วันนี้ เรื่องราวถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้น นางก็เกิดความคาดหวังบางอย่าง และต้องการทราบว่าคุณชายจิ่วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร

เวลาค่อยๆ ผ่านไปแต่ละนาที แต่ละวินาที บรรยากาศเงียบสงัดในสนามแข่งขัน ยามนี้ยิ่งวังเวงมากขึ้นไปอีก

ยิ่งเวลาผ่านไป หนานกงหว่านเอ๋อร์ยิ่งตกประหม่า

มือที่ห้อยอยู่ด้านข้างกำหมัดแน่น เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผาก

ขณะที่นางกำลังคิดว่า คุณชายจิ่วไม่มีทางตอบคำถาม ทั้งนางยังตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ ทันใดนั้น ในสนามแข่งขันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

เป็นเสียงของอู๋จุนนั่นเอง

อู๋จุนนั่งไขว้ขาอยู่ด้านข้างซูจิ่นซี ดวงตาภายใต้หน้ากากเย็นชามองมาด้วยสายตายั่วยุ

“คุณชายจิ่ว ท่านควรพูดอันใดบ้างไม่ใช่หรือ? ข้ารู้ว่า ท่านยอดเยี่ยมอย่างมาก ทั้งยังมีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านการแพทย์ ทว่าวันนี้ ทุกคนกำลังจะแข่งขันกัน ท่านยังเสแสร้งอันใดอยู่อีก? หรือต้องให้คนจำนวนมากรอท่านดื่มน้ำชายามบ่ายก่อนแล้วค่อยเปิดปากพูด? ”

จิ่วหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย

อู๋จุนพูดต่อ “คนผู้นั้นเป็นคนจากสำนักแพทย์เทียนอีของท่าน รีบแก้ไขปัญหาโดยเร็วเถิด ข้ายังอยากเห็นแม่นางพิษน้อยแสดงฝีมือในการแข่งขันครั้งนี้! ไม่มีเวลามาดูพวกเจ้าปั้นหน้าเสแสร้ง”

เมื่อจิ่วหรงจะพูดอันใด น้อยคนนักที่จะเอ่ยปากพูด

นับว่าอู๋จุนกล้าหาญไม่น้อย และไม่เห็นจิ่วหรงอยู่ในสายตา

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเขาจะผลักความผิดทั้งหมดไปที่จิ่วหรงโดยไม่อธิบายสิ่งใด

ขวับ ขวับ ขวับ ทุกสายตาในสนามแข่งขันต่างจ้องมองไปที่อู๋จุนอย่างไม่เป็นมิตร

ทว่าอู๋จุนหาได้สนใจ

ปล่อยให้อู๋จุนก่อกวนเช่นนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ที่ตกประหม่าอยู่แล้ว ยิ่งตกประหม่ามากขึ้นไปอีก ทั้งนางยังคาดหวังและรอคอยว่าจิ่วหรงจะพูดสิ่งใด

แต่นางไม่คิดว่า จิ่วหรงที่อยู่ด้านหลังจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาถามหัวหน้าสำนักแพทย์ที่นั่งอยู่ด้านล่างว่า

“หัวหน้าสำนักแพทย์ สำนักแพทย์เทียนอีของข้ามีคนผู้นี้หรือไม่? ”

หัวหน้าสำนักแพทย์รีบลุกขึ้นตอบอย่างนอบน้อม “รายงานท่านเจ้าสำนัก หนานกงหว่านเอ๋อร์ สตรีนางนี้เป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เรา”

จิ่วหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย และแสดงออกอย่างไม่พอใจ

หัวหน้าสำนักแพทย์เข้าใจในทันที “สำนักแพทย์จะจัดการกับนาง ตั้งแต่วันนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักแพทย์เราอีกต่อไป”

นี่หมายความว่าอย่างไร?

เป็นการขับไล่หนานกงหว่านเอ๋อร์ออกจากสำนักหรือ?

ต้องเข้าใจว่า ศิษย์ที่เข้ามาในสำนักแพทย์เทียนอี น้อยคนนักที่จะถูกขับออกจากสำนัก หลายร้อยปีมานี้ มีศิษย์ที่ถูกขับออกไปเพียงคนเดียว และหลังจากถูกขับออกจากสำนัก ก็ไม่อาจออกจากหุบเขาเทียนอีได้อย่างปลอดภัย

ตามกฎของสำนักแพทย์เทียนอี ศิษย์ที่ถูกขับออกไปนั้นต้องผ่านด่านแต่ละด่านก่อน จึงจะออกไปจากหุบเขาได้

ทั้งแต่ละด่านยังอันตรายอย่างมาก นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักแพทย์เทียนอี พวกเขามีศิษย์สามพันกว่ารุ่น จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีศิษย์คนใดที่ถูกขับไล่แล้วมีชีวิตผ่านด่านออกไปแม้แต่คนเดียว

ศิษย์ทุกคนของสำนักแพทย์เทียนอีต่างทราบดีถึงความน่ากลัวของด่านที่ต้องฝ่าออกไป หลังจากถูกขับออกจากสำนักแพทย์เทียนอี

ผ่านไปครู่ใหญ่ จิ่วหรงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด เรื่องนี้เป็นความประสงค์ของหัวหน้าสำนักแพทย์ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้

เมื่อหนานกงหว่านเอ๋อร์ได้ยินคำพูดประโยคแรกที่จิ่วหรงถามหัวหน้าสำนักแพทย์ นางก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้ยินหัวหน้าสำนักแพทย์พูดว่าจะขับนางออกจากสำนัก นางก็เป็นลมล้มลงไปบนพื้น ไม่มีแม้แต่โอกาสให้ตกใจ

นางเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักแพทย์ ทั้งยังมีผลงานยอดเยี่ยม ตอนนี้… นึกไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในสภาพที่ถูกขับไล่ออกจากสำนัก

จะให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?

เมื่อจงจิงเฉินที่เป็นผู้ดำเนินการแข่งขันอยู่บนเวทีเห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์หมดสติไป ก็ตกประหม่าอย่างมาก เขาคิดจะกระโจนไปหาหนานกงหว่านเอ๋อร์ ทว่าเสียงเตือนของจงซูอี้กลับดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“จิงเฉิน เริ่มการแข่งขันได้แล้ว”

จงจิงเฉินหยุดชะงักในทันที พลางมองไปที่หนานกงหว่านเอ๋อร์ซึ่งนอนหมดสติภายใต้แสงแดดแผดเผาโดยไม่มีผู้ใดสนใจ เขาก้าวถอยหลังทีละก้าวอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะประกาศเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

นอกจากหนานกงหว่านเอ๋อร์ที่ถูกคนหามออกไป ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างนั่งลง และผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็พากันเดินเข้ามาในสนาม

ผู้เข้าร่วมการแข่งขันก้าวขึ้นมาบนสนามแข่งขันทีละคน

ภายในจวนฉีอ๋อง ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม มู่หรงฉีสวมชุดสีแดงเดินออกมาจากจวนเพื่อทักทายญาติมิตร

ขณะที่กำลังเดินออกจากประตู JX3 ก้าวออกมาจากฝูงชน และมายืนอยู่ข้างกายมู่หรงฉี เขาโน้มตัวไปที่ข้างหูของมู่หรงฉีเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน รวมถึงเรื่องราวไม่คาดคิดบางอย่าง

มู่หรงฉีพยักหน้า

“คุณชายจิ่วก็มาด้วย ดูเหมือน… แผนการของจิ่นซีในครั้งนี้ ไม่สำเร็จไม่ได้แล้ว”

JX3 ไม่พูดอันใดมาก “ฉีอ๋อง นายท่านบอกว่า เรื่องทางสนามแข่งขัน มีนางและเจ้าหุบเขาอู๋อยู่ คงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น หวังว่าเรื่องทางนี้ของพระองค์จะราบรื่นดี”

หากปฏิบัติการของมู่หรงฉีล้มเหลว ต่อให้ด้านของซูจิ่นซีจะสำเร็จ ทว่ามันก็ล้มเหลวอยู่ดี นอกจากนั้นยังตกสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นอีกด้วย

“ฝากบอกนายท่านของเจ้าว่าวางใจได้ ทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อยดี”

JX3 ตอบรับคำและหายตัวไป

มู่หรงฉีออกจากประตูจวนและขึ้นขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ พิธีการและเสียงเพลงบรรเลงขึ้น คณะต้อนรับเจ้าสาวต่างส่งเสียงอย่างคึกครื้น ก่อนจะเดินทางไปยังสำนักโอสถสกุลจง

ระหว่างทาง เสียงประทัดและเสียงกลองดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง