ใบหน้าของไหวชิ่งกงจู่ปรากฏรอยยิ้มน่าสงสัย “คุณหนูหนานกง เจ้าไม่มีอันใดหรือ? ”
หนานกงหว่านเอ๋อร์พูดออกไปโดยไม่ทันคิด “ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ ข้าไม่ได้ชอบคุณชายจิ่ว และไม่ได้มีความรักเชิงชู้สาวกับคุณชายจิ่ว เจ้าอย่าใส่ความผู้อื่นเช่นนี้”
ทันใดนั้น เสียงของนางก็ดังไปทั่วสนามแข่งขัน
ก่อนหน้านี้ มีเพียงนางและผู้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของไหวชิ่งกงจู่ ทว่าตอนนี้ เสียงของนางแทบจะก่อกวนทุกคนที่อยู่ในสนามแข่งขัน
ขวับ ขวับ ขวับ… สายตาของทุกคนต่างมองมาที่หนานกงหว่านเอ๋อร์
ผู้คนส่วนใหญ่มีท่าทางตกตะลึง ทว่าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง การแสดงออกก็กลายเป็นดูถูกเหยียดหยาม
ดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก
กล้าพูดจาอาจเอื้อมเช่นนี้ กล้าล่วงเกินคุณชายจิ่ว ช่างไม่ประเมินตนเองเสียจริง
ทว่ายังมีบางคนที่พยายามเหลือบมองไปทางจิ่วหรงที่อยู่บนเวที เพราะต้องการดูว่าจิ่วหรงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
แท้จริงแล้ว ในใจของพวกเขาเห็นจิ่วหรงเป็นดั่งเทพเซียน จนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่เคยได้ยินเสียงเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของจิ่วหรงแม้แต่น้อย!
โอ้ ไม่ เคยมีอยู่สองครั้ง
ครั้งหนึ่ง มีคนร่ำลือกันว่า คุณชายจิ่วและศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ทั้งยังคลุมเครือ ทว่านั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว
ยังมีครั้งหนึ่ง เป็นข่าวลือที่มาจากแคว้นจงหนิง
ได้ยินว่า คุณชายจิ่วปรากฏตัวในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง และเขาได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แก่พระชายาโยวอ๋อง
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพระชายาโยวอ๋องกับคุณชายจิ่ว… ทุกคนต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป และร่ำลือกันไปต่างๆ นานา
ตอนนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ด้านหลังของนางคือตำแหน่งสูงสุดบนเวทีซึ่งจิ่วหรงนั่งอยู่พอดี
เมื่อสิ้นเสียงพูดของนาง ทั้งสนามแข่งขันพลันปรากฏเสียงลมหายใจเย็นชา จากนั้น บรรยากาศก็เข้าสู่ความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว
นางจึงรู้สึกตัวว่าตนเองทำสิ่งใดลงไป ทั้งยังรู้สึกไม่สบายใจราวกับมีหนามแหลมคมอยู่ด้านหลัง
เวลานี้ จิตใจของนางยิ่งสับสนมากขึ้น
ความอับอายนั้นย่อมมีแน่นอน ทว่าในใจของนางกลับเกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
นางเก็บซ่อนความลับที่ชื่นชอบคุณชายจิ่วไว้ในใจมานานหลายปี ในตอนนั้น เพราะชื่นชอบจิ่วหรง นางจึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์สำนักแพทย์เทียนอี
วันนี้ เรื่องราวถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้น นางก็เกิดความคาดหวังบางอย่าง และต้องการทราบว่าคุณชายจิ่วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
เวลาค่อยๆ ผ่านไปแต่ละนาที แต่ละวินาที บรรยากาศเงียบสงัดในสนามแข่งขัน ยามนี้ยิ่งวังเวงมากขึ้นไปอีก
ยิ่งเวลาผ่านไป หนานกงหว่านเอ๋อร์ยิ่งตกประหม่า
มือที่ห้อยอยู่ด้านข้างกำหมัดแน่น เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผาก
ขณะที่นางกำลังคิดว่า คุณชายจิ่วไม่มีทางตอบคำถาม ทั้งนางยังตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ ทันใดนั้น ในสนามแข่งขันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
เป็นเสียงของอู๋จุนนั่นเอง
อู๋จุนนั่งไขว้ขาอยู่ด้านข้างซูจิ่นซี ดวงตาภายใต้หน้ากากเย็นชามองมาด้วยสายตายั่วยุ
“คุณชายจิ่ว ท่านควรพูดอันใดบ้างไม่ใช่หรือ? ข้ารู้ว่า ท่านยอดเยี่ยมอย่างมาก ทั้งยังมีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านการแพทย์ ทว่าวันนี้ ทุกคนกำลังจะแข่งขันกัน ท่านยังเสแสร้งอันใดอยู่อีก? หรือต้องให้คนจำนวนมากรอท่านดื่มน้ำชายามบ่ายก่อนแล้วค่อยเปิดปากพูด? ”
จิ่วหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย
อู๋จุนพูดต่อ “คนผู้นั้นเป็นคนจากสำนักแพทย์เทียนอีของท่าน รีบแก้ไขปัญหาโดยเร็วเถิด ข้ายังอยากเห็นแม่นางพิษน้อยแสดงฝีมือในการแข่งขันครั้งนี้! ไม่มีเวลามาดูพวกเจ้าปั้นหน้าเสแสร้ง”
เมื่อจิ่วหรงจะพูดอันใด น้อยคนนักที่จะเอ่ยปากพูด
นับว่าอู๋จุนกล้าหาญไม่น้อย และไม่เห็นจิ่วหรงอยู่ในสายตา
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเขาจะผลักความผิดทั้งหมดไปที่จิ่วหรงโดยไม่อธิบายสิ่งใด
ขวับ ขวับ ขวับ ทุกสายตาในสนามแข่งขันต่างจ้องมองไปที่อู๋จุนอย่างไม่เป็นมิตร
ทว่าอู๋จุนหาได้สนใจ
ปล่อยให้อู๋จุนก่อกวนเช่นนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ที่ตกประหม่าอยู่แล้ว ยิ่งตกประหม่ามากขึ้นไปอีก ทั้งนางยังคาดหวังและรอคอยว่าจิ่วหรงจะพูดสิ่งใด
แต่นางไม่คิดว่า จิ่วหรงที่อยู่ด้านหลังจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาถามหัวหน้าสำนักแพทย์ที่นั่งอยู่ด้านล่างว่า
“หัวหน้าสำนักแพทย์ สำนักแพทย์เทียนอีของข้ามีคนผู้นี้หรือไม่? ”
หัวหน้าสำนักแพทย์รีบลุกขึ้นตอบอย่างนอบน้อม “รายงานท่านเจ้าสำนัก หนานกงหว่านเอ๋อร์ สตรีนางนี้เป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เรา”
จิ่วหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย และแสดงออกอย่างไม่พอใจ
หัวหน้าสำนักแพทย์เข้าใจในทันที “สำนักแพทย์จะจัดการกับนาง ตั้งแต่วันนี้ หนานกงหว่านเอ๋อร์ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักแพทย์เราอีกต่อไป”
นี่หมายความว่าอย่างไร?
เป็นการขับไล่หนานกงหว่านเอ๋อร์ออกจากสำนักหรือ?
ต้องเข้าใจว่า ศิษย์ที่เข้ามาในสำนักแพทย์เทียนอี น้อยคนนักที่จะถูกขับออกจากสำนัก หลายร้อยปีมานี้ มีศิษย์ที่ถูกขับออกไปเพียงคนเดียว และหลังจากถูกขับออกจากสำนัก ก็ไม่อาจออกจากหุบเขาเทียนอีได้อย่างปลอดภัย
ตามกฎของสำนักแพทย์เทียนอี ศิษย์ที่ถูกขับออกไปนั้นต้องผ่านด่านแต่ละด่านก่อน จึงจะออกไปจากหุบเขาได้
ทั้งแต่ละด่านยังอันตรายอย่างมาก นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักแพทย์เทียนอี พวกเขามีศิษย์สามพันกว่ารุ่น จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีศิษย์คนใดที่ถูกขับไล่แล้วมีชีวิตผ่านด่านออกไปแม้แต่คนเดียว
ศิษย์ทุกคนของสำนักแพทย์เทียนอีต่างทราบดีถึงความน่ากลัวของด่านที่ต้องฝ่าออกไป หลังจากถูกขับออกจากสำนักแพทย์เทียนอี
ผ่านไปครู่ใหญ่ จิ่วหรงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด เรื่องนี้เป็นความประสงค์ของหัวหน้าสำนักแพทย์ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้
เมื่อหนานกงหว่านเอ๋อร์ได้ยินคำพูดประโยคแรกที่จิ่วหรงถามหัวหน้าสำนักแพทย์ นางก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้ยินหัวหน้าสำนักแพทย์พูดว่าจะขับนางออกจากสำนัก นางก็เป็นลมล้มลงไปบนพื้น ไม่มีแม้แต่โอกาสให้ตกใจ
นางเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักแพทย์ ทั้งยังมีผลงานยอดเยี่ยม ตอนนี้… นึกไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในสภาพที่ถูกขับไล่ออกจากสำนัก
จะให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
เมื่อจงจิงเฉินที่เป็นผู้ดำเนินการแข่งขันอยู่บนเวทีเห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์หมดสติไป ก็ตกประหม่าอย่างมาก เขาคิดจะกระโจนไปหาหนานกงหว่านเอ๋อร์ ทว่าเสียงเตือนของจงซูอี้กลับดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“จิงเฉิน เริ่มการแข่งขันได้แล้ว”
จงจิงเฉินหยุดชะงักในทันที พลางมองไปที่หนานกงหว่านเอ๋อร์ซึ่งนอนหมดสติภายใต้แสงแดดแผดเผาโดยไม่มีผู้ใดสนใจ เขาก้าวถอยหลังทีละก้าวอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะประกาศเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
นอกจากหนานกงหว่านเอ๋อร์ที่ถูกคนหามออกไป ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างนั่งลง และผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็พากันเดินเข้ามาในสนาม
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันก้าวขึ้นมาบนสนามแข่งขันทีละคน
ภายในจวนฉีอ๋อง ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม มู่หรงฉีสวมชุดสีแดงเดินออกมาจากจวนเพื่อทักทายญาติมิตร
ขณะที่กำลังเดินออกจากประตู JX3 ก้าวออกมาจากฝูงชน และมายืนอยู่ข้างกายมู่หรงฉี เขาโน้มตัวไปที่ข้างหูของมู่หรงฉีเพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน รวมถึงเรื่องราวไม่คาดคิดบางอย่าง
มู่หรงฉีพยักหน้า
“คุณชายจิ่วก็มาด้วย ดูเหมือน… แผนการของจิ่นซีในครั้งนี้ ไม่สำเร็จไม่ได้แล้ว”
JX3 ไม่พูดอันใดมาก “ฉีอ๋อง นายท่านบอกว่า เรื่องทางสนามแข่งขัน มีนางและเจ้าหุบเขาอู๋อยู่ คงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น หวังว่าเรื่องทางนี้ของพระองค์จะราบรื่นดี”
หากปฏิบัติการของมู่หรงฉีล้มเหลว ต่อให้ด้านของซูจิ่นซีจะสำเร็จ ทว่ามันก็ล้มเหลวอยู่ดี นอกจากนั้นยังตกสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นอีกด้วย
“ฝากบอกนายท่านของเจ้าว่าวางใจได้ ทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อยดี”
JX3 ตอบรับคำและหายตัวไป
มู่หรงฉีออกจากประตูจวนและขึ้นขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ พิธีการและเสียงเพลงบรรเลงขึ้น คณะต้อนรับเจ้าสาวต่างส่งเสียงอย่างคึกครื้น ก่อนจะเดินทางไปยังสำนักโอสถสกุลจง
ระหว่างทาง เสียงประทัดและเสียงกลองดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง