ตอนที่ 541 ปริศนาของสระกายสิทธิ์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินเท้าเข้าไปตลอดทางเดินใต้ดินโดยไม่เผชิญภยันตรายหรืออุปสรรคใด ๆ

ทันทีที่มาถึงห้องลับห้องเล็กแห่งนี้ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงการสนทนาของตัวนิ่มพันปีและจิ้งจอกเก้าหาง เมื่อได้ยินความคิดของพวกมัน ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ยิ้มให้กันทันที

ในเมื่ออสูรคู่รักไม่สนใจโอกาสใต้สระกายสิทธิ์ แน่นอนว่าทั้งสองก็จะไม่ทำให้พวกมันต้องเผชิญปัญหายุ่งยาก

ตัวนิ่มพันปีและจิ้งจอกเก้าหางล้วนเป็นอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงสุดและมีศักยภาพที่จะทะลวงพลังไปสู่ระดับนภาเซียนได้ แม้หานโม่ฉือจะแข็งแกร่งมาก มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้ประชันฝีมือกับพวกมัน

อสูรมายาทั้งสองชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินเข้ามาในห้อง

มนุษย์ทั้งคู่สวมอาภรณ์สีขาวพร้อมกับมีลักษณะท่าทางที่ดูเย็นชา คนหนึ่งรูปงามดุจเทพปั้นในขณะที่อีกคนงดงามสะท้านทั้งใต้หล้า หากไม่ทราบแน่ชัดว่าทั้งสองเป็นมนุษย์เดินดิน เกรงว่าผู้พบเห็นคงคิดไปว่าชายหญิงคู่นี้เป็นเทพที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์เป็นแน่

เมื่อพบกับฉินอวี้โม่ แม้แต่จิ้งจอกเก้าหางที่ภาคภูมิใจในความงดงามของร่างมนุษย์ของตนและคิดว่าตนเองเป็นสตรีที่น่าหลงใหลจนเกินต้านทานนั้น มันก็ยังรู้สึกด้อยค่าและเทียบไม่ติด มนุษย์ผู้นี้โดดเด่นและชวนมองอย่างที่สุด อีกทั้งยังมีลักษณะท่าทางที่สูงส่งสง่างามมากกว่า แม้ความแข็งแกร่งของจิ้งจอกเก้าหางจะเหนือกว่า ทว่าด้วยการฝึกยุทธ์ต่อไป พลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่จะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยอายุที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ เมื่อเวลาผ่านไปมากพอ นางจะพัฒนาจนก้าวข้ามมันไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จิ้งจอกเก้าหางเชื่อมั่นในสิ่งนี้อย่างไร้ข้อกังขา

“น้องจิ้งจอกเก้าหาง บุรุษผู้นั้นคือจอมยุทธ์ขอบเขตนภาเซียนที่ข้ากล่าวถึง สำหรับสตรีผู้นั้น ตัวตนที่แท้จริงของนางคือเทพมายา”

ตัวนิ่มพันปีไม่ปิดบังข้อมูลจากจิ้งจอกเก้าหางและบอกกล่าวตัวตนของหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ให้มันทราบ

เมื่อได้ยินว่าหานโม่ฉือเป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตนภาเซียน จิ้งจอกเก้าหางก็ไม่มีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด มันสัมผัสได้ถึงความล้ำลึกยากเกินหยั่งถึงของหานโม่ฉือตั้งแต่แวบแรกที่เห็น เมื่อตัวนิ่มเปิดเผยว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตนภาเซียน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่าแท้ที่จริงแล้วฉินอวี้โม่คือเทพมายาคนใหม่ จิ้งจอกเก้าหางก็ชะงักไปทันที

ในเมื่อกล่าวว่านางคือเทพมายา นั่นก็หมายความว่านางครองกายวิเศษที่เรียกว่ากายเทพมายา ในฐานะอสูรทรงพลังและมากประสบการณ์ แน่นอนว่ามันทราบเกี่ยวกับกายเทพมายาที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี และมันตระหนักดีว่าการได้เป็นอสูรมายาของเทพมายานั้นหมายความอย่างไร

เมื่อทราบว่าฉินอวี้โม่คือผู้สืบทอดกายเทพมายา แม้ว่าจิ้งจอกเก้าหางจะประหลาดใจไม่น้อย มันก็มิใช่ความจริงที่ยากเกินจะยอมรับ ผู้ที่โดดเด่นในรูปลักษณ์และมีพรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ หากส่วนหนึ่งมิใช่เป็นเพราะกายเทพมายาก็คงยากที่จะเข้าใจได้

จิ้งจอกเก้าหางตกตะลึงไปครู่ใหญ่ก่อนเรียกสติกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม มันยังไม่กล่าวสิ่งใดและรอให้ตัวนิ่มกล่าว

“ท่านทั้งสอง เราไม่สนใจวัตถุหรือสิ่งใดของที่นี่ หลังจากเข้ามาในห้องลับนี้ เราก็มิได้แตะต้องเคลื่อนย้ายสิ่งใด ท่านทั้งสองวางใจได้ เราให้คำมั่นว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องในวันนี้ต่อผู้ใด ตัวตนของท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ในฐานะเทพมายาจะไม่ถูกแพร่งพรายไปถึงหูผู้ใดหรืออสูรมายาหน้าไหนทั้งสิ้น ท่านทั้งสองอย่าได้กังวลเลย”

ตัวนิ่มพันปีกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแสดงถึงทัศนคติที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ แม้ว่ามันจะไม่เคยออกไปเผชิญโลกกว้าง มันก็ทราบดีว่าเทพมายาหมายถึงสิ่งใด แม้ว่าทั้งดินแดนในวันนี้จะถือว่าสงบราบรื่น ทว่าหลังจากนี้มันก็จะมีวิกฤตที่คาดไม่ถึงอีกมากมายปรากฏออกมา เพราะเหตุนั้นมันจึงทราบดีว่าควรกล่าวหรือไม่กล่าวสิ่งใด

“ข้าเชื่อพวกเจ้าทั้งสอง”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะโดยไม่คิดที่จะบังคับให้ตัวนิ่มพันปีและจิ้งจอกเก้าหางกล่าวสัตย์สาบาน นางรู้สึกถูกชะตากับอสูรสองตัวนี้พอสมควรและหมาป่าขนทองกล่าวว่าทั้งสองเป็นอสูรมายาที่ดีและมีคุณธรรม ฉินอวี้โม่จึงเลือกที่จะเชื่อวาจาของพวกมัน

นางจับมือหานโม่ฉือข้างกายก่อนเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าแท่นหินและปล่อยอสูรมายาทั้งสองตัวไปตามทางของพวกมัน

ตัวนิ่มพันปีไม่อ้อยอิ่งเสียเวลาและจับมือจิ้งจอกเก้าหางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อหยุดลงตรงหน้าแท่นหิน ฉินอวี้โม่ก็พบว่ากล่องขุ่นเขรอะใบหนึ่งบนนั้นสะดุดตานางเป็นอย่างมาก

ตลอดเส้นทางก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในปราสาทโบราณหลังนี้ล้วนสะอาดเอี่ยมไร้จุดด่างพร้อย ห้องลับแห่งนี้ก็สะอาดสะอ้านเช่นกัน ทว่ากล่องที่วางอยู่บนแท่นนี้กลับเปื้อนฝุ่นซึ่งดูผิดแปลกเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดไตร่ตรองมากเกินไปขณะหานโม่ฉือยื่นมือออกไปหยิบกล่องใบนั้นมาเปิดออกทันที

กล่องใบนั้นถูกเปิดออกโดยหานโม่ฉือและไม่ได้เกิดสิ่งผิดปกติใด ๆ จากนั้นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้าเขาและฉินอวี้โม่

ภายในกล่องเปื้อนฝุ่นบรรจุม้วนหนังแกะเก่าแก่แผ่นหนึ่งและผลไม้สีเขียวบางอย่างที่ดูจะมีอายุเก่าแก่มากเช่นกัน

หลังจากหยิบของทั้งสองสิ่งออกมาและมองสำรวจอย่างพินิจพิจารณา ฉินอวี้โม่ก็ฉงนไม่น้อย นางมิใช่ผู้หลอมโอสถ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่ทราบว่าผลไม้สีเขียวตรงหน้านี้คือผลของสิ่งใด อย่างไรก็ตาม ผลไม้สีเขียวมีคลื่นพลังบางอย่างที่แกร่งกล้าแผ่ออกมา นางจึงมั่นใจว่าผลไม้ลึกลับนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผลโพธิ์”

หานโม่ฉือมองสำรวจมันครู่ใหญ่และกล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก ‘ผลโพธิ์’ คือผลที่เกิดจากต้นโพธิ์ในตำนานเท่านั้นและมันล้ำค่าอย่างยิ่ง เขาเคยอ่านพบข้อมูลเกี่ยวกับผลโพธิ์ในตำราก่อนหน้านี้ และผลไม้สีเขียวผลนี้ก็ดูจะคล้ายคลึงกับข้อมูลที่ระบุไว้ในตำรา เขาจึงกล่าวออกไปเช่นนี้

เมื่อได้ยินน้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจของหานโม่ฉือ ฉินอวี้โม่ก็อดสงสัยไม่ได้และหยิบม้วนหนังแกะออกมาคลี่เปิดออก หากนางคาดเดาไม่ผิด ม้วนหนังแกะฉบับนี้น่าจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับผลไม้สีเขียวระบุไว้

เมื่อเปิดม้วนหนังแกะออกและพลิกไปมา นางก็พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกระบุไว้ในทั้งสองด้าน

หน้าหลังของแผ่นคือภาพร่างของแผนที่ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเลื่อนสายตาสำรวจอย่างคร่าว ๆ และไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนั้นมาก่อน เมื่อไตร่ตรองดูอย่างดี นางก็คาดว่ามันน่าจะเป็นแผนที่ของมิติพิเศษบางอย่าง

สำหรับด้านหน้าของแผ่นหนังแกะมีอักษรมากมายเขียนไว้ หลังจากอ่านมันอย่างละเอียด ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ตกตะลึงเล็กน้อยทันที

ผลไม้สีเขียวผลนี้คือผลโพธิ์ดังที่คิดไว้และมันถูกเก็บอยู่ที่นี่มานานนับพันปี ผลโพธิ์นี้สามารถช่วยเพิ่มโอกาสของจอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนในการทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตนภาเซียน มันถือเป็นผลไม้ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

แผนที่ที่ระบุไว้ด้านหลังของแผ่นหนังคือแผนที่ของมิติพิเศษ ทว่าไม่มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับมิติดังกล่าว มันเพียงระบุไว้ว่ามีต้นโพธิ์ในตำนานอยู่ในมิติพิเศษนั้น หากต้องการตามหาต้นโพธิ์ จอมยุทธ์จะต้องตามหามิติพิเศษนี้ให้พบเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม ภายในสระกายสิทธิ์แห่งนี้ไม่ได้มีโอกาสที่สามารถช่วยให้จอมยุทธ์ทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตนภาเซียนได้โดยตรง โอกาสที่ว่านั้นคือแผนที่ฉบับนี้และมีความเกี่ยวข้องกับต้นโพธิ์ ต้องกล่าวเลยว่าต้นโพธิ์ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หากตามหามันจนพบได้ เมื่อถึงตอนนั้น จอมยุทธ์จะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตนภาเซียนได้อย่างแน่นอน

ฉินอวี้โม่ไล่อ่านข้อมูลในม้วนหนังแกะอย่างรวดเร็วและพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตามหามิติพิเศษซึ่งมีต้นโพธิ์ดำรงอยู่ก่อน จากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้

“ดูเหมือนว่าหลังออกไปจากที่นี่ เราต้องส่งคนไปสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับแผนที่ฉบับนี้”

หานโม่ฉือบีบมือบางของฉินอวี้โม่เบา ๆ เพื่อย้ำเตือนว่าจะตัดสินใจกระทำสิ่งใดอย่างบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิดไม่ได้

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เข้าใจความหมายของเขาเป็นอย่างดี นางเพียงนึกถึงบุปผาแห่งความมืดที่ถูกคนจากฝ่ายมารฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตาก่อนหน้านี้และอดเป็นกังวลไม่ได้

“ที่นี่ไม่มีอะไรอื่นแล้ว เรากลับกันเถอะ”

บัดนี้เมื่อได้ของจากที่นี่แล้ว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางยิ้มกว้างและจับมือหานโม่ฉือเพื่อเตรียมออกไปจากที่นี่

“ยัยทึ่มเอ๋ย เจ้าลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรกัน ?”

หานโม่ฉือดึงมือฉินอวี้โม่และเดินเข้าไปหยิบกล่องฝุ่นเขรอะที่ถูกทิ้งไว้ที่มุมห้อง

“กล่องที่ใช้บรรจุม้วนหนังแกะและผลโพธิ์เช่นนี้ เจ้าคิดว่ามันจะเป็นกล่องธรรมดา ๆ งั้นรึ ?”

เขากล่าวย้ำเตือนฉินอวี้โม่และนางก็ตระหนักขึ้นมาได้เช่นกัน

นางละเลยประเด็นนี้ไปอย่างแท้จริง กล่องที่บรรจุผลโพธิ์ลึกลับจะเป็นเพียงกล่องธรรมดาไร้ค่าได้อย่างไร ?

ผู้คนกล่าวกันว่าคลอดบุตรครั้งหนึ่งสมองก็จะทึบไปอีกสามปี หรือว่าคำกล่าวนี้จะเป็นความจริง ?

*一孕傻三年 เป็นคำกล่าวที่ว่าผู้หญิงคลอดลูกครั้งหนึ่งก็จะโง่หรือเบลอไปอีก 3 ปี

ฉินอวี้โม่ก็นึกสงสัยเล็กน้อยทว่านางก็ปัดมันไปทิ้งไปอย่างรวดเร็วก่อนจับมือหานโม่ฉือและเดินออกจากห้องนั้นไป

ในขณะเดียวกัน ณ ห้องโถงด้านบน จิ้งจอกเก้าหางก็กำลังกล่าววาจาโน้มน้าวตัวนิ่มพันปี

“พี่ตัวนิ่ม เชื่อข้าเถอะ อย่าลังเลเลย”

จิ้งจอกเก้าหางจับมือตัวนิ่มพันปีและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวนน่าฟัง

เดิมทีพวกมันตั้งใจจะไปจากที่นี่ทันทีที่กลับขึ้นมา ทว่าจิ้งจอกเก้าหางก็ลองมาคิดไตร่ตรองดูอย่างละเอียด จากนั้นมันก็ได้บทสรุปว่ามันต้องการจะเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่

ตัวนิ่มเป็นอสูรมายาที่คุ้นเคยกับอิสรภาพ แน่นอนว่ามันไม่เข้าใจความคิดเช่นนั้นของอีกฝ่าย เพราะเหตุนั้นอสูรทั้งสองจึงหยุดอยู่ในห้องโถงเพื่อหารือกันถึงเรื่องนี้

“น้องจิ้งจอกเก้าหาง เจ้าเองก็ชอบอิสระและไม่อยากตกอยู่ใต้อำนาจใครมิใช่รึ ? เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงมีความคิดเช่นนี้และต้องการเป็นอสูรมายาของเทพมายาขึ้นมาล่ะ ?”

ตัวนิ่มพันปีมองอสูรสาวตรงหน้าด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ

ใช่ว่ามันไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน เพียงแต่ตอนนี้มันฉงนสงสัยยิ่งนัก มันจำได้ว่าจิ้งจอกเก้าหางรักอิสรภาพเป็นที่สุดและไม่เคยยอมปลงใจเป็นอสูรมายาของผู้ใด

ทว่าวันนี้จู่ ๆ มันก็กระตือรือร้นอยากเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ขึ้นมา แน่นอนว่านั่นทำให้ตัวนิ่มพันปีเกิดความงุนงงและไม่เข้าใจเป็นธรรมดา

“พี่ตัวนิ่ม กายเทพมายาจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเรามาก มันไม่มีอะไรเสียหายกับการเป็นอสูรของเทพมายา ยิ่งไปกว่านั้น ข้าชื่นชอบอิสรภาพมากก็จริง แต่ท่านเองก็น่าจะรู้สึกได้ว่าในไม่ช้าดินแดนเทพมายาแห่งนี้จะไม่สงบสุขอีกต่อไป แทนที่จะเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมกระดานโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร การเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองและหาเจ้านายดี ๆ มันก็ย่อมดีกว่า แม้ตอนนี้เทพมายาจะไม่แข็งแกร่งมากนัก ทว่าพรสวรรค์ของนางก็มิใช่สิ่งที่ผู้ใดจะเทียบได้ อีกอย่าง…ท่านก็กล่าวถึงทัศนคติระหว่างนางและหมาป่าขนทองก่อนหน้านี้แล้วที่ปกป้องกันอย่างเต็มที่ หากเรามีนายหญิงเช่นนี้ เราก็น่าจะได้รับโอกาสดี ๆ นั้นเช่นกัน”

จิ้งจอกเก้าหางตัดสินใจแน่วแน่หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ

หลังจากฝึกยุทธ์อยู่ในเทือกเขากายสิทธิ์มานานนับพันปี มันย่อมมีประสาทสัมผัสและไหวพริบว่องไวต่อบางสิ่งบางอย่าง แม้ดินแดนเทพมายาในตอนนี้จะดูสงบนิ่งและคงที่ ทว่ามันก็มีลางสังหรณ์อยู่ในใจเสมอว่าจะเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายไปทั่วทั้งดินแดนในไม่ช้า ในฐานะสมาชิกผู้อาศัยอยู่ในดินแดนเทพมายา แน่นอนว่าพวกมันไม่มีทางหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้

และด้วยความแข็งแกร่งของพวกมัน แม้ไม่ถือว่าอ่อนแอ แต่ก็ยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันอีกมากมาย เมื่อถึงตอนนั้น พวกมันทั้งสองอาจเป็นได้เพียงโล่กำบังกระสุนสำหรับผู้อื่นเท่านั้น

แม้ได้พบปะและสนทนากับฉินอวี้โม่เพียงสั้น ๆ แต่กลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างของนางก็ทำให้จิ้งจอกเก้าหางรู้สึกถูกชะตาอย่างยิ่ง มันรักในอิสรภาพและเชื่อว่าหากเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ มันจะไม่สูญเสียอิสระที่มันต้องการ

เพราะเหตุนั้นมันจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา เพื่อเอาตัวรอดในภายภาคหน้า พวกมันจะต้องเตรียมวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ

หลังจากฟังจิ้งจอกเก้าหางอธิบายจนจบ ตัวนิ่มพันปีก็เข้าใจพอสมควรแล้วว่าเหตุใดจิ้งจอกเก้าหางจึงตัดสินใจเช่นนี้ แน่นอนว่ามันไม่คัดค้านอีกต่อไป จากนั้นอสูรทั้งสองจึงรออยู่ที่ห้องโถงเพื่อรอให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกลับออกมา พวกมันจะได้เปิดเผยความคิดของตนเองออกไป

เมื่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกลับออกมาและได้ยินความต้องการของอสูรทั้งสอง แน่นอนว่าการที่จะได้มีผู้ช่วยที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีกถึงสองชีวิตนั้น ฉินอวี้โม่ไม่มีทางปฏิเสธและเริ่มทำพันธสัญญากับพวกมันในทันที

หลังจากนั้น กลุ่มมนุษย์และอสูรก็มุ่งหน้าออกจากสระกายสิทธิ์และกลับขึ้นไปยังเทือกเขากายสิทธิ์อีกครั้ง

.