มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 586
ตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามาที่สำนักหลัวเทียนแห่งนี้ วิญญาณจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็พลันนิ่งเงียบไปทันที ถึงอย่างไรสี่เจ้ายุทธจักรต่างก็เทียบเท่าการมีอยู่ของมหาจักรพรรดิยุทธ์ สัมผัสนั้นค่อนข้างละเอียดอ่อน หากวิญญาณจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะถูกพวกเขาพบเอาได้

ถึงแม้ต่อให้ถูกสี่เจ้ายุทธจักรสัมผัสได้ ก็ใช่ว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่น่าพึงใจเสมอไป แต่ถึงอย่างไรปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่องย่อมดีกว่าปัญหามากขึ้นหนึ่งเรื่องอยู่แล้ว

หลังจากนั้นสักครู่ เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนก็ขอตัวลาไปก่อน จากนั้น เทพธิดาหานยู่ก็ได้พาลู่เมิ่งเหยาออกไปจากสำนักหลัวเทียนด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะจากกันไป ลู่เมิ่งเหยาและหลัวซิวสบตากันอีกครั้ง ทั้งสองมีเรื่องจะพูดมากมายหลังจากห่างกันไปหลายปี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะคุยกัน

สำหรับเจ้ายุทธจักรมรณาเซียวโป๋ที่ยังคงนั่งอยู่นั้น ร่างนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแต่ตอนสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปนั้น สายตานั้นจ้องเขม็งมายังหลัวซิว

เจ้ายุทธจักรทั้งสามได้ออกไปแล้ว ภายในสำนักหลัวเทียน ก็เหลือเพียงแค่หลัวซิวกับเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเท่านั้น

“หลัวซิว ประลองยุทธ์ครั้งนี้ เจ้ามั่นใจเท่าใดกัน?” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา

ด้วยฐานะผู้แข็งแกร่งระดับอนาคินพรีเมี่ยมยุทธ์ แต่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวกลับดูเหมือนไม่ได้วางท่าอะไร นิสัยก็ดูออกจะเป็นมิตร ทำให้หลัวซิวไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันใดใด

หลัวซิวนั้นไม่ได้รู้ว่าเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวกับเจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนนั้นเดิมพันเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

ได้ยินคำถามนั้นของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว เขาก็ตอบเสียงเข้ม “เข้าถึง20อันดับแรก น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

เมื่อพูดประโยคนี้จบลง หลัวซิวแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ถึงแม้จะพูดกันว่าผู้ที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์นั้นส่วนมากเป็นถึงอัจฉริยะยอดฝีมือที่ผลการฝึกตนต่างก็บรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ แต่เขาก็ยังมีความคิดที่มั่นใจเช่นนั้นอยู่

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มและพยักหน้า “มีความมั่นใจว่าจะได้อันดับที่หนึ่งหรือไม่?”

“อันดับหนึ่ง?”

หลัวซิวเลิกคิ้ว คนที่ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะรุ่นเยาว์อย่างเขา หากบอกว่าไม่มีความปรารถนาที่จะชนะ มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็อายุเพียงแค่21ปี ยังไม่ถึงขั้นเหมือนพวกผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสนใจทางโลกแล้ว

เพียงแค่เขาไม่เข้าใจความหมายของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว ยิ่งไปกว่านั้นอัจฉริยะที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์นั้นก็มีตั้งมาก ถ้าปล่อยให้เด็กหนุ่มที่ไม่มีภูมิหลังได้อันดับหนึ่ง …

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มฝืน ๆ อยู่ในใจ คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมักถูกอิจฉาและตำหนิได้ง่าย ข้อนี้เขารู้ดี

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวราวกับมองความคิดของหลัวซิวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ถึงความกังวลของเจ้าดี เป็นความจริงที่เจ้านั้นอายุน้อยแต่ความคิดราวกับผู้ใหญ่ นิสัยรักสงบและมั่นคง แต่คนหนุ่มสาวก็ควรมีใช้ชีวิตเช่นคนหนุ่มสาว ไม่เช่นนั้นทำไมจึงมีคำพูดว่าพวกเด็กไม่รู้จักคิดกันล่ะ?”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลัวซิวมีความรู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในโลกยุทธ์ที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการยกย่อง จะเป็นเด็กบ้า ๆ ได้ก็ต้องดูด้วยว่าคนคนนั้นมีภูมิหลังอย่างไร

เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์พวกนั้นมีกองกำลังใหญ่หนุนหลัง แน่นอนว่าจะทำตัวเป็นเด็กบ้าก็ย่อมได้ ต่อให้ไปก้าวล่วงใคร หรือก่อเรื่องใหญ่ใด ๆ ตนเองรับไม่ไหว แต่ก็ยังมีกองกำลังที่คอยหนุนช่วยรับมือให้

แต่เหล่าบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่มีภูมิหลัง ทำได้แค่ยับยั้งขอบเขตของตัวเองเท่านั้น พยายามฝึกตน และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

นี่คือวิถีชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในโลกคนธรรมดาหรือในโลกยุทธ์ก็ตาม มันสามารถใช้หลักการนี้ได้ทั้งนั้น

คนหนุ่มสาวที่โดดเด่น แน่นอนว่าย่อมมองเห็นธรรมชาติได้ชัดเจน แต่บางครั้งความสุดโต่งก็จะเข้าตัว ไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน

ในระหว่างที่หลัวซิวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าอยากให้เจ้าขึ้นเป็นที่หนึ่ง จริง ๆ แล้วมันก็มีประโยชน์ต่อเจ้าด้วย ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่า รางวัลที่หนึ่งจากการประลองยุทธ์นั้นมากมายเพียงใด”

หลัวซิวเผยใบหน้าหมดหนทาง สองมือประกบกันพร้อมพูดขึ้น “ข้าน้อยเกรงว่าจะมีชีวิตได้มันมา แต่ไม่มีชีวิตได้ใช้มัน”

“ฮ่า ๆ …” เมื่อเห็นหลัวซิวมีใบหน้าหมดหนทางเช่นนั้น เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ ดูแล้วเจ้าก็คงจะมั่นใจว่าต้องได้ที่หนึ่งเช่นกันถูกหรือไม่?”

ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ผลการฝึกตนของหลัวซิวเห็นได้ชัดว่าเป็นผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้น7 เขาไปเอาความมั่นอกมั่นใจมากจากไหน ถึงกล้าบอกว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะที่หนึ่งของการประลองยุทธ์ได้?