มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 587
ความคิดภายในใจ เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวนั้นก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น เมื่อปีสองปีก่อนเขาก็เพิ่งจะสังเกตถึงเขาเป็นครั้งคราว

จากการตรวจสอบและเข้าใจเกี่ยวกับตัวของหลัวซิว ชายหนุ่มคนนี้น่าจะได้รับโอกาสที่ดีมาก ๆ เมื่อประมาณ12-13ปี จากเด็กธรรมดาคนหนึ่ง กลายเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์

ในเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสิบปี เขาก็สามารสำเร็จกระบวนการกลั่นร่างถึงจักรพรรดิยุทธ์ ความเร็วในการฝึกตนไม่ด้อยไปกว่าเหล่าอัจฉริยะที่เกิดในแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่ถึงอย่างไร เรื่องต้นกำเนิดของแบบนั้นกลับมีโอกาสมากมายที่ไม่สามารถเทียบเท่าได้ แม้ว่าหลัวซิวจะเก่งกาจมาก แต่จากสายตาของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแล้ว เทียบกับเหล่าลูกศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังต่างชั้นกันอยู่บ้าง

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการโดดเด่นจากฝูงชน เพื่อไม่ให้เกิดความริษยาขึ้น”

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวครุ่นคิดเล็กน้อย ค่อย ๆ พูดออกมา “แต่มีการสนับสนุนจากข้า พวกรุ่นเก่าจากกองกำลังต่าง ๆ ก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า”

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวพูดคำพูดนี้ออกมา นั่นหมายความชัดเจนแล้วว่าจะเป็นกองหนุนให้กับหลัวซิว อีกทั้งในฐานะผู้แข็งแกร่งระกับอนาคินพรีเมี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง เป็นความจริงที่เขานั้นครอบครองอำนาจเพียงพอ

แต่ว่าหลัวซิวกลับไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้ บางครั้งถึงกับเกลียดความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้

ทั้งที่เขารู้ว่า ด้วยสถานะของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวไม่มีทางที่จะทรยศ เขาพูดว่าจะหนุนหลังตน แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นไร ต่างก็ต้องมีเรื่องราวอีกด้านอยู่แล้ว?

หลัวซิวแอบวัดสิ่งที่จะได้หรือเสียอยู่ในใจ แอบคิดว่า “เจ้ายุทธจักรอัคคีคนนี้เกิดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวู หากเขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหวูขึ้นมา เขายังจะหนุนหลังตนข้าอยู่หรือ?”

ถึงแม้หลัวซิวจะใช้หัวแม่เท้าคิด ก็สามารถรู้ได้ว่าคำตอบสุดท้ายนั้นคืออะไร

ยากลายร่างมังกรและของขลังชั้นสูงที่เป็นรางวัลที่หนึ่งจากการประลองยุทธ์แน่นอนว่ามีค่าอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับชีวิตน้อย ๆ น้องเขาแล้ว หลัวซิวนั้นรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน

“เจ้าเข้าใจเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างมากน้อยเพียงใด?” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อ

หลัวซิวส่ายหน้าไปมา ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง จำกัดอยู่แค่คำบอกเล่าของฉีฝ่าเทียนเท่านั้น อีกทั้งระดับของฉีฝ่าเทียน ไม่สามารถสัมผัสถึงเรื่องด้านนี้ได้เลย สิ่งที่รู้ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ภาพจำส่วนใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง รู้เพียงแค่อัจฉริยะทุกคนที่มีคุณสมบัติได้รับเลือกให้เข้าไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างฝึกตน ต่างก็สามารถใช้เวลาอันน้อยนิดติดปีกให้ผลการฝึกตนอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“โควต้าเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างมีเพียงแค่20คนเท่านั้น แต่เวลาในการฝึกตนในแดนปริศนา กลับถูกจำกัดด้วยอันดับจากการประลองยุทธ์”

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวยิ้มบาง ๆ “อันดับหนึ่งจากการประลองยุทธ์ สามารถฝึกตนในแดนปริศนาได้สามปี”

“เวลาสามปีอาจจะดูไม่นาน แต่อย่างน้อย ๆ ก็จะสามารถทำให้เจ้ามีหนทางบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ หรืออาจจะมากกว่านั้น”

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวอธิบายข้อดีต่าง ๆ ในการได้ที่หนึ่งจากการประลองยุทธ์ให้หลัวซิวฟัง แต่กลับไม่พูดสักคำว่าหากหลัวซิวได้อันดับที่หนึ่ง แล้วท่านหัวหน้าลาดตระเวนคนนี้จะได้อะไรตอบแทน?

หลัวซิวไม่เชื่อว่าเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวจะเอาใจใส่ตนอย่างไม่มีเหตุผล คำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อให้เขาไปคว้าอันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์ เขาทำถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน

เมื่อหลัวซิวกำลังใช้ความคิดกับเรื่องนี้ เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็พูดออกมาเอง “เจ้ากำลังคิดว่า หากเจ้าได้อันดับที่หนึ่ง แล้วข้าจะได้ได้ประโยชน์อะไรใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความเขินอายทันที

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวหัวเราะออกมา “พูดกันตามความจริง อัจฉริยะทุกคนที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์ เบื้องหลังจะต้องมีคนแนะนำหนึ่งคน และผลการฝึกตนกับสถานะของคนที่เป็นคนแนะนำนั้น อย่างน้อยต้องเป็นแดนเจ้ายุทธจักร”

“ถึงแม้ว่าข้าจะเกิดในแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวู แต่ฝ่ายภายในตระกูลนั้นซับซ้อน ในบรรดากลุ่มต่างๆ ที่ข้าเป็นสมาชิกอยู่ ไม่มีอัจฉริยะคนใดที่โดดเด่น”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ความหมายที่ต้องการจะสื่อของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวก็ชัดเจนขึ้นมาทันที

“ผู้น้อยผลการฝึกตนต่ำนัก เกรงว่าข้าน้อยจะทำไม่ได้ตามความไว้วางใจที่ท่านอาวุโสมอบให้” หลัวซิวกล่าว