ตอนที่ 118-3 เรื่องงุ่มง่ามในงานแต่ง หลานเขยพึ่งพาไม่ได้

จำนนรักชายาตัวร้าย

“พวกเขาเป็นผู้ชาย! ผู้ชายนะต้องอาศัยความสามารถของตนเองเลี้ยงดูลูกเมีย ไหนเลยจะเอาแต่พึ่งพิงทรัพย์สินที่บรรพชนสร้างมา กินแต่บุญเก่าได้อย่างไรกัน!”

 

 

“ต้องการมีเงิน ก็ต้องหามาด้วยตัวเอง!”

 

 

อวี้จิงเหลยแสร้งโกรธเคือง ถลึงตาทำสีหน้าดุดัน

 

 

“ลูกผู้หญิงต่างหากที่ต้องมีทรัพย์สินติดตัวเอาไว้มากหน่อย อีกอย่างหนึ่ง ยิ่งมีทรัพย์สินเดิมที่ติดตัวมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ฐานะในจวนของเจ้าในจวนของสามีก็จะยิ่งสูงขึ้น! แม่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว จึงไม่มีใครคอยสอนเจ้าเรื่องพวกนี้ สรุปก็คือเชื่อปู่ ไม่ผิดแน่!”

 

 

กล่าวจบ อวี้จิงเหลยก็หยิบทรัพย์สินออกมาอีกบางส่วน

 

 

“นี่เป็นทรัพย์สินเดิมของท่านป้าใหญ่ของเจ้าตอนนางแต่งงานเข้ามา จะชั่วดีอย่างไรเจ้าก็เรียกนางว่าแม่มาตั้งนาน กราบไหว้นางมาตั้งหลายปี ทรัพย์สินของนาง เจ้าก็ควรจะมีสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง!”

 

 

ในสายตาของอวี้เฟยเยียน อวี้จิงเหลยทำเช่นนี้ชัดเจนว่าลำเอียงมาทางนาง

 

 

มันจะได้อย่างไรกัน!

 

 

“ท่านปู่ ส่วนนี้เหลือเอาไว้ให้พี่ใหญ่เถอะ! ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อยู่ที่ไหน แต่เขาจะต้องกลับมาในสักวันหนึ่ง!”

 

 

อวี้เฟยเยียนโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ไม่ยินยอมรับเอาไว้

 

 

“ให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ!”

 

 

อวี้จิงเหลยเห็นเช่นนี้ก็ไม่ชอบใจ

 

 

“ลูกชายหลานชายย่อมมีบุญมีวาสนาเป็นของพวกเขาเอง! หากพวกเขาทำมาหากินไม่ได้ ก็หอบเอาลูกเมียให้อดไปเสีย! เจ้าวางใจเถอะ ลูกชายหลานชายสกุลอวี้เราไม่ใช่พวกอ่อนแอขี้ขลาด!”

 

 

กล่าวจบ อวี้จิงเหลยก็เหลือบมองไปที่อวี้เชียนเสวี่ย

 

 

“เชียนเสวี่ย ข้าแบ่งเช่นนี้ เจ้าไม่มีข้อโต้แย้งใช่ไหม!”

 

 

“ไม่มี ไม่มีทั้งสิ้นท่านพ่อ”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยโอบไหล่มู่เหนียนซี สองสามีภรรยาโน้มน้าวอวี้เฟยเยียนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

 

 

“เสี่ยวเยียนเยียน สองสามปีมานี้ข้า ลุงสามของเจ้าก็จัดการทรัพย์สินบางส่วนไปบ้างแล้ว ข้าจะไม่ให้ท่านป้าสามและน้องชายของเจ้าต้องลำบากอยู่แล้ว! ทรัพย์สินพวกนี้เจ้ารับเอาไว้เถอะ!”

 

 

มู่เหนียนซีเองก็ยืนอยู่เคียงข้างอวี้เชียนเสวี่ย ก็พยักหน้าสนับสนุนความคิดของสามีอีกแรง

 

 

“เสี่ยวอวี้ อย่างน้อยข้าก็เป็นโจรสลัดนะ ทรัพย์สินส่วนตัวก็มีไม่น้อย! เจ้าแต่งงานทั้งที ข้ายังควรจะมอบทรัพย์สินให้เจ้าเป็นของขวัญเพิ่มด้วยซ้ำ!”

 

 

“คุณหนูสกุลอวี้ จะต้องแต่งงานออกเรือนไปอย่างสง่างามสมเกียรติ! อย่าให้ใครนำไปเปรียบเทียบได้!”

 

 

“กล่าวได้ถูกต้องที่สุด! เหนียนซี สมแล้วที่เป็นภรรยาที่แสนประเสริฐของข้า! ได้แต่งงานกับเจ้านับเป็นวาสนาของข้าโดยแท้!”

 

 

“จริงหรือ ได้แต่งงานกับเจ้า ข้าก็มีความสุขเช่นกัน!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยกุมมือของมู่เหนียนซีเอาไว้ คนทั้งสองสบสายตากันหวานซึ้ง

 

 

เห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับกุมขมับ

 

 

ลุงสามที่เหนียมอายละ หายไหนแล้ว ทำไมก่อนและหลังแต่งงานถึงได้ต่างกันลิบลับเช่นนี้

 

 

“มากเกินไปจริงๆ นะคะ!”

 

 

นี่มันทรัพย์สินสกุลอวี้เกินกว่าครึ่งเชียวนะ!

 

 

อวี้จิงเหลยทำเช่นนี้ ทำให้อวี้เฟยเยียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ ลูกสาวแต่งงานคือของชดเชยค่าสินสอด

 

 

พูดได้ถูกต้องแล้ว!

 

 

เมื่อแต่งงานออกเรือนไปจึงจะต้องไปพร้อมกับทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบ้าน นับเป็นการค้าขายที่ขาดทุนไม่น้อย!

 

 

“ท่านปู่ ข้าขายยาสมุนไพรได้เงินมากมาย ท่านปู่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลยแม้แต่น้อย! ข้าไม่ขาดแคลนเงินแน่นอน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยังคิดที่จะพูดจาโน้มน้าวอวี้จิงเหลย นางไหนเลยจะรู้ว่าเขาไม่คิดจะฟังนางเลยแม้แต่น้อย

 

 

“เงินที่เจ้าหาได้ นั่นมาจากความสามารถและความอดทนของเจ้า!”

 

 

“ทรัพย์สินที่ปู่ให้ คือน้ำใจของปู่”

 

 

“หลินเจียงอ๋องมีศักดินาและทรัพย์สินมากมายมหาศาล จนแทบจะเทียบเท่าอาณาจักรขนาดย่อมเลยก็จริงอยู่ แต่ว่าระหว่างสามีภรรยาถึงจะสนิทชิดเชื้ออย่างที่สุดแต่ก็เหินห่างที่สุดเช่นกัน ฉะนั้นในมือของเจ้าควรจะมีทรัพย์สินเดิมอยู่บ้าง จึงจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว”

 

 

“มิฉะนั้นหากว่าการเงินไม่คล่องมือ ต่อให้เป็นสามีภรรยา ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่กล้าเอ่ยปาก หรืออาจต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกบ้างละ’

 

 

เห็นอวี้เฟยเยียนขมวดคิ้วลังเล อวี้จิงเหลยก็ทอดถอนใจ

 

 

ลูกสาวของบ้านแต่งงานออกเรือน เดิมทีควรจะเป็นมารดาเป็นผู้สอนสั่ง กำชับนาง แต่หลานสาวที่น่าสงสารของเขาเกิดมาก็ไร้พ่อขาดแม่เสียแล้ว…

 

 

ถึงแม้จะมีมู่เหนียนซีป้าสะใภ้ที่เป็นหญิง แต่นางก็โตกว่าอวี้เฟยเยียนเพียงสามปีเท่านั้นเอง

 

 

เมื่อนึกถึงอวี้เฟยเยียนที่ต้องเผชิญความลำบากต่างๆ นานามากมายตั้งแต่เล็ก อวี้จิงเหลยก็สงสารนางจับใจ จึงได้แต่ใช้วิธีการให้ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นการชดเชย

 

 

อีกอย่าง สองสามวันก่อนซย่าโหวฉิงเทียนส่งสินสอดทองหมั้นมาให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับอันวิจิตรงดงามราคาแพงระยับ ผ้าไหมแพรพรรณ ศาสตราวุธเงินทองที่ล้ำค่าหายาก ทำเอาประชาชนมองกันจนตาลาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งของอื่นๆ ที่ล้วนแต่เป็นของหาได้ยากยิ่ง ยาสมุนไพรล้ำค่า ของวิเศษต่างๆ แห่งศตวรรษอีกเล่า…

 

 

หยิบอันไหนออกมาสักชิ้นก็มีราคาเทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองแล้ว

 

 

สินสอดมีมาตรฐานสูงถึงเพียงนี้ ทรัพย์สินเดิมที่ติดตัวไปจะน้อยหน้าได้อย่างไรกัน!

 

 

นี่มันเท่ากับหน้าของอวี้เฟยเยียนเลยเชียวนะ!

 

 

“เสี่ยวเยียนเยียน เจ้ารับเอาไว้เถอะ!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยรู้จักอวี้จิงเหลยดี จึงช่วยโน้มน้าวอีกแรง

 

 

“ของของสามีไม่แน่ว่าจะเป็นของเจ้า! เหมือนอย่างที่เขาว่าเอาไว้ มีเสบียงในมือ อุ่นใจเสมอ!”

 

 

“ใครบอกท่าน…”

 

 

ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออก

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยืนรูปงามหน้าเย็นชาเรียบนิ่งอยู่ที่หน้าประตู

 

 

นี่มันธรรมเนียมบ้าบออะไรกัน ที่บอกว่าก่อนแต่งงานห้ามบ่าวสาวพบหน้ากัน!

 

 

ดูสิ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน คนในบ้านของแมวน้อยก็พูดจาให้ร้ายเขาลับหลังเสียแล้ว

 

 

“ของของข้าก็คือของแมวน้อย!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะไปฟังคำพูดของอวี้เชียนเสวี่ยเข้า

 

 

“แมวน้อย ทรัพย์สินของพี่ทั้งหมดให้เจ้าถือครองเอาไว้! เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหลนะ!”

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านมาได้อย่างไร”

 

 

เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนปรากฏตัว อวี้เชียนเสวี่ยก็รีบมาขวางหน้าอวี้เฟยเยียนเอาไว้ทันที

 

 

“ก่อนแต่งงาน บ่าวสาวจะห้ามพบหน้ากัน ท่านรับกลับจวนอ๋องไปเดี๋ยวนี้!”

 

 

“ไม่!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวผลักอวี้เชียนเสวี่ยให้ถอยไปอย่างง่ายดาย

 

 

“แมวน้อย เจ้าเชื่อพี่นะ!”

 

 

“อื้ม! ข้าเชื่อท่าน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนพยักหน้า

 

 

ได้ยินเช่นนั้นซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้มีรอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้า

 

 

หลังจากนั้น เขาก็เหลือบมองไปที่อวี้เชียนเสวี่ย

 

 

“ข้าจำท่านเอาไว้แล้ว!”

 

 

น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเชิงข่มขู่อย่างชัดเจน ซย่าโหวฉิงเทียนแค้นฝังใจยิ่งนัก!

 

 

พูดให้ร้ายเขาต่อหน้าแมวน้อย เรื่องนี้เขาไม่มีวันลืมเลือน!

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ข้าเป็นลุงสามของเสี่ยวเหยียนเยียนนะ! เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

 

 

“กร๊อบ…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยืดเส้นยืดสายที่ข้อมือเล็กน้อย

 

 

“คันไม้คันมือ อยากจะขอคำชี้แนะจากท่านสักหน่อย! พอดีเลยจะได้ทดสอบอีกด้วยว่าท่านฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง!”

 

 

กล่าวจบ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หิ้วอวี้เชียนเสวี่ยขึ้นมา แล้วพากันไปที่สนามฝึกทันที

 

 

“เจ้าปล่อยข้าลงนะ!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยไม่เชื่อคำจากปากของซย่าโหวฉิงเทียนที่บอกว่าจะ ‘ขอคำชี้แนะ’ เด็ดขาด

 

 

“นี่เจ้าต้องการแก้แค้น! นี่เจ้าใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว!”

 

 

“ฮ่าๆ!”

 

 

เห็นภาพตรงหน้านี้ อวี้จิงเหลยและมู่เหนียนซีต่างพากันหัวเราะขึ้นมา

 

 

อวี้จิงเหลยเดินเข้ามาหาอวี้เฟยเยียน ตาก็มองดูซย่าโหวฉิงเทียนแล้วเอ่ยขึ้น

 

 

“หลินเจียงอ๋องไม่เลว! เจ้าสายตาแหลมคมยิ่งนัก!”

 

 

รอยยิ้มอย่างยินดีปรีดาของอวี้จิงเหลยนั้นอวี้เฟยเยียนเคยชินเสียแล้ว

 

 

นับตั้งแต่ที่ท่านปู่ถูกซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานไปเมื่อคราวก่อน กองกำลังสกุลอวี้ก็ฮึกเหิมขึ้นมากราวกับมีไฟลนก้นก็ไม่ปาน ทหารมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แม้แต่อวี้เชียนเสวี่ยในตอนนี้ก็ถึงขั้นปลายของระดับจักรพรรดิแล้ว

 

 

ตอนนี้เหล่าทหารต่างก็รอที่จะได้พบต้นแบบของพวกเขา รอคอยที่จะถูกเล่นงานอยู่!

 

 

ซึ่งก็จริงดั่งที่คาด เมื่อถึงมื้อค่ำอวี้เชียนเสวี่ยนั่งจมูกช้ำหน้าบวมอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แม้แต่ตะเกียบยังจับไม่มั่น

 

 

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นมันเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนเลว!

 

 

ทรมานกายเขาถึงเพียงนี้!

 

 

โหดเ**้ยมที่สุด!

 

 

ถึงแม้ซย่าโหวฉิงเทียนอยากที่จะนอนขี้เกียจเป็นเพื่อนอวี้เฟยเยียนอยู่ที่หอซงเฮ่อใจแทบขาด แต่เขาก็ยังแอบเป็นกังวล ในเรื่องความเชื่อที่ว่า ว่าที่สามีภรรยาที่กำลังจะแต่งงานมาพบหน้ากันก่อนแต่งงาน ชีวิตหลังแต่งงานของพวกเขาจะไม่ราบรื่น แล้วเขาจะฝ่าฝืนได้อย่างไร!

 

 

ดังนั้น หลังจากที่ทรมานอวี้เชียนเสวี่ยและกองกำลังสกุลอวี้แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็กลับจวนอ๋องทันที ใช้ชีวิตราวด้วยความทรมานเพราะรู้สึกราวกับว่าช่วงเวลานี้นั้นแสนยาวนานนัก หนึ่งวันราวกับหนึ่งปี จนในที่สุดก็รอคอยจนกระทั่งถึงวันแต่งงานจนได้

 

 

อวี้เฟยเยียนตื่นแต่เช้าตรู่

 

 

เรื่องแรกที่ทำนั่นก็คืออาบน้ำ ล้างความ ‘ซวย’ ออกไปจากร่างกาย ให้ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์พร้อมที่จะแต่งเข้าบ้านสามี

 

 

น้ำบริสุทธิ์ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างดี ที่ด้านบนลอยด้วยกลีบดอกไม้สีแดง น้ำจากสายธารบริสุทธิ์ที่แสนสะอาดและหอมหวนไหลรินผ่านกระบอกไผ่

 

 

อวี้เฟยเยียนอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์