บัดนี้โม่เสี่ยวหยามีมุมมองเกี่ยวกับหลี่ว์ซู่ดีขึ้น แต่หลี่ว์ซู่ก็ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อเงินใช่หรือไม่? เธอพยายามขจัดข้อสงสัยว่าเขาอาจเป็นผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย เขาก็แค่หาเงินระหว่างทางเท่านั้น…
เพราะในท้ายที่สุดก็ยังมีเบาะแสมากมาย หลี่ว์ซู่มาจากเมืองหนานเกิงและทรงพลังแข็งแกร่ง ดังนั้นนางจึงไม่คิดมากจะดีกว่า เมื่อไม่คิด ก็ไม่สงสัย แต่เขาก็จะปฏิบัติกับซุนจ้งหยางและพวกของเขาราวกับเป็นคนโง่เขลาไม่ได้
ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะนำรายละเอียดบางอย่างมาเพื่อขจัดข้อสงสัย เพื่อให้สะดวกในการดำเนินงานตามแผนในอนาคต
หลี่ว์ซู่แอบดูสีหน้าท่าทีของซุนจ้งหยางและพวกของเขาแล้วกล่าวกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า “พวกเขาน่าจะเชื่อ! ความคิดของเธอไม่เลวเลย!”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว” หลู่เสี่ยวอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม หลี่ว์ซู่บอกเธอเกี่ยวกับความกังวลของเขาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าอาหารจากกองทัพหลงเหมิ่งน่าจะมีประโยชน์ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคนปล้นอาหารจากกองทัพหลงเหมิ่งไป ทุกอย่างล้วนอยู่ในมือเธอ!
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้หลี่ว์ซู่พลันตกตะลึงเมื่อเห็นนกจำนวนมากบินออกมาจากป่าข้างทาง จากนั้นก็เหินขึ้นไปรวมฝูงกันบนท้องฟ้า
เสียงนกกระพือปีกบินส่งเสียงดังพึ่บพั่บวุ่นวายไปทั่วราวกับว่ามีอันตรายอยู่ในป่า
ทันใดนั้นสีหน้าท่าทีของซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที ขณะที่หันไปมองดูป่าข้างทางอย่างสงบ “พวกเขาอยู่ที่นี่”
ทุกคนรู้ดีว่าหากคนเหล่านั้นต้องการสังหารพวกเขา ก็จะไม่ยอมเลิกราและต้องโจมตีภายในสามวันนี้อย่างแน่นอน เพราะซุนจ้งหยางและพวกของเขาจะใช้เวลาเพียงสามวันในการฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ
และหลังจากผ่านไปสามวัน บรรดาทาสที่อยู่ข้างหน้าก็ตายไปอย่างไร้ค่า
โมเสี่ยวหยาเอ่ยถามอย่างสงบว่า “พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
เธอเหลือบมองหลี่ว์ซู่ทันที เวลานี้อาการบาดเจ็บของพวกเขายังไม่หายดี และยังไม่มีพลังต่อสู้มากนัก
ศัตรูใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อจ้างพวกทาสให้จัดการลดทอนพลังของซุนจ้งหยางและพวกของเขาจนไม่เหลือพลังต่อสู้มากนัก และเป็นดั่งที่ซุนจ้งหยางกล่าวไว้ ยิ่งพวกเขาใช้พลังต่อสู้มากเท่าใด ตระกูลซุนก็จะยิ่งหาเบาะแสได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น
แต่หากมีมียอดฝีมือระดับหนึ่งปรากฏขึ้น พวกเขาก็จะต้านทานไม่ได้อีกต่อไป
สิ่งที่โม่เสี่ยวหยากังวลมากที่สุดในเวลานี้คือ หลี่ว์ซู่จะทิ้งหน้าที่และหนีไป ต่อให้หลี่ว์ซู่จะเอาชนะได้ก็ตาม เธอก็จะโล่งใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังวางใจคนอย่างหลี่ว์ซู่ไม่ได้จริงๆ
พวกเขาเห็นทหารสวมชุดเกราะในป่ากำลังเฝ้าดูพวกเขาอย่างเย็นชา และดูเหมือนว่ายังมีคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าทหารเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในป่า
ซ่งป๋อรู้สึกไม่ปลอดภัยทันทีที่เห็นทหารสวมชุดเกราะเยียบเย็นของอีกฝ่าย “พวกเขาเป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงเลวร้าย ทำไมพวกเขาถึงทิ้งทางเหนือแล้วลอบมาที่นี่ล่ะ?”
ซุนจ้งหยางยิ่งสงบมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงแล้ว ลูกหลานตระกูลใหญ่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผู้คนคิด แต่ตรงกันข้าม พวกเขามักเป็นหนุ่มน้อยรูปงามที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ในอดีตนั้น ซุนจ้งหยางเคยพบศิษย์อาวุโสผู้หนึ่งของกระท่อมกระบี่และได้รับการยอมรับจากศิษย์ผู้นั้นว่า “มีความอดทน” และสามคำนี้ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมซุนจ้งหยางจึงโด่งดังและกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองหลวง
เพียงเพราะนั่นคือสิ่งที่ศิษย์อาวุโสผู้หนึ่งของกระท่อมกระบี่กล่าวเช่นนั้น
ซุนจ้งหยางกล่าวว่า “อีกฝ่ายคงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงให้ทหารรับจ้างทั้งหมดเหล่านี้มาที่นี่โดยยินดีที่จะจ่ายเงินให้พวกเขา”
หลี่ว์ซู่มองซุนจ้งหยางแล้วถามว่า “พวกเขาได้รับค่าจ้างเท่าไหร่หรือ?”
ซุนจ้งหยางเหลือบมองหลี่ว์ซู่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงว่าภัยมาถึงตัวแล้ว แต่เด็กหนุ่มคนนี้ยังคิดเรื่องเงินอยู่ได้อีก “ไม่เกินเจ็ดล้าน แต่ห้ามยุ่งกับพวกเขา ในหมู่พวกเขามียอดฝีมือระดับหนึ่ง”
หลี่ว์ซู่หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ขาดทุนแล้ว ตอนนี้ฉันจะร่วมมือแก้ปัญหาครั้งนี้กับนายไปก่อน หากฉันฆ่าพวกเขาได้ นายจะให้ฉันเจ็ดล้านใช่ไหม?”
“นายมันบ้าไปแล้วหรือไง?” โม่เสี่ยวหยารู้สึกเหลือเชื่อ “นายให้ค่าของเงินมากกว่าชีวิตของนายอีกหรือ?”
“ฉันขอเพิ่มเงื่อนไขอีกอย่าง” หลี่ว์ซู่ไม่สนใจโม่เสี่ยวหยาแล้วกล่าวต่อไปว่า “เมื่อฉันไปถึงเมืองหลวง ฉันจะเปลี่ยนเงินทั้งหมดให้เป็นสินค้า แล้วนายจะช่วยฉันได้ไหมล่ะ?”
“สินค้าอะไร?” ซุนจ้งหยางฉงน
“แล้วฉันจะพูดให้ฟังอีกครั้งเมื่อถึงเมืองหลวง ฉันสัญญาว่าจะเป็นสิ่งที่นายหาซื้อได้อย่างแน่นอน ฉันไม่อยากได้ดาวบนฟ้า” หลี่ว์ซู่กล่าวพลางยิ้ม
“ต่อให้นายต้องการดาวบนฟ้า พวกเราก็ไม่มีให้” โม่เสี่ยวหยากล่าวอย่างดูถูก
“นั่นสิ ฉันก็มีมันแล้ว” หลี่ว์ซู่กล่าวเล่นตลก
สิ่งที่เขาต้องการจะแลกเปลี่ยนก็คือชุดเกราะเวท
กองทัพอู่เว่ยมีชุดเกราะเพียงพอแล้ว แต่เครือข่ายฟ้ายังขาดอยู่ พวกเขามีชุดเกราะทองแดงเพียงสองหมื่นชุดเท่านั้น แต่หลังจากที่ผู้ฝึกตนกลุ่มใหม่มาจากเจ็ดวิทยาลัยหลัก ก็จะมีคนเพิ่มมากขึ้นถึงหนึ่งแสนคน!
และหลี่ว์ซู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้บัญชาการของกองทัพอู่เว่ยเท่านั้น แต่ยังเป็นราชันฟ้าลำดับที่เก้าแห่งเครือข่ายฟ้าอีกด้วย ก่อนหน้านี้ หลี่ว์ซู่เคยคิดว่าหากทุกคนสวมชุดเกราะแล้ว อัตราการเสียชีวิตของสมาชิกในเครือข่ายฟ้าจะลดลงได้หรือไม่?
หลี่ว์ซู่ตั้งตารอคอย จะเป็นอย่างไรหากสมาชิกของเครือข่ายฟ้าจำนวนหนึ่งแสนคนใช้ชุดเกราะเวทของพวกเขา?
เพียงแต่ในเวลานี้เขายังบอกซุนจ้งหยางตรงๆ ไม่ได้ว่าเขาต้องการชุดเกราะเวท
เพราะมีหลายคนที่รู้จักชุดเกราะของกองทัพอู่เว่ย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะเชื่อมโยงไปถึงกันได้อย่างง่ายดาย
“ตกลง ฉันสัญญากับนาย” ซุนจ้งหยางกล่าว “แต่นายลองคิดดูให้ดี ฉันไม่คิดว่านายจะฆ่าคนเหล่านี้ได้”
โม่เสี่ยวหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าเงินจะสำคัญเท่าชีวิตของนาย อย่ายอมแลกชีวิตของนายเพื่อเงิน”
ไม่มีใครคิดว่าหลี่ว์ซู่จะสังหารคนกลุ่มนี้ได้
และนั่นเป็นผลให้ชั่วขณะนั้น หลี่ว์ซู่พลันกระโดดออกมาจากรถม้าอย่างเริงร่าแล้วกล่าวว่า “พวกนายอยู่ที่นี่ ไม่ต้องห่วง เพราะนายจะได้จ่ายเงินให้ฉันแน่ แล้วสิ่งที่พวกนายกังวลมากที่สุดก็จะไม่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุนี้อย่างแน่นอน” เมื่อกล่าวจบ หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงเข้าไปในป่าข้างๆ
โม่เสี่ยวหยามองไปที่แผ่นหลังของหลี่ว์ซู่ และพบว่าอีกฝ่ายยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม เมื่อคิดถึงว่าก่อนหน้านี้ เขาละโมบขนาดไหน โม่เสี่ยวหยาก็ไม่เข้าใจอีกต่อไปว่าทำไมจึงมีลักษณะที่ขัดแย้งกันเช่นนี้อยู่ในคนคนเดียวกันได้
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ซุนจ้งหยางเชื่ออย่างจริงจังว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกลับออกมาจากป่าได้
เมื่อทหารรับจ้างเห็นหลี่ว์ซู่กำลังเดินตรงเข้ามา พวกเขาก็ถอยกลับเข้าไปในป่าเงียบๆ พวกเขาต้องการสร้างค่ายกลป้องกันในสถานที่ที่พวกเขาจะได้เปรียบมากกว่า
แม้พวกเขาจะได้ข้อมูลมาว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นเพียงยอดฝีมือระดับสองเท่านั้น แต่ที่พวกเขามีชื่อเสียงและยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพวกเขาระมัดระวังและดุร้าย
พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ทรงพลังอำนาจดั่งราชสีห์ แต่เป็นกลุ่มหมาป่าที่ดุร้าย
ซ่งป๋อมองไปยังพวกเขาที่จากไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ก่อนจะยืดกายตรงและโค้งคำนับให้ซุนจ้งหยางพลางกล่าวว่า “กระผมจะไปช่วยพวกเขา แม้จะเป็นพ่อค้า แต่กระผมก็ต้องใช้พลังของตัวเองอย่างเหมาะสมเช่นกัน…”
ซุนจ้งหยางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเกวียนพื้นเรียบและมองซ่งป๋อด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาเคยดูถูกซ่งป๋อในใจเพราะซ่งป๋อเป็นพ่อค้าที่ให้ความสำคัญกับกำไรมาก แต่บัดนี้อีกฝ่ายได้สร้างความประทับใจ และทำให้เขามีพลังขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าก่อนที่ซ่งป๋อจะก้าวออกไป และก่อนที่ซุนจ้งหยางจะทันได้กล่าวอะไรออกมา เขาก็เห็นหลี่ว์ซู่ที่จู่ๆ ก็หันกลับมาทันทีแล้วกล่าวว่า “หากนายอยากมา นายก็ต้องจ่ายเงิน!”
ทันใดนั้นซ่งป๋อก็รู้สึกราวกับถูกปรามาส…
“ได้แต้มอารมณ์จากซ่งป๋อ+666…”
สวีมู่จวินนั่งเท้าคางอยู่บนรถม้าและมองไปทางด้านหลังของหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่เดินจากไป ในอดีตคนในชุดพิธีการผู้นั้นเคยบอกว่าเธอจะโชคดี
ในเวลานั้น สวีมู่จวินไม่เชื่อ ทว่าบัดนี้เธอเชื่อแล้ว
ตอนต่อไป →