เดิมทีหลี่ว์ซู่สงสัยอยู่ว่าเหตุใดจักรวาลหลี่ว์จึงไม่ใช้ทองคำและเงินเป็นสกุลที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนไปทั่วทั้งจักรวาลหลี่ว์ ในตอนแรกพวกเขาใช้หินวิญญาณ และหลังจากกำหนดมาตรฐานสกุลเงินแล้ว พวกเขาก็ใช้เงิน แล้วตอนนี้พวกเขายังจะใช้เข็มเงินเพื่อทดสอบพิษได้อย่างไรกัน
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เขาก็ตระหนักว่า ราชันองค์เก่าได้คัดลอกสิ่งนี้มาจากซ้องกั๋งเล่มหนึ่ง…
หลี่ว์ซู่พยายามอธิบายหลักการใช้เข็มเงินเพื่อทดสอบพิษให้ทุกคนฟัง โดยบอกว่ามันไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ถูกต้อง แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่าเขาอธิบายให้ซุนจ้งหยางและพวกของเขาเข้าใจไม่ได้เพราะฐานระดับการศึกษาของพวกเขา
ซุนจ้งหยางเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เขาโดดเด่นทั้งด้านคุณธรรมและการศึกษาในสำนักศึกษาหลวง เขาจึงไม่เคยคิดว่าหลี่ว์ซู่จะปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเขาเป็นคนไร้การศึกษา …
“เวลานี้ไม่มีทางที่จะทดสอบพิษได้” ซุนจ้งหยางกล่าว “แต่ฉันจะไม่ยอมให้ใช้ชีวิตมนุษย์มาทดสอบพิษอย่างแน่นอน! ตระกูลซุนจะไม่มีทางวางเดิมพันด้วยชีวิตมนุษย์!”
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ตระหนักว่าสีหน้าของเด็กสาวที่อยู่โดยรอบซุนจ้งหยางพลันเปลี่ยนไป ดวงตาของพวกเธอล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมซุนจ้งหยางและยินดีที่จะทุ่มเทชีวิตให้เขา
หลังจากที่เกิดปัญหาขึ้น ก็เห็นได้ชัดว่าระหว่างซุนจ้งหยางและกลุ่มสหายเจ้าสำราญคนอื่นๆ ของเขามีความแตกต่างกันมาก หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกพอใจ อันที่จริง เขาค่อนข้างชื่นชมซุนจ้งหยาง เพราะในอดีตนั้น เขาเคยคิดว่าคนเมืองหลวงเป็นคนที่ไม่ได้คำนึงถึงชีวิตมนุษย์มากนัก
หลี่ว์ซู่ยักไหล่พลางกล่าวว่า “หากนายไม่อยากทดสอบหาพิษ ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่กินอาหารจากภายนอกอย่างแน่นอนใช่ไหม?”
ซุนจ้งหยางพยักหน้า “ใช่ แต่อาหารในกองคาราวานหมดแล้ว พวกเราต้องหาทางแก้ไข”
“พวกเราก็อดอาหารไม่ไหวเหมือนกัน” โมเสี่ยวหยาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกกังวลมาก “ต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกครึ่งเดือนกว่าจะไปถึงเมืองหลวง”
“แต่หากไม่มีการทดสอบหาพิษ พวกเราก็กินอาหารจากภายนอกไม่ได้จริงๆ” ใครบางคนกล่าวขึ้นมา
บัดนี้เรื่องไส้ศึกและอาหารกลายเป็นความกังวลของกองคาราวานแล้ว แต่ก็ควรวางปัญหาเรื่องไส้ศึกเอาไว้ก่อน เวลานี้อาหารเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่สุด
ทันใดนั้นก็มีคนตระหนักว่า แม้พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงรู้สึกดีอยู่ พวกเขาจะเศร้าซึมในชั่วข้ามคืนไปทำไม? ด้วยเหตุผลอะไรล่ะ?
เมื่อทุกคนใคร่ครวญอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักว่าเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลี่ว์ซู่…
หลี่ว์ซู่บอกเรื่องไส้ศึกกับพวกเขา และยังบอกพวกเขาว่าอาหารอาจมีพิษอีกด้วย เขาจงใจสร้างความตื่นตระหนกในกองคาราวานใช่หรือไม่? แต่เขาทำอย่างนี้ทำไม?
โม่เสี่ยวหยาครุ่นคิดพลางกะพริบตามองคนอื่นๆ พวกเขาเคยกังวลมาก่อนว่า เล่ออี๋หลี่ว์ผู้นี้จะถูกซื้อตัวไปหรือไม่ เพราะด้วยท่าทางละโมบของเขา จึงไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้!
ดังนั้นตอนนี้ ซุนจ้งหยางและพวกของเขาจึงสงสัยว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนจงใจสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นภายในกองคาราวานหรือไม่!
ซุนจ้งหยางถามหลี่ว์ซู่อย่างสงบนิ่งว่า “แล้วนายคิดว่าตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรล่ะ?”
เขาต้องการผลักปัญหาไปให้หลี่ว์ซู่เพื่อพยายามหาเบาะแสจากวิธีแก้ปัญหาของเขา!
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็มองซุนจ้งหยางและคนอื่นๆ เป็นเวลาสองวินาทีก่อนจะกล่าวออกมาว่า
“ราคาอาหารของฉันยุติธรรมและเหมาะสม และมีปริมาณเพียงพอสำหรับทุกคน…”
“ได้แต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง +777!”
“ได้แต้มอารมณ์จากโม่เสี่ยวหยา +999!”
“จาก…”
ซุนจ้งหยางและโม่เสี่ยวหยาพลันโกรธจัด เวลานี้ทุกคนต่างสงสัยว่าเหตุใดหลี่ว์ซู่จึงพยายามสร้างความตื่นตระหนกในกองคาราวาน แต่ในขณะที่ทุกคนต่างพากันนึกถึงเหตุการณ์ในกรณีเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลี่ว์ซู่กลับใช้ความพยายามอย่างมากเพียงเพื่อขายอาหารของเขาเท่านั้น!
โม่เสี่ยวหยาหัวเราะเยาะหยันแล้วกล่าวว่า “ความละโมบของนายช่างมากมายจนฉันคาดไม่ถึงจริงๆ แล้วเงินเพียงเล็กน้อยจากการขายอาหาร มันคุ้มค่ากับความพยายามทั้งหมดนี้หรือ?”
หลี่ว์ซู่พลันงงงวย “คิดว่าฉันจะได้เงินเพียงเล็กน้อยจากการขายอาหารหรือ?”
“ทำไม? หรือว่านายกำลังคิดที่จะขายอาหารธรรมดาของนายในราคาสูงเสียดฟ้าล่ะ?” โม่เสี่ยวหยากล่าวพลางหัวเราะเยาะ
หลี่ว์ซู่อธิบายอย่างอดทนว่า “เธอไม่รู้จักฉันดีพอ…”
“ได้แต้มอารมณ์จากโม่เสี่ยวหยา +666!”
คนในกองคาราวานการค้าทั้งหมดล้วนรู้สึกแปลกใจมาก ซ่งป๋อเองก็รู้สึกว่าตั้งแต่หลี่ว์ซู่เข้ามาในกองคาราวานก็มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายไม่หยุด
เมื่อหลี่ว์ซู่กล่าวถึงการขายอาหาร ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อาจมีคลังไร้รูปเพื่อเก็บอาหาร
และเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวตนของหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จึงยิ่งลึกลับมากขึ้น
เดิมทีโม่เสี่ยวหยาเคยกล่าวว่า เป็นเพราะหลี่ว์ซู่ยากจน เขาจึงโลภมาก แม้ว่าพลังของหลี่ว์ซู่จะลึกล้ำสุดหยั่ง แต่ก็ไม่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์ใดๆ พวกเขาสัมผัสได้ว่าหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มักจะรู้สึกแปลกใหม่ในหลายสิ่งหลายอย่าง
แต่บัดนี้…พวกเขาย่อมไม่ใช่ธรรมดา เพราะมีแม้กระทั่งคลังไร้รูป!
แม้แต่ซุนจ้งหยางก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งอย่างเป็นทางการยังได้รับเพียงแหวนมิติเป็นของขวัญจากตระกูลเท่านั้น
ในบรรดาพวกเขาทั้งสิบสองคน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีคลังไร้รูป อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างก็ไม่ใช่ลูกหลานเพียงคนเดียวในตระกูล
การได้ครอบครองคลังไร้รูปกลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างบรรดาเด็กๆ ในเมืองหลวง หากเด็กคนใดมีคลังไร้รูป ย่อมหมายความว่าพวกเขามีความสำคัญมาก และมีพลังอำนาจในตระกูลของพวกเขาอย่างแท้จริง
แต่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับมีของหายากเช่นนี้…และยังไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น!
ในตอนแรกเมื่อหลี่ว์ซู่สังหารยอดฝีมือระดับสองเจ็ดคน เขาคิดว่าจะได้รับคลังไร้รูปสักหนึ่งหรือสองชิ้นแต่ก็ไม่ได้เลย
แต่ความจริงแล้ว มีแหวนมิติวงหนึ่งที่หลี่ว์ซู่เก็บเอาไว้ตลอดเวลา มันคือแหวนมิติที่ได้รับมาเมื่อเขาสังหารฮาเวิร์ด
และยังมีหน้ากากที่ช่วยให้หลี่ว์ซู่เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ ซึ่งมีพื้นที่มิติอยู่ภายในนั้นเช่นกัน แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่คิดที่จะใช้มันเป็นคลังไร้รูป
ดังนั้น…อันที่จริงแล้ว ต่อให้รวมความมั่งคั่งของซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับความมั่งคั่งของหลี่ว์ซู่ แต่ซุนจ้งหยางและพวกของเขาย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างแน่นอน…
และในท้ายที่สุด ซ่งป๋อก็ใช้เงินสองสามแสนหยวนเพื่อซื้อเสบียงสามร้อยกิโลกรัมและผักดองจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋
แล้วทันใดนั้น โม่เสี่ยวหยาและคนอื่นๆ ก็เห็นคำว่า “กองทัพหลงเหมิ่ง” สีแดงประทับอยู่บนถุงเสบียง
โม่เสี่ยวหยาจึงกระซิบกับซุนจ้งหยางว่า “เช่นนั้น เขาก็เป็นสมาชิกของกองทัพหลงเหมิ่ง!”
กองทัพอู่เว่ยฉกชิงอาหารมาจากสองกองทัพ หนึ่งคือกองทัพหลงเหมิ่ง และอีกหนึ่งคือกองทัพขุนนาง หากพวกเขาปล้นเสบียงจากกองทัพขุนนางภายใต้ความวุ่นวาย แล้วบนถุงเสบียงที่พวกนั้นมีตราประทับของกองทัพขุนนางอยู่ เช่นนั้น ตัวตนของหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็จะถูกเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปล้นเสบียงจากกองทัพหลงเหมิ่ง ก็ได้ฝังรถบรรทุกลงไปใต้ดิน แม้แต่กองทัพหลงเหมิ่งก็ยังคิดว่าถูกกองทัพเฮยอวี่ปล้นไป ดังนั้นพวกเขาจึงกวาดล้างไส้ศึกของกองทัพเฮยอวี่ จนในที่สุดก็นำไปสู่สงคราม…
ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่า ความจริงแล้ว กองทัพหลงเหมิ่งถูกกองทัพอู่เว่ยปล้นเสบียงไป…
และในเวลานั้น กองทัพหลงเหมิ่งและกองทัพเฮยอวี่จึงต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดสาด ในขณะที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ยังคงรู้สึกว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในมือเธอ…
“มันน่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นจะมีอาหารจากกองทัพหลงเหมิ่งได้อย่างไรกัน?” ซุนจ้งหยางพยักหน้า “เป็นไปได้ว่าเขาอาจฝึกฝนอยู่ในกองทัพหลงเหมิ่ง”
บัดนั้นซุนจ้งหยางก็เชื่อมั่นว่า หลี่ว์ซู่มาจากภูเขาด้านหลังของกระท่อมกระบี่และเคยอยู่ในกองทัพหลงเหมิ่ง
“ไม่แปลกที่เขายินดีทรยศต่อผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย ว่ากันว่า กองทัพหลงเหมิ่งไม่พอใจกองทัพอู่เว่ยที่เฝ้ามองปัญหาในระหว่างที่พวกเขาถูกฝ่ายตรงข้ามปิดล้อมอย่างเฉยเมย” และในที่สุดซุนจ้งหยางก็พบสาเหตุที่สมเหตุสมผลสำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว…
แต่โม่เสี่ยวหยากลับขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เขาแค่ทำเพื่อเงินเท่านั้น!”