บทที่ 61 แผนร้ายถูกเปิดเผย

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1

บทที่ 61 แผนร้ายถูกเปิดเผย โดย Ink Stone_Romance

ป้าจางถลึงตา “เจ้าพูดพล่อยอะไร ข้าอยู่บ้านอาหวั่นทั้งคืน อาหวั่นหลับจนถึงเมื่อครู่ น้องไป๋ตะโกนเสียงดังนางจึงตื่น”

นางจ้าวออกจากบ้านไปราวยามห้า ที่เป็นสิ่งที่จ้าวเป่าเม่ยยืนยันกับผู้ใหญ่บ้าน แต่ป้าจางไปบ้านของอวี๋หวั่นตั้งแต่ยามสี่ นางอยู่ที่นั่นตลอด ไม่เห็นว่าอวี๋หวั่นออกไปไหน

เพราะฉะนั้น สิ่งที่จ้าวเป่าเม่ยกล่าวหาอวี๋หวั่นนั้น เมื่อพิจารณาจากเวลาดูแล้ว นับว่าไม่สัมพันธ์กัน

จ้าวเป่าเม่ยระเบิดโทสะ “ใครจะไปรู้ว่านางโกหกหรือไม่ ท่านรับเนื้อจากนางมา อย่าคิดว่าข้าไม่รู้!”

ฝูงชนหันขวับไปมองป้าจางทันที!

ป้าจางชะงัก

เรื่องนั้นเกิดขึ้นในวันที่นางเจียงเพิ่งฟื้นขึ้นมา นางเจียงบุกไปหานางจ้าว ป้าจางกลัวว่านางเจียงจะถูกรังแก จึงรีบนำเรื่องนี้ไปบอกอวี๋หวั่นและอวี๋เฟิง อวี๋หวั่นรู้สึกขอบคุณ จึงมอบเนื้อให้นางสองจิน

ที่จริงเรื่องนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่ แต่ปมสำคัญถูกเปิดเผย ก็ยากที่คนจะไม่สงสัยว่านางช่วยปกป้องอวี๋หวั่น เพราะนางใกล้ชิดสนิทสนมกับคนสกุลอวี๋

ยิ่งไปกว่านั้น…เนื้อเหล่าที่นางได้รับก็เป็นเนื้อราคาสูงเสียด้วย!

แม้ชาวบ้านจะไม่กล่าวอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกอิจฉา

ป้าจางสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจากฝูงชน ใคร่จะอธิบาย แต่ก็กลัวว่ายิ่งอธิบาย สถานการณ์จะยิ่งแย่ลง

โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าใจสถานการณ์ดี เขามิได้ถูกเนื้อวัวชิ้นอวบอ้วนบังตา จึงเอ่ยปากพูดว่า “ที่เจ้าบอกว่าอาหวั่นทำร้ายแม่เจ้า ข้าใคร่ถามนางสักหน่อยว่าเหตุใดจึงทำร้ายแม่เจ้า”

หากกล่าวว่าเป็นเพราะเรื่องครั้งก่อน นั่นก็ผ่านไปนานแล้ว อีกทั้งนางจ้าวได้ชดใช้แก่สกุลอวี๋ด้วยหมูหนึ่งตัว นั่นก็นับว่าเรื่องจบแล้ว

ผู้ใหญ่บ้านไม่คิดว่าคนสกุลอวี๋จะมีอะไรที่ไม่พอใจอีก และนั่นก็เป็นเรื่องจริง

ในทางกลับกัน นางจ้าวได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังต้องเสียหมูไปอีกหนึ่งตัว ดูแล้วนางมีโอกาสจะทำร้ายคนได้มากกว่าเสียด้วยซ้ำไป

สายตาคมกริบของผู้ใหญ่บ้านไปหยุดที่ใบหน้าของจ้าวเป่าเม่ย

นางกำหมัดแน่น ตวัดสายตาไปหานางเจียงและอวี๋หวั่น

ใบหน้าของนางเจียงช่างไร้เดียงสา

สายตาของอวี๋หวั่นช่างเย็นชา

ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลย!

จ้าวเป่าเม่ยยังคงอึดอัดใจ แต่นางก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องราวที่ตนแอบได้ยินมา เพราะหากพูดออกไป ก็จะมิอาจปิดบังเรื่องที่นางจ้าววางแผนให้อวี๋หวั่นถูกจับใส่กรงหมูได้เช่นกัน

ทว่าจ้าวเป่าเม่ยเปลี่ยนใจ ท่านแม่ของนางอยากให้นางแพศยานี่ถูกจับใส่กรงหมูแล้วอย่างไร? ไม่ใช่เพราะนางทำเรื่องที่สมควรถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำหรอกหรือ?

ท่านแม่ของนางเปิดโปงอวี๋หวั่นเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านถูกหลอกอีกต่อไป ท่านแม่ของนางไม่ผิด คนผิดคือนางเลวนั่น!

อวี๋หวั่นมองไปยังสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ของจ้าวเป่าเม่ย จึงคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องกำลังคิดจะทำอะไรอยู่แน่นอน

นางเจียงก็มองจ้าวเป่าเม่ยอย่างระโหยโรยแรง แล้วจึงก้มหน้าลูบพู่ด้ายต่อ

ท่าทางประหนึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนของทั้งสอง กลับทำให้จ้าวเป่าเม่ยโกรธยิ่งกว่าเดิม และทำให้ความกลัวซึ่งอยู่ลึกภายในจิตใจของนางพลันสูญสิ้นไปด้วย

นางกวาดสายตามองผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านซึ่งเบียดเสียดกันอยู่ในโถงกลางบ้าน สายตาของนางมาหยุดที่อวี๋หวั่น “เมื่อวานท่านแม่ข้าได้ยินเรื่องเรื่องหนึ่ง เช้ามืดวันนี้จึงไปยังทางเข้าหมู่บ้าน เดิมทีตั้งใจว่าจะตีระฆัง นำเรื่องไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ แต่มีคนไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จึงผลักแม่ข้าตกบ่อน้ำ!”

นางกล่าวพลางมองไปยังอวี๋หวั่น แม้ไม่บอก ชาวบ้านย่อมรู้ได้ว่านางกำลังพูดถึงใคร

ฝูงชนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังอวี๋หวั่น

สีหน้าของอวี๋หวั่นไม่ได้ปรากฏความกังวลแม้แต่น้อย “แม่เจ้าไปรู้เรื่องอะไรมาล่ะ?”

“แม่ข้า…”

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

จ้าวเหิงออกมาจากในบ้าน

จ้าวเป่าเม่ยถลึงตาใส่พี่ชายของตนด้วยความโมโห “เมื่อไรกันที่ท่านเข้าข้างนางคนชั่วนี่! ท่านไม่ให้ข้าพูด! ข้าก็จะพูด!”

นางมองไปยังจ้าวเหิง แต่นิ้วมือกลับชี้ไปทางอวี๋หวั่น “นางเคยเข้าไปอยู่ในหอคณิกา! นางไม่บริสุทธิ์มาตั้งแต่แรกแล้ว! ไม่รู้ว่าถูกชายอื่นสัมผัสมาเท่าไร! ยังอยากจะแต่งเข้าสกุลจ้าวของพวกเราอีก ไร้ยางอายสิ้นดี!”

เมื่อนางพูดออกไป ทุกคนก็ล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง

เป็นเรื่องจริงหรือ? อาหวั่นผู้นี้เข้าไปในหอคณิกาจริงหรือ?

“เรื่อง…เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร” ผู้ใหญ่บ้านพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ

จ้าวเป่าเม่ยเชิดคางขึ้น “ก็ตั้งแต่ที่นางไปบ้านท่านยายอย่างไรเล่า! นางหลอกพวกเราเสียสนิท! ไปอยู่ในหอคณิกามาหนึ่งปี แต่กลับบอกว่าไปบ้านท่านยายมา!”

อาหวั่นกลับหมู่บ้านมาเมื่อสองปีที่แล้ว ได้เงินจากไหนไม่รู้มาเป็นกอบเป็นกำ เดิมทีผู้คนก็คิดว่าท่านยายของนางให้มา ใครจะไปคิดว่าที่แท้ก็ได้เงินมาจากหอคณิกา?

แต่คิดไปคิดมา เงินทั้งหมดก็ล้วนถูกใช้ไปกับจ้าวเหิง

เงินค่าเรียนของจ้าวเหิง แท้จริงแล้วได้มาจากเงินจากการขายตัวของว่าที่ภรรยา เรื่องนี้ออกจะน่าอึดอัดใจไปสักหน่อย

ใบหน้าของจ้าวเหิงเปลี่ยนเป็นสีแดงอมเขียว ที่เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ก็เพราะหากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ตัวเขาเองก็จะกลายเป็นที่ขบขันของชาวบ้าน

เขาเพียงแต่จะรออีกสักพัก ให้อาหวั่นยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จากนั้นก็จะสามารถหย่าขาดกับครอบครัวนั้นได้ แต่ก็ต้องขอบคุณน้องสาวซื่อบื้อ บัดนี้แผนการของเขาป่นปี้ไปเสียแล้ว!

จ้าวเป่าเม่ยไม่รู้ว่าหายนะที่ตนได้สร้างไว้นั้นเลวร้ายเพียงไร นางมองไปยังอวี๋หวั่นด้วยสีหน้าของผู้ชนะ “เป็นอย่างไรเล่า? ไม่มีอะไรจะพูดเลยรึ?”

เรื่องนี้ จ้าวเหิงและอวี๋หวั่นเป็นเสมือนตั๊กแตนที่เกาะอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน คนหนึ่งรอด ก็รอดด้วยกัน อีกคนหนึ่งตาย ก็ตายด้วยกัน

จ้าวเหิงหน้าเสียถึงขีดสุด อวี๋หวั่นเองก็มิได้ดีไปกว่ากัน เธอนั้นน่าเวทนากว่าเขาสักหน่อย เพราะหากเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง โอกาสที่เธอจะถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำนั้นมีถึงแปดเก้าส่วน

นางเจียงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ลูกสาวข้าไม่ได้ไปหอคณิกา”

จ้าวเป่าเม่ยมองไปยังชาวบ้านซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ข้าขอถามทุกคนสักหน่อย มีผู้ใดเชื่อบ้าง?”

แน่นอนว่า…ไม่เชื่อ

นางเจียงถามด้วยท่าทางอ่อนแอ “เจ้าบอกว่าอาหวั่นไปอยู่ในหอคณิกา มีหลักฐานหรือไม่?”

สมองของจ้าวเป่าเม่ยโลดแล่น “เจ้าบอกว่านางไปบ้านท่านยายมา ก็ไม่มีหลักฐานเหมือนกัน!”

นางเจียงพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านเชื่อเพียงครึ่งเดียว แต่เมื่อเห็นปฏิกริยาของนางเจียง ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อไปแล้วแปดในสิบส่วน

“ท่านแม่ ไม่เป็นไร” ทันทีที่อวี๋หวั่นแตะไหล่ของนางเจียงซึ่งโกรธจนตัวสั่น พร้อมกับปลอบนางเบาๆ นั้น ไม่ไกลออกไป ก็มีเสียงดังขึ้นครั้งหนึ่ง

ฟังจากทิศทางของเสียงแล้ว น่าจะมาจากบ้านของซวนจื่อ

บิดาของซวนจื่อวิ่งออกไป เพียงครู่เดียว ก็ร้องโหยหวนออกมา “วัวของข้า…วัวของข้าาาาาาาา”

หลังคาคอกวัวของบ้านซวนจื่อมีหิมะสะสมมากเกินไป จนทำให้รับน้ำหนักไม่ไหว และถล่มลงมาทับวัว

มันเป็นวัวเพียงตัวเดียวของหมู่บ้านเหลียนฮวา ปีก่อนมีสามตัว หนึ่งตัวป่วยตาย อีกตัวหนึ่งแก่ตาย ตอนนี้เหลือวัวของบ้านซวนจื่อเพียงตัวเดียว

วัวตัวนี้สามารถนำมาใช้ลากคันไถในฤดูเพาะปลูก และใช้เทียมเกวียนนอกฤดูเพาะปลูก ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากไม่มีมันอยู่ ที่ดินในหมู่บ้าน กิจการของคนในหมู่บ้าน รวมไปถึงคนในหมู่บ้านที่มากถึงเพียงนั้นจะทำอย่างไรต่อไป

เรื่องคอขาดบาดตายถึงเพียงนั้น ฝูงชนมิได้สนใจจะซักไซ้อวี๋หวั่นอีกต่อ พวกเขาไปยังบ้านของซวนจื่อ และช่วยวัวที่ถูกฝังกลบอยู่ใต้หลังคาออกมา

ทว่า เจ้าวัวได้รับบาดเจ็บ มันนอนกองอยู่บนพื้น ร้องด้วยความเจ็บปวด

…………………………………..