ภาคที่ 4 บทที่ 155 กระดาษขาว

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 155 กระดาษขาว

การปรากฏตัวของมือลึกลับและการหายตัวไปอย่างกะทันหันทำซูเฉินตกใจไม่น้อย

ทันใดนั้นเขาก็ใช้ดาบหั่นภูผาผ่าลงพื้นไปด้วยความโกรธ “จงเปิดออก !”

ตู้ม !

พลังบ้าคลั่งทะลวงลงพื้นแล้วระเบิดออก แยกผืนดินออก เศษดินกระจายไปทั่ว พื้นราบกลายเป็นหลุมใหญ่ในทันที

ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร แต่หากกล้าชิงของจากข้า ก็ต้องตายเสีย !

เมื่อพลังกระจายลงพื้น ก็เกิดเป็นริ้วแสงสีขาวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วนัก

“คิดหนีหรือ ? อยู่กับข้าจะดีกว่า !”

ซูเฉินตวัดดาบ

ฟ้าคำรามลั่น เกิดเป็นสายฟ้าแลบ

สายฟ้าคือสิ่งที่รวดเร็วที่สุดบนทวีปต้นกำเนิด

สายฟ้าคลั่งปะทะริ้วแสงสีขาว เกิดประกายไฟกระเด็นออกมา สุดท้ายก็ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวไว้ได้

ซูเฉินเข้าประชิดตัว ใบหน้าระบายไปด้วยไอสังหาร “ตายเสีย !”

ดาบหั่นภูผาตวัดลงมา คลื่นพลังต้นกำเนิดบ้าคลั่งถูกปลดปล่อย หนาแน่นจนกลายเป็นเยือกเย็น

ริ้วแสงสีขาวรีบหยุด ส่งผลให้ซูเฉินเห็นว่ามันมีร่างคล้ายมนุษย์ที่พันแผลไปทั้งตัว ราวกับเป็นมัมมี่ แต่ก็มีความต่างเห็นชัดอยู่บ้าง เพราะสิ่งที่พันร่างมันทำมาจากกระดาษ ตรงส่วนที่ควรเป็นใบหน้ามีเพียงความว่างเปล่า

ตุ๊กตากระดาษขาว !

ดาบหั่นภูผากำลังเข้าปะทะตุ๊กตากระดาษขาว เจ้าตุ๊กตาพลันขยับร่าง ปล่อยม้วนกระดาษขาวนับไม่ถ้วนออกมาลอยพลิ้วคล้ายริบบิ้นยาวสีขาว พวกมันพันดาบหั่นภูผา สะกดการเคลื่อนไหวเอาไว้ได้

“น่าสนใจนี่” ซูเฉินพึมพำ “ผงาดขึ้นมา !”

เพลิงเงายังโหมทรงพลังต่อไป

นับตั้งแต่ซึมซับผลึกต้นกำเนิดไฟของเจ้าอสูรกายเข้าไป พลังไฟของเขาก็แกร่งขึ้นมาก กระดาษขาวถูกเผากลายเป็นจุณทันที

แต่ชั่วพริบตาต่อมา คลื่นพลังต้นกำเนิดรุนแรงก็ระเบิดออกมาโต้ตอบ บีบให้เพลิงเงาต้องล่าถอย คลื่นพลังประหลาดยังไหลมาทางร่างซูเฉินอีกด้วย

“ชิ !” ซูเฉินเดาะลิ้นด้วยความรำคาญ

เปลวเพลิงพลุ่งพล่านอีกครั้ง ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดเปลี่ยนร่างกลายเป็นเพลิงเงา ไฟลามเลียไปทั่วร่างและทั่วตัวดาบ ปลดปล่อยกลิ่นอายข่มขู่ดุดัน ตุ๊กตากระดาษขาวเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งเช่นนี้ ร่างคล้ายกับจะสลายไปกับความกดดัน เปลวเพลิงเริ่มลามไปตามเส้นกระดาษขาว ยาวไปจนถึงร่างของตุ๊กตากระดาษขาว

ตุ๊กตากระดาษขาวกรีดร้องลั่น พลังสีดำไหลออกจากร่าง เกิดเป็นหลุมดำขึ้นมา เป็นอีกครั้งหนึ่งที่การโจมตีของซูเฉินได้ถูกหยุดยั้งเอาไว้

บัดซบ ศัตรูรับมือยากอีกแล้ว ! ซูเฉินสบถอยู่ในใจ ปราณดาบพุ่งออกไปอีกครั้ง สะเก็ดเพลิงร่วงลงมาดั่งฝน เพลิงโหมลงพื้น สายฟ้าคลั่งง้างเข้าหาศัตรู

เขาหมายจะใช้ดาบฟันร่างศัตรูทิ้งเสีย

ตุ๊กตากระดาษขาวราวกับรู้แผนการ ส่งเสียงร้องแหลม กระดาษขาวบนล่างจึงลอยออกมา ภายใต้คือลูกกลมโปร่งแสง ลูกกลมนั้นเปลี่ยนร่างไปมา จนกระทั่งกลายเป็นใบหน้ามนุษย์ ที่ใจกลางลูกกลมนั้น คือดวงใจศิลาของซูเฉิน ริ้วกระดาษสีขาวบินออกมา เรืองไปด้วยแสงสีดำ เปลี่ยนให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นเขตสังหาร หากอยู่ในเขตนั้นก็จะถูกทำลายสิ้นอย่างรวดเร็ว

แต่เว้นซูเฉินไว้คนหนึ่ง !

ร่างเขาสูงตระหง่านลอยอยู่กลางอากาศ

ผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณ หากไม่ใช้วิชาพิเศษก็ไม่อาจลอยอยู่บนฟ้าได้ หากแต่ซูเฉินสามารถทำได้

ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่กลางอากาศ ทั่วร่างเปล่งแสงเรืองสีจางออกมา

นั่นมันวิชาอะไรกัน ?

เคราะห์ดีที่แถวนี้ไม่มีใครอยู่ ไม่เช่นนั้นคงได้ตกตะลึงเป็นแน่

ซูเฉินที่ศึกษาร่ำเรียน พัฒนาตนเองอย่างมั่นคงอยู่ตลอด มีพื้นฐานหนักแน่นนัก ดังนั้นเขาจึงสามารถทะลวงขั้นวิชาไหน ๆ ในยามใดก็ได้

วิชาที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ คือวิชาที่ได้มาเมื่อครั้งฝึกวิชาบ่มเพาะพิสุทธิ์ และกลั่นพลังต้นกำเนิด

มันไม่ได้ลึกลับซับซ้อนนัก แต่ก็มากพอจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้

เผชิญหน้ากับริ้วกระดาษที่ลอยทั่วฟ้าเช่นนี้ ซูเฉินเพียงหัวเราะเบา ๆ ริ้วแสงพุ่งออกจากร่างเรากับหนวด ก่อนมันจะลุกเป็นไฟคลั่ง

แสงสีแดงและดำเข้าปะทะกัน

เป็นการแข่งขันของพลังบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง

ซูเฉินยังไร้ความหวาดกลัว

เขายังยึดหลักเดิมเหมือนกับการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ภายในแดนสัตว์อสูร ในเรื่องของความอดทนแล้ว ไม่มีหน้าไหนจะเหนือกว่าเขาไปได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าเขาหลายระดับ

ตุ๊กตากระดาษขาวตรงหน้าก็เช่นกัน

แสงไฟระยิบระยับไปทั่วร่างซูเฉิน แทบไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความถึกทน ใช้เวลาเพียงไม่นาน ซูเฉินก็ควบคุมการต่อสู้เอาไว้ได้

เขาเอ่ยเสียงต่ำ “สุเมรุสูญ !”

เส้นแสงนับไม่ถ้วนส่องประกายระยับ รอบข้างราวกับถูกแช่แข็ง ริ้วแสงสีดำของตุ๊กตากระดาษขาวคล้ายกับถูกยึดไว้ ไม่อาจขยับเคลื่อน ในเวลาเดียวกันนั้น ดาบหั่นภูผาของซูเฉินก็ตวัดลงอีกครั้ง เป็นการโจมตีเรียบง่ายหากแต่มีแสงสะท้านสะเทือน ทลายสิ้นทุกสิ่งที่ขวางทาง

กลอนอากาศภายในร่างตุ๊กตากระดาษขาวพยายามกดตัวแล้วลอยถอยไปด้านหลัง

ในที่สุดมันก็รู้สึกกลัวและอยากหนีไป

“คิดหนีหรือ ? อยู่ที่นี่ดีกว่า” ดาบหั่นภูผายังตวัดเข้ามา

ลูกอากาศกลมส่งเสียงร้องอีกครั้งขณะที่ดึงแถบกระดาษสีขาวกลับ เกิดเป็นโล่สีขาว ปัดป้องคมดาบเอาไว้ หากแต่เพลิงคลั่งที่ตัวดาบยังคงพุ่งเข้าใส่แล้วเผาไหม้กระดาษขาวเป็นจุณ

กระดาษขาวบางส่วนถูกทำลาย ส่งผลให้ตุ๊กตากระดาษขาวมีกำลังลดลง เริ่มแรกเดิมที มันต่อสู้สูสีกับซูเฉิน แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปนานเข้า กระดาษบนร่างของมันก็ถูกทำลายลงไปเรื่อย ทำให้กำลังมันลดลง

ในตอนนี้ เปลวเพลิงของซูเฉินลามเลียไปที่ร่างของตุ๊กตากระดาษขาวแล้ว ร่างสามส่วนถูกทำลาย แขนขาถูกเผาไหม้ ยังโชคดีที่แขนขาเป็นเพียงรูปไก่เท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อันใดมากมาย แต่กระนั้น ตุ๊กตากระดาษขาวก็กำลังถูกเผาไหม้อยู่

“ตายเสีย !”

ซูเฉินตะโกนลั่นแล้วตวัดดาบ

ตุ๊กตากระดาษขาวร้องเสียงแหลม “อย่าตีข้าอีกเลย ! ข้ายอมแล้ว !”

“หือ ? พูดได้ด้วยหรือ ?” ซูเฉินหยุดดาบอยู่เหนือศีรษะตุ๊กตากระดาษขาว

เจ้ากระดาษขาวร่วงลงกับพื้น เผยให้เห็นก้อนอากาศด้านใน มันเปลี่ยนรูปกลายเป็นใบหน้ามนุษย์แล้วเปิดปากพูด “ข้าเต็มใจยอมแพ้ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าจะขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่าน”

พูดจบมันก็คายดวงใจศิลาออกมา ริ้วพลังงานสีดำคว้ามันเอาไว้แล้วส่งให้ซูเฉิน

ทว่าซูเฉินเหมือนไม่สนใจ ยังคงจ้องตุ๊กตากระดาษขาวเขม็ง “ยอมแพ้ ? น่าสนนี่ เพิ่งเคยเห็นของอย่างเจ้าเป็นครั้งแรกเลย เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ ?”

ตุ๊กตากระดาษขาวเอ่ย “ตัวอะไรหรือ ? เป็นคำถามล้ำลึกนัก น่าเสียดายที่ตอบท่านไม่ได้ นายท่าน นับตั้งแต่ถ้ามีจิตสำนึกรู้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว สำหรับข้า นี่คือชีวิตที่แท้จริงของข้า ในใต้หล้านี้ มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ภายนอกแตกต่าง คงมีหลายตัวที่เป็นเช่นข้า ที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้”

“ข้าไม่ได้สัญญาว่าจะยอมรับเจ้า” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ถือคำสัตย์ของสิ่งมีชีวิตที่ข้ายังไม่รู้จักดีเป็นสำคัญ หากปล่อยไว้ข้างกาย ต่อไปอาจทรยศข้าก็เป็นได้ สังหารเจ้าทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้เพื่อตัดปัญหาจะดีกว่า”