TB:บทที่ 185 การสำรวจเว่ยหลงในยามค่ำคืน

 

“เฟิงหยาน นายจะไป “เว่ยหลงเทคโนโลยี” จริงๆหรือ” หลานหลี่เย่ (หลานรีเย่)หันหน้าไปสบตาจางเฟิงหยาน

ข้างๆหลานหลี่เย่มีเครื่องสวมศีรษะของ “โลกใหม่” อยู่

แต่แม้หลานหลี่เย่จะไม่ได้มีตัวตนที่นี่ แต่ก็ไม่ยากที่จะหามาได้จากพลังของสวรรค์เบื้องบน ดังนั้นเลยไม่แปลกที่เขาจะมีเครื่องเกมสวมศีรษะ

 

“หลี่เย่ นายก็มีเล่นเกมนี่ด้วยหรือ นายคิดว่าเกมนี่เป็นเกมธรรมดาจริงๆไหม” จางเฟิงหยานอยู่ในชุดพรางกลางคืนตอนนี้ เขามองตาของหลานหลี่เย่

จางเฟิงหยานเล่นเกม “โลกใหม่” นี่เช่นกัน ในเกมนี้เขาสังเกตได้ว่ามีสิ่งที่ต่างไปอยู่ในเกม แม้เกม “โลกใหม่” จะมีหลายลูกเล่นที่โดนลบออกไปแล้ว แต่ผู้เล่นเก่งๆอย่างจางเฟิงหยานยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตอนที่เข้าเขาเกมไป

อย่างแรกสุด หลังจางเฟิงหยานเข้าไปในเกมแล้ว เขาได้ฝึกฝนด้วยสกิลที่เขามี แต่การเริ่มต้นนั้นง่ายเกินไป อย่างที่สองกระบวนท่าที่เขาฝึกในเกม หลังเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว พลังเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นแต่กลับใช้ได้ง่ายดายกว่าเดิม ตรงจุดนี้จางเฟิงหยานรู้ว่าเกมนี้ต้องไม่ใช่เกมธรรมดาแน่นอน

และอีกทั้งยังมีจุดสำคัญอีกนั่นคือ หากใครมีของดีๆแล้ว และคนคนนั้นเอาของที่ว่าไปซ่อนและแม้จะหยิบออกมาแต่ของนั่นจะไม่กลับออกมาทั้งหมด

 

ดังนั้นแล้วจางเฟิงหยานคิดว่าเกมนี้จะต้องมีลูกเล่นที่ทรงพลังแน่นอน เขาจึงอยากไปเอาเกมนี้มา อีกอย่าง วันก่อนหนทางปีศาจได้ส่งข่าวคราวมาหาจางเฟิงหยานว่าอยากให้เขามีตัวหลักของเกมนี้ในครอบครอง

 

“เกมนี้ช่างวิเศษสุดๆ ฉันต้องขอชื่นชมคนที่สร้างเกมนี้ขึ้นมาจริงๆนะเนี่ย สุดยอดไปเลย มีพืชตั้งหลายประเภทใน “โลกใหม่” มีทั้งประเภทที่ฉันเคยเห็นและไม่เคยเห็น ด้วยพืชพวกนี้ฉันจะสามารถทำงานทุกแบบออกมาได้เลย จะต้องเยี่ยมยอดมากแน่ๆ หากนายจะไปเอาเกมนี่ออกมาจริงๆ ให้ฉันเล่นเวอร์ชั่นเต็มๆด้วยนะ” หลานหลี่เย่ว่า

 

หลานหลี่เย่รู้สึกสนใจโลกใหม่นี้เสียมากๆ

“อย่าห่วงไป นายลงทุนให้ฉันไว้มาก ฉันจะไม่มีทางลืมนายหลังได้เกมมาหรอก” จางเฟิงหยานตบกระเป๋าเล็กๆตรงเอวเขา

 

กระเป๋านี้มียาที่หลานหลี่เย่ให้จางเฟิงหยานไว้ เขาให้จางเฟิงหยานไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน สุดท้ายแล้วใครจะรู้ว่าจะมีอะไรใน“ตึกเว่ยหลง”กัน

“เอาเถอะหน่า รีบไปรีบกลับ ฉันจะเล่มเกมอีกรอบ” หลานหลี่เย่กล่าวจบ ก็สวมเครื่องเกมบนหัวอีกรอบ

 

เขาเห็นหลานหลี่เย่เล่นเกมอีกครั้ง จางเฟิงหยานจึงออกจากห้องไปทางหน้าต่างทันที และจากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากตะขอเหินหาว เขาจึงกระโดดออกจากโรงแรมได้

 

ตอนนี้เฉินหลงอยู่ในวิลล่าของเขา เขากำลังสัมผัสประสบการณ์ของ“โลกใหม่” อยู่ แน่นอนว่าเฉินหลงเล่นแบบเวอร์ชั่นเต็ม

ใน“โลกใหม่”นี้ เฉินหลงยังรู้สึกว่าเขาช่างไร้เทียมทาน ใน“โลกใหม่”มีความท้าทายทุกรูปแบบ อย่าง “ผีดิบ” “สัตว์กลายพันธุ์” สิ่งแวดล้อม การเอาชีวิตรอดและอีกมากมาย มีเพียงตัวเขาที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่อยู่รอดในโลกใหม่นี่ได้

 

ในเรื่องอย่างเดียวกันนี้คงไม่ต้องกล่าวถึงพี่น้องสี่คนที่เล่นด้วยเครื่องสวมศีรษะเช่นกัน และพวกเขาทั้งสี่กำลังเล่นแบบ “ขันที​”  (พี่น้องทั้งสี่=สี่พระไร้เหตุผล)​

ในตอนที่เฉินหลงกำลังหันหน้าเพื่อมองสิ่งที่เหมือนกับกิ้งก่า แต่เป็น “สัตว์กลายพันธุ์” ที่ตัวใหญ่กว่ากิ้งก่าสิบเท่า อยู่นั้น และเขากำลังจะย่างพวกมันกิน จู่ๆเขาได้รับข้อความจาก “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ว่ามีคนกำลังลอบเขามาใน “ตึกเว่ยหลง”

 

คนที่เขาเห็นในเครื่องสังเกตการณ์คือจางเฟิงหยาน ครั้งนี้ จางเฟิงหยานแต่งตัวด้วยชุดพรางตัวกลางคืน และเขาสวมหน้ากากไว้ที่มีเพียงสองตาที่โผล่ออกมา

 

“การป้องกันที่นี่เยี่ยมไปเลย แต่ก็แค่พอใช้ได้กับคนธรรมดา เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะจัดการฉัน”

 

จางเฟิงหยานเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระแวดระวังในตึก ขณะที่ตรวจสอบใจเขาด้วยเครื่องป้องกันทั้งหลายที่นี่

แม้จางเฟิงหยานจะไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหลักของเกมนี่อยู่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุดแน่นอน และที่ที่ปลอดภัยที่สุดจะต้องไม่ใกล้กับตัวเขามากไปด้วย

ในที่แบบนี้ก็เหมือนบ้านของคนคนหนึ่ง และอีกที่คือห้องทำงานของคนคนนั้น

ระบบประเมินการรักษาความปลอดภัยของบริษัทนี้ดีไม่เลว เทคโนโลยีเช่นนี้จะต้องตั้งอยู่ในบริษัทนี้ ในตอนนั้นเองจางเฟิงหยานรีบพุ่งไปยังสถานที่ที่เป็นห้องทำงานของเฉินหลง

เขาเห็นคนคนหนึ่งแอบเขาบริษัท เฉินหลงออกมาจากเกมและปลุกพี่น้องสี่คนโดยไม่กล่าวอะไร

คนบางคนที่ดูแลบริษัทของตน แน่นอนว่าเฉินหลงจะต้องไปและดูว่าใครกันที่สนใจบริษัทเขาขนาดนี้ เขายังเดินไปเรื่อยเปื่อยตอนกลางดึกด้วย

 

แต่อย่างไรก็ตาม เฉินหลงจะได้ลองดูพลังของพี่น้องทั้งสี่คนนี้

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพี่น้องทั้งสี่เล่นเกมอย่างมีความสุขแล้ว หลังเขาเรียกออกมาจากเกม พวกนี้หงุดหงิดมาก อย่างไรก็แล้วแต่เพราะพวกเขากล่าวไว้แล้วว่าจะแก้ปัญหาให้เฉินหลง เฉินหลงจึงทำเช่นนั้น ดังนั้นจะไม่มีทางอื่น นอกจากจะโทษผู้บุกรุกที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข

“คุณเฉิน เดี๋ยวก่อน หากว่าเราเจอผู้บุกรุก เราจะกระทืบเขาได้ไหม” เขาไม่ได้ว่าด้วยเสียงต่ำ แต่ด้วยสีหน้าราบเรียบ คล้ายกับพูดเรื่องสัตว์เลี้ยง

 

“ได้ หากว่านายเจอผู้บุกรก และนายกระทืบเขาได้ ฉันไม่มีความเห็นอะไร” เฉินหลงกางแขนและหยักไหล่

จากนั้น เฉินหลงและพี่น้องทั้งสี่ไม่พูดเรื่อยเปื่อยต่อ พวกเขามุ่งไปที่ตึกด้วยกัน

ใช้เวลาเพียงสิบนาที เฉินหลงได้มาถึง “ตึกเว่ยหลง” ในตอนนั้นจางเฟิงหยานยังคงมองหาห้องทำงานของเฉินหลงในตึกอยู่

 

หลังเฉินหลงหาตำแหน่งของจางเฟิงหยานได้ เฉินหลงตรงไปยังชั้นที่จางเฟิงหยานอยู่พร้อมด้วยคนอีกสี่คน

จากนั้นพวกเฉินหลงรวมห้าคนก็ออกจากลิฟต์ จางเฟิงหยานรู้สึกทันทีว่ามีคนกำลังมา เขาจึงหาห้องทำงานเจอและรีบซ่อนตัว ตอนนั้นเองที่เสื้อผ้าเขาเริ่มเลียนแบบสีและล้อไปกับสิ่งรอบตัว ในแสงที่ดำมืด เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีใครซ่อนอยู่หากไม่มองดีๆ

 

อย่างไรเสียด้วยเครื่องมือ เฉินหลงได้จับตำแหน่งเขาไว้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าเขาจะออกไปจากตึก หรือไม่เขาก็ซ่อนตัว

เฉินหลงไปที่ห้องทำงานพร้อมด้วยพระสี่คนและหยุด

หลังได้ยินว่าพวกเฉินหลงห้าคนหยุดแล้ว จางเฟิงหยานมีความรู้สึกว่าเขาจะต้องโดนเจอตัว แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงมีหวังเล็กๆในในอยู่ เขาหวังว่าพวกเฉินหลงทั้งห้าคนจะแค่บังเอิญเข้ามาในนี้

แต่แล้วครั้งนี้คำพูดของเฉินหลงได้ทำลายความหวังไป

 

“เพื่อนฉัน ไม่ต้องซ่อนอีกต่อไป หากนายอยากโดนไล่อย่างหมา นายก็ยอมเสียหน้าซะ” เฉินหลงกล่าวอยู่ข้างนอก

เมื่อได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว จางเฟิงหยานทำได้เพียงทิ้งความหวังเล็กๆไว้ในใจและวางแผนเพื่อสู้กับศึกหนัก

“ฉันนึกไม่ออกเลยว่า การป้องกันในเว่ยหลงเทคโนโลยีจะฉลาดแบบนี้ ฉันระวังมากเลยนะเนี่ย แต่นายก็หาเจอจนได้”

จบคำจางเฟิงหยานค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืด