ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 58 เรื่องของการปล้น

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

การเจรจาผ่านไปด้วยความราบรื่นอย่างยิ่ง ความจริงอวิ๋นเยี่ยพูดแค่แปดคำเท่านั้น “ราวไข่กองสุม ภัยใกล้มาถึง” มีแค่แปดคำนี้ก็เพียงพอแล้ว เดินแกว่งลูกประคำในมือเตรียมกลับไปควบคุมซินเย่ว์ดื่มน้ำซันจาด้วยความรื่นรมย์

 

 

หันหลังไปมองนัยน์ตาที่วิบวับราวกับไฟนรกของพระชราแล้วพูดอีกว่า “พระเฒ่า เงินทองไม่จีรัง เห็นแก่ลูกประคำข้าขอแถมคำพูดให้ท่านอีกนิด” เพิ่งพูดจบไฟนรกก็หายไปในพริบตาพร้อมกับร่างผอมดำก็หายไปในความมืดยามราตรีด้วย

 

 

อวิ๋นเยี่ยสั่นศีรษะคิดว่าตัวเองก็นับว่าได้ทำคุ้มค่าลูกประคำวิเศษของพระชรา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหากลดการเข่นฆ่าลงได้บ้างก็ลดลงเถอะ หากหลี่เฉิงเฉียนเริ่มต้นลงมือแล้วผลลัพธ์ยากจะคาดเดา สมควรต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมถอย ฝ่ายพุทธเป็นฝ่ายอ่อนแอกว่าน่าจะเจียมเนื้อเจียมตัว อวิ๋นเยี่ยไม่อยากเห็นโศกนาฏกรรมบู๊ล้างผลาญฝ่ายพุทธเกิดขึ้นในโลกมนุษย์อีก

 

 

เหล่าชุยกำลังเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ที่กระโจมหยิบไม้กระบองหวดคนครัวอย่างบ้าคลั่ง ตระกูลอวิ๋นไม่เคยรังแกคนขนาดนี้ เหล่าชุยถึงแม้เพิ่งทำความชอบมาหยกๆก็ไม่สามารถเหิมเกริมได้ถึงเพียงนี้

 

 

ยังไม่ทันรอให้อวิ๋นเยี่ยไปถึงเหล่าชุยก็พุ่งตัวเข้ามาก่อน ในมือมีแผ่นซันจากำมือหนึ่งถามอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย ท่านเป็นคนสั่งคนครัวต้มน้ำซันจาให้ฮูหยินหรือ”

 

 

ไม่เคยเห็นเหล่าชุยมีไฟฟืนมาก่อนแต่ครั้งนี้กล้าสอบถามข้าช่างน่าแปลกจริงๆ อวิ๋นเยี่ยตั้งใจรอให้เรื่องชัดเจนก่อนค่อยตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรต่อ พอเห็นเหล่าชุยถามก็พยักหน้า

 

 

“มั่วแล้ว โหวเหยีย น้ำซันจาให้หญิงมีครรภ์ดื่มไม่ได้ ซันจากินมากจะทำอันตรายเด็กในครรภ์ ผู้หญิงมีครรภ์แล้วกินของนี้ไม่ได้ โหวเหยีย ทีหลังรายการอาหารของฮูหยินจะต้องผ่านตาข้าก่อนมิฉะนั้นให้ฮูหยินกินไม่ได้” พูดจบก็เดินไป ก่อนไปยังเตะคนครัวอีกหนึ่งที

 

 

อวิ๋นเยี่ยประสานมือให้เงาหลังเขาอย่างเคอะเขิน คนแก่ในหมู่บ้านอวิ๋นเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น หากสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง นอกจากท่านย่าแล้วสามารถโวยวายคนอื่นได้อย่างรุนแรง ขนาดหลี่ไท่กับหลี่เค่อตะกละจะเก็บลูกหม่อนทำกิ่งหม่อนหักไปยังโดนคนชราลูกบ้านด่าไล่หลังตลอดทาง ใช้เงินให้ก็ไม่เอา จะให้สองพี่น้องรู้ว่าลูกหม่อนเก็บได้แต่ทำลายต้นหม่อนไม่ได้ ยังดีที่สองพี่น้องเวลานี้รู้ว่าเกษตรกรเหนื่อยยากจึงไม่ได้ตอบโต้ คนชราลูกบ้านก็ไม่รู้ฐานะสองพี่น้อง ไม่เช่นนั้นต้องตกใจตายแน่

 

 

พอหลี่ซื่อหมินรู้เรื่องนี้แล้วได้ตำหนิสองพี่น้องอย่างรุนแรงต่อหน้าขุนนางทั้งหมดแล้วให้รางวัลพวกเขาอีกมากมาย ทั้งยังว่าสองพี่น้องไม่รู้ความเหนื่อยยากของเกษตรกรไม่รู้ความสำคัญของต้นหม่อน แค่ตะกละจนทำให้ต้นหม่อนเสียหายสมควรโดนโทษหนัก แต่สองพี่น้องรู้จักแก้ไขสิ่งที่ผิดไม่วางอำนาจข่มขู่คนอื่นถือว่าทำได้ยาก จึงสมควรให้รางวัลคุณคือคุณโทษคือโทษเอามาปนเปกันไม่ได้ ทำให้ทั้งราชสำนักต่างฮือกันประจบสอพลอยกใหญ่

 

 

ไม่ไหวแล้วทีนี้ต้องกลับบ้านแล้วไม่มีคนแก่ดูแลนี่อันตรายจริงๆ แค่กินซันจายังอาจโดนข้อหาฆาตกรรมบุตรชายตัวเอง หากจะเที่ยวทั่วไปอีกทั้งเดือนสงสัยไร้ญาติขาดมิตรหมดแน่ ดูแววตาที่แสนกังวลของบ่าวไพร่ก็รู้แล้ว เหล่าเฉียนกำลังปาดเหงื่อด้วยสีหน้าซีดเผือด คนครัวกุมศีรษะนั่งยองๆบนพื้นร้องไห้เสียอกเสียใจ

 

 

อวิ๋นเยี่ยปลอบคนครัวว่า “เรื่องนี้โทษเจ้าไม่ได้เพราะเป็นความผิดของข้าเอง พรุ่งนี้เรากลับบ้านกันแล้วมอบฮูหยินให้ท่านย่าดูแล พวกเราเป็นผู้ชายกันหมดต่างไม่รู้เรื่องพวกนี้ ที่เจ้าโดนตียกนี้ถือว่าโดนแทนข้าแล้วกัน”

 

 

คนครัวร้องเสียงดังขึ้นอีก พูดไปร้องไป “โหวเหยีย ที่ข้าโดนตีนั้นสมควรแล้ว หากไม่ใช่หมอชุยพบก่อนที่ข้าเอาซันจาต้มเสร็จไปให้ฮูหยินแล้วคุณชายจิ๋วเป็นอะไรขึ้นมา ข้าก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้”

 

 

นี่เป็นเรื่องจริง หากเกิดเรื่องขึ้นมาเขาอยู่ไม่ได้แน่นอน ต่อให้ตระกูลอวิ๋นไม่เอาเรื่องทั้งหมู่บ้านก็ไม่ยอมให้อภัยแน่นอน บุ้ยปากให้เหล่าเฉียนปลอบโยนคนครัวต่อ ตัวเองเปิดม่านเข้าไปในกระโจม

 

 

ยังดีที่ทุกคนต่างปิดซินเยี่ยไว้ นางจึงยังไม่รู้ อยู่บนเตียงสองคนกับสือสือกุมท้องร้องฮือๆเพราะกินมากเกินไป พอเห็นอวิ๋นเยี่ยเข้ามา ซินเย่ว์ถามว่า “น้ำซันจาเล่า ข้ากินมากไป สือสือก็กินมากไปแล้ว”

 

 

“เพิ่งรู้ว่าหญิงมีครรภ์ดื่มน้ำซันจาไม่ได้จนเกือบเป็นเรื่องเป็นราว รีบออกไปเดินเล่นกันข้างนอกจะได้ไม่ท้องอืดกลางคืน” อวิ๋นเยี่ยพูดให้จบง่ายๆแล้วก็ต้อนพวกเขาเตรียมออกไปเดินเล่นข้างนอกกัน

 

 

 บ่าวไพร่ตระกูลอวิ๋นเตรียมกลับบ้านกันตั้งแต่กลางคืน นอกจากกระโจมที่ต้องใช้คืนนี้แล้วนอกนั้นเอาใส่รถไปก่อน ของขวัญที่เตรียมไว้ให้วัดเส้าหลินทั้งหมดให้เหล่าเฉียนมัดรวมกันพรุ่งนี้นำไปให้ที่วัดแต่เช้า ตัวเองจะได้ตัวเบากลับบ้าน

 

 

เสี่ยวหนิวก็คิดเช่นเดียวกัน มีเพียงเฉิงฉู่มั่วที่ติว่าเวลาที่ออกมาน้อยเกินไปทำให้ไม่มีโอกาสเที่ยวให้มากหน่อย เขาซงซันก็ยังไม่ทันได้เที่ยวอะไรจนโดนจิ่วอีบิดเนื้อที่แขนไปทั้งรอบ เฉิงฉู่มั่วหันไปมองจิ่วอีบอกว่า “อยากบิดก็บิดให้แรงหน่อย ไม่เจ็บเลย”

 

 

กลางคืนสือสือนอนกับซินเย่ว์ อวิ๋นเยี่ยนอนอยู่บนรถลากคุยกับซ่านอิงตัวเขามีกลิ่นหอมจางๆยุงภูเขาไม่เข้าใกล้ไปกัด เขาดื่มสุราไปมากจนดูเมาเล็กน้อยเปิดหน้าอกรับแสงจันทร์ ท้องฟ้าที่ถูกฝนชะล้างเมื่อตอนบ่ายดูมืดดำเป็นพิเศษ ดวงดาวคล้ายเพชรพลอยมากขึ้น เพียงแต่ภายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญที่ส่องสว่างดาวแต่ละดวงต้องหนีไปส่องแสงอยู่ไกลๆ เสียงสุนัขป่าหอนใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ น้ำทะเลจะขึ้นสูงคนจะซึมเศร้ามากขึ้น โดยเฉพาะชายหนุ่มที่มีพลังแต่ไม่มีที่ให้ระบายเช่นซ่านอิงยิ่งเป็นเช่นนี้

 

 

“เยี่ยจื่อ ทำไมโลกนี้จะต้องมีความผูกพันอะไรมากนัก เมื่อก่อนนี้ข้านึกว่ามีตัวข้าคนเดียวไม่มีความห่วงใยอะไรจะทำอะไรก็ได้ อาจารย์ก็สอนให้ข้ามีหัวใจที่แกร่งกล้าไม่หวาดกลัวอะไร ไม่นึกว่าแค่มาลั่วหยางก็พบว่าทิ้งพวกหญิงแก่เด็กอ่อนไม่ได้ ท่านไม่รู้หรอกพวกเขาลำบากมากจริงๆ ข้าเองยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ยายแก่อายุหกสิบยังต้องทาเครื่องสำอางไปขายตัว ท่านรู้ราคาไหม เงินหนึ่งเหวินหรือข้าวฟ่างหนึ่งชั่ง” พูดจบก็หัวเราะขึ้นมา เพียงแต่น้ำตาไหลจนทำให้เห็นแล้วหดหู่ใจ

 

 

“นางเก็บเด็กสองคน คนหนึ่งห้าขวบคนหนึ่งสามขวบ อาศัยในเล้าแห่งหนึ่งในนั้นเล็กจนคนเข้าไปไม่ได้ ยายแก่อาบน้ำทุกวันว่าอาบสะอาดไม่แน่อาจมีแขกวิดน้ำบ่ออาบ หน้าหนาวก็เช่นเดียวกัน ข้าให้เงินยายแก่ เด็กชายคนโตหน่อยนึกว่าข้าจะรังแกยายแก่เลยกอดขาข้ากัดใหญ่ ท่านว่าน่าหัวเราะไหม”

 

 

เจ้านี่ เดิมข้านึกว่าจะเล่าว่าข้าดีใจแค่ไหนที่ซินเย่ว์มีครรภ์ อยากคุยโม้ให้เห็นถึงอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองของตระกูลอวิ๋น ใครจะรู้ว่ากลับโดนเจ้านี่มาเล่าเรื่องตลกอะไรให้เสียบรรยากาศจนรู้สึกตาร้อนผ่าว

 

 

“พอข้าบอกว่าข้าเป็นลูกชายของซ่านสยงซิ่นยายแก่นั้นก็ผลักข้าออกไปข้างนอกแม้แต่เงินที่ให้ยังไม่เอา แค่ขอร้องข้าไม่ให้นำเด็กหนุ่มที่นั่นไปทำสงครามก็พอแล้ว นางสามารถเลี้ยงเด็กสองคนนั้นได้ นางบอกว่าการค้าของนางดีมาก เยี่ยจื่อ ยายแก่ที่ใช้กระดาษแดงกับปูนขาวทาหน้าทุกวันจะค้าได้ดีแค่ไหนกัน ท่านเป็นผู้เก่งกาจเรื่องค้าขาย ท่านบอกข้าหน่อยว่าทำอย่างไรการค้าของนางจึงจะไปได้ดี”

 

 

นั่งไม่ติดแล้ว วายร้ายนี่ตั้งใจมาหาเรื่องแท้ๆแค่หญิงแก่ขายตัวก็จะมารบกวนข้า ยื่นขาเตะทีเดียวซ่านอิงก็ตกลงจากรถลาก ยอดฝีมืออย่างซ่านอิงตกลงไปทื่อๆบนพื้นไม่หลบไม่ตอบโต้ นอนยิ้มแหะๆให้อวิ้นเยี่ยบนพื้น เด็กคนนี้โดนชีวิตเล่นงานหนักไม่น้อย อวิ๋นเยี่ยเองก็นึกไม่ถึงว่าการผลักดันของตัวเองทำให้ส่งซ่านอิงไปที่หลุมไฟนรกหรือพูดได้ว่าส่งไปที่บึงโคลนดูด ต่อให้มีฝีมือแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้มือติดเท้าติดไปหมดคล้ายไก่ป่วย หรือว่ายาแรงที่ให้ไปส่งผลหนักเกินไปนะ

 

 

นอนอยู่บนรถลากพูดกับซ่านอิงที่นอนอยู่ใต้รถลากต่อว่า “ไม่ได้มีอะไรมากเลยเพราะยายแก่เลือกผิดทางเอง หากนางเลือกทางอื่นก็ไม่ต้องทนหิว พวกนางเลือกทางรอดตัวเองไม่เป็นต้องมีคนชี้นำ เจ้าก็คือคนชี้นำคนนั้น กรรมของบิดาหนี้ของบิดาลูกชดใช้นั้นเป็นสิ่งถูกต้อง ยายแก่นั่นตอนนี้ทำกล่องไม้ขีดไฟก็คงพอรอดได้แล้วสามารถเลี้ยงเด็กสองคนให้โตได้  เด็กโตเร็วมากไม่ทันสังเกตก็จะโตเป็นคนหนุ่ม คนแค่ไม่กี่ร้อยคนมีโรงงานไม้ขีดไฟโรงเดียวก็พอที่จะให้พวกเขาอยู่รอดได้ จริงสิ พอเจ้ามาวัดเส้าหลินแล้วใครช่วยพวกผู้หญิงกับเด็กเหล่านั้น”

 

 

“ฉีเฉิงกับหม่าชื่อรวมทั้งคนดูแลบ้านสามคนที่ข้ายืมจากบ้านท่าน ข้ายกเงินให้พวกเขาทั้งหมดแล้วพวกเขากำลังดูแลอยู่ หากเงินไม่พอข้าเตรียมตามท่านกลับฉางอันหาบ้านคนรวยปล้นสักบ้านน่าจะรวบรวมได้มากพอ ท่านรู้ไหมว่าฉางอันบ้านไหนรวยสุดนอกจากบ้านท่าน”

 

 

ซ่านอิงพูดเรื่องนี้จริงจังมาก อวิ๋นเยี่ยไม่ได้กังวลความสามารถในการปล้นของเขาแม้แต่นิด เลือดเสี่ยงหม่ายังคงเดือดพล่านอยู่ในเส้นเลือดของเขา พอเจอปัญหายุ่งยากปฏิกิริยาแรกก็คือการปล้น

 

 

เมื่อมีค้อนแล้วก็เห็นอะไรเป็นตะปูไปหมดนี่มันเป็นตรรกะแบบไหนกัน ราวกับคนรวยทั้งโลกเป็นแพะอ้วนแต่ละตัวที่รอให้เชือด คำโบราณว่าความจนเป็นบ่อเกิดแผนชั่ว ความรวยเป็นบ่อเกิดใจงามนั้นไม่ผิดแม้เพียงนิดเดียว ตั้งแต่มีเงินแล้วอวิ๋นเยี่ยก็รู้สึกว่าตัวเองมีจิตใจดีงามขึ้นมามาก ฟังซ่านอิงเล่าเรื่องเศร้าโศกแล้วรู้จักเจ็บปวดด้วยถือเป็นความก้าวหน้า ครั้งหน้าหากฟังอีกจะต้องเจ็บปวดยิ่งขึ้นจึงจะถูก

 

 

“การปล้นมีวิธีการหลายชนิด วิธีการที่เจ้าเลือกเป็นชนิดที่ไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรเลยแม้แต่นิด ลงทุนมากเกินไปกำไรน้อยเกินไป ทั้งยังมีผลกระทบทางร้ายมากเกินไปชื่อเสียงไม่ดีเลยสักนิด เจ้าต้องปล้นอย่างสุภาพเรียบร้อยให้พวกแพะอ้วนทั้งหลายเต็มอกเต็มใจที่จะส่งเงินให้ จนกระทั่งไม่รับยังไม่ได้แล้วเจ้าจะพบว่าความสำเร็จของเจ้าสูงกว่าบรรพบุรุษทั้งหลายของตระกูลซ่าน เสร็จสิ้นการปล้นแล้วทุกคนยังสำนึกในบุญคุณล้นเหลือ นี่จึงเป็นหัวใจของการปล้นอย่างแท้จริง

 

 

ซ่านอิงฟังจนน้ำลายยืด ดูดน้ำลายแล้วความคิดคล้ายซึมซับได้จึงบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “เหมือนที่ท่านเพิ่งปล้นพระชราเมื่อครู่นี้ ลูกประคำมรกตประกายดาวราคาหลายพันก้วนถูกท่านปล้นไปทั้งยังมีอาการซาบซึ้งใจ ข้าเห็นเขาทำความเคารพท่านในที่มืด เหล่าเจียงว่านี่จึงเป็นธาตุแท้ของโหวเหยีย เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าจึงเป็นยาจกเขาเป็นคนหัวราน้ำแต่ท่านเป็นโหวเหยีย ท่านช่วยสอนข้าด้วยการปล้นชนิดนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”

 

 

อวิ๋นเยี่ยนึกอยากอัดเขาเต็มทน แค่ธรรมเนียมปฏิบัติปกติที่สุดแสนธรรมดากลับโดนเขาเห็นเป็นการปล้น หากเป็นการปล้น เรื่องที่หลี่เฉิงเฉียนสามพี่น้องทำอยู่นั้นแหละเป็นการปล้นอย่างแท้จริงคือปล้นทั่วแผ่นดิน แค่คิดยังทำให้เลือดเดือดพล่านไปทั่วร่าง

 

 

“กลับฉางอันครั้งนี้ข้ามีงานเปิดประมูลที่ต้องการให้เจ้าคุ้มครองในนั้นล้วนมีแต่ของวิเศษเลิศล้ำ แค่ให้เจ้ารับประกันความปลอดภัยได้ตลอดรอดฝั่ง เจ้าจะได้รับส่วนแบ่งห้าพันก้วน เพียงพอที่จะให้เจ้าซื้อที่ดินผืนใหญ่ในลั่วหยาง ทั้งปลูกบ้านให้พวกผู้หญิงและเด็กได้หลายร้อยคน”

 

 

นึกถึงกองเรือที่ใกล้จะกลับมาจากทั่วประเทศแล้วอวิ๋นเยี่ยก็จิตใจโปร่งโล่ง วังของหลี่ซื่อหมินใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว กำลังรอเสาไม้หนันมู่กับการสลักเสลาเล็กๆน้อยๆ ปกติหนันมู่ต้องทิ้งไว้สองปีให้เนื้อไม้แห้งจึงจะนำมาใช้ได้ อวิ๋นเยี่ยจะสร้างโรงอบไม้ธรรมชาติ ทำให้เวลาการรับแรงของเนื้อไม้ลดลงจากสองปีเหลือเพียงสิบวัน ถึงแม้ไม่ได้มีผลดีเท่าการทิ้งไว้ตามธรรมชาติแต่ก็เพียงพอกับการใช้งานก่อสร้างพระราชวัง การแสดงของดีๆที่เหล่าผู้มีอำนาจราชศักดิ์เมืองฉางอันทึ่มๆทั้งหลายไม่เคยเห็น เรื่องรักษาความปลอดภัยจึงจำเป็นอย่างที่สุด