บทที่ 612 ถูกดูถูกแล้ว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เดี๋ยวนะ การแข่งขันคัดเลือกมันธรรมดาแบบนี้ทุกปีเลยเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเย่เทียน ใบหน้าของฉินชิงหู่กับเฉิงหลงก็แดงขึ้นทันที

“เย่เทียน เยียนหรัน พวกคุณนั่งก่อนสิ!”

ฉินชิงหู่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น จากนั้นชี้ไปที่เก้าอี้พับสองตัวข้างเขา กระทั่งทั้งสองนั่งลงเขาจึงค่อยๆ อธิบายขึ้นมาว่า

“เราก็ไม่อยากให้มันเรียบง่ายขนาดนี้หรอกนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ……”

หลังจากนั้นสักพัก เย่เทียนถึงจะเข้าใจสถานการณ์ได้

พูดตามตรงก็คือ เนื่องจากสถานการณ์ของสถานที่การจัดงาน ซึ่งทุกอย่างในนี้ รวมไปถึงเต็นท์กันแดด ล้วนเป็นความรับผิดชอบของกองทัพในแต่ละภาคของตน!

ซึ่งเบื้องบนมีการบริการรับส่งเท่านั้น จึงมีเฮลิคอปเตอร์ให้ทุกเขตทหารหน่วยละหนึ่งเครื่อง ฉะนั้น ในพื้นที่ที่มีจำกัดนี้ โดยพื้นฐานแล้วอย่าคิดจะนำของอย่างอื่นเข้ามาได้อีก

แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สถานที่จัดงานจึงไม่ถูกเปิดเผยล่วงหน้า แม้แต่ฉินชิงหู่และพรรคพวกของเขาก็เพิ่งรู้สถานที่หลังจากได้เดินทางมาถึง

ด้วยเหตุนี้ ไม่มีทางที่ใครจะขับรถส่งของมาก่อนได้แน่นอน!

“เย่เทียน กฎของการแข่งขันคัดเลือกง่ายมาก……”

หลังจากอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานที่จัดการให้กับเย่เทียนแล้ว ฉินชิงหู่ก็ใช้โอกาสนี้ในการอธิบายกฎการแข่งขันให้กับเย่เทียนฟัง

ในส่วนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่เย่เทียนคาดเดาไว้มากนัก ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องต่อสู้ 4 รอบ และต้องชนะทั้ง 4 ครั้งเท่านั้นถึงจะเข้าสู้รอบต่อไปได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้แจ้งว่าจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมการแข่งขันไปกี่คน แต่แน่นอนว่ายิ่งอยู่อันดับที่สูงกว่าก็ยิ่งปลอดภัย

นอกจากนี้ ในกระบวนการแข่งขัน ไม่มีข้อจำกัดใดๆ นอกจากการที่ไม่สามารถใช้อาวุธและการที่ไม่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้!

หลังจากการรอเกือบ 20 นาที เสียงทุ้มดังขึ้นในเต็นท์ด้านหน้า ฉินชิงหู่ก็รีบลุกขึ้นทันทีและพูดว่า “เย่เทียน คนน่าจะมากันครบแล้วนะ เราไปกันเถอะ!”

ในขณะที่พูด ฉินชิงหู่ก็ได้เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

เมื่อเย่เทียนเดินออกจากเต็นท์กันแดด เขาก็พบว่าเต็นท์โดยรอบก็มีคนอื่นๆ เดินออกมาด้วย และทุกคนก็เดินตรงไปยังเวทีขนาดเล็กตรงหน้าราวกับกำลังเดินขบวนพาเหรด

เย่เทียนจับมือที่เรียวงามของจี้เยียนหรันแล้วเดินตามฉินชิงหู่ไปข้างหน้าในระยะหนึ่งเมตร

แต่ว่า ก่อนที่จะเดินไปไกลกว่านี้ ไหล่ของเย่เทียนก็ถูกตบอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องหันไปมอง และเห็นว่าเป็นชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ตัดทรงทหารกำลังมองเขาด้วยท่าทางยั่วยุ

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นทันที เพราะชายคนนี้คือคนที่นั่งเฮลิคอปเตอร์มากับเขาพร้อมกัน ตามการแนะนำจากเซวหมานจื่อแล้ว หมอนี่มันชื่อโอชิ และมันยังพอมีชื่อเสียงเล็กน้อย

“ไอ้หนู ข้าไม่รู้หรอกว่าเอ็งเก่งมาจากไหน แต่ข้าขอเตือนเอ็งไว้ก่อน ที่นี่ไม่ใช่สถานที่หลอมทองคำนะ! ข้าขอแนะนำว่า เดี๋ยวขึ้นไปบนเวที เอ็งรีบยอมแพ้แล้วกลับไปดื่มนมนอนซะ!”

ทันทีที่เสียงพูดของเขาจบลง และก่อนที่เย่เทียนจะตอบสนอง ดวงตาที่งดงามจี้เยียนหรันก็มองไปที่เขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณพูดอะไรอยู่? ฉันจะบอกคุณว่าเย่เทียนเก่งมากเลยนะ!”

“เก่งมาก? แต่ผมดูไม่ออกเลยนะ!”

โอชิส่ายหัวและพูดอย่างดูถูก “ดูจากการแต่งตัวและสภาพร่างกายแล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิด เอ็งน่าจะเป็นคุณชายใช่ไหม?”

“ข้าจะเตือนเอ็งไว้ก่อนนะ การแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้เป็นการสุ่มจับฉลาก ทางที่ดีเอ็งอย่าซุ่มเจอข้าก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ออมมือ!”

เย่เทียนขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน แม้ว่าในใจเขาจะโกรธเล็กน้อย แต่ยิ่งกว่านั้นคือความสงสัย

เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องกับไอ้หมอนี่ แล้วทำไมเขาถึงต้องโกรธขนาดนี้?

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในวันนี้อีกครั้ง เย่เทียนจึงระงับอารมณ์และถามอย่างอดทนว่า “พี่ชาย ผมว่าเราเจอกันครั้งแรกนะครับ? และผมคิดว่าผมไม่ได้ทำผิดต่อพี่ชายมาก่อนนะ?”

“ไม่เคยทำผิดงั้นเหรอ?”

โอชิฮึดฮัดไม่พอใจและตวาดเสียงดังว่า “ไอ้หนู เอ็งทำผิดต่อข้าตั้งแต่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เมื่อกี้แล้ว!”

“เอ็งเป็นแค่คุณชายไอ้ผอมหน้าจืด แต่จะเข้าร่วมรายการแบบนี้ด้วย ช่างเป็นการดูถูกรายการนี้จริงๆ ข้าว่าเอ็งไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ!”

“โอชิ จะเสียเวลากับไอ้หมอนี่ทำไม เดี๋ยวสั่งสอนมันบนสังเวียนก็พอสิ”

ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างโอชิเข้ามาห้ามเขา และทำให้เย่เทียนเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเกลียดเขาขนาดนี้ และทันใดนั้นสีหน้าของเย่เทียนก็กลายเป็นความขมขื่น

ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ เขาแต่งตัวดูมีฐานะ รวมถึงรูปร่างที่ผอมบาง แถมยังจุงมือสาวสวยอย่างจี้เยียนหรันอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาคิดว่าเย่เทียนคือคนรวยที่มาพักร้อนที่นี่

ต้องเข้าใจว่าการที่จะสามารถเข้าร่วมทีมของเหล่าเดอะคิงทั้งสามได้ มันก็คือความฝันของชายร่างใหญ่ในกองทัพเหล่านี้ แล้วพวกเขาจะทนดูต่อสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร?

“ช่างมันเถอะ อย่าไปไร้สาระกับคนพวกนี้เลย ยังไงซะเดี๋ยวก็เจอกันในสังเวียน ใช้ผลลัพธ์ในการชี้วัดจะดีกว่า”

เย่เทียนคิดในใจและไม่ได้สนใจคนกลุ่มของโอชิ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาจะเล่นงานพวกเขาก่อนการประลองจะเริ่มไม่ได้ เพราะเขาอาจกลายเป็นศัตรูของทุกคน

และโอชิกับคนของเขาก็ไม่อยากเสียเวลากับเย่เทียนมากไปกว่านี้ หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก พวกเขาก็จ้องไปที่เย่เทียนอย่างไม่พอใจและเดินจากไป

“ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงเป็นแบบนี้ด้วย! ไร้เหตุผลจริงๆ!”

เมื่อเห็นพวกเขาเดินจากไป จี้เยียนหรันก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ

“ช่างเถอะ จะไปใส่ใจพวกมันทำไม?”

เย่เทียนยิ้มจางๆ และยื่นมือออกไปบีบจมูกของสาวสวยเบาๆ แล้วส่ายหัวพูดต่อ “นี่มันก็เหมือนกับตอนที่เฉิงหลงเชิญผมเข้าร่วมหน่วยชางหลงในเจียงหนันก่อนหน้านี้ เพราะหน่วยชางหลงเป็นองค์กรที่เหล่าทหารในเจียงหนันอยากเข้าร่วมที่สุด และทีมสายฟ้าก็เป็นองค์กรที่หน่วยชางหลงอยากเข้าร่วมที่สุดเช่นกัน”

“ที่สำคัญ พวกเขาจำเป็นต้องผ่านการคัดเลือกในองค์กรก่อนกว่าจะมายืนอยู่จุดนี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะไม่พอใจในคนอย่างผมที่เข้ามากลางคันแบบนี้”

ในระหว่างที่พูดอยู่ เย่เทียนก็จับมือจี้เยียนหรันแล้วเดินตรงไปยังด้านล่างของเวที

จนกระทั่งเวลานี้ แค่ดูก็รู้ว่าใครคือคนที่มาจากกองทัพ และใครคือคนที่มาจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้

เพราะฝูงชนถูกแบ่งออกเป็นสองค่ายอย่างชัดเจน ด้านหนึ่งคือกองทหารที่ยืนตรงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ส่วนอีกด้านคือเหล่านักสู้ที่ยืนกันเป็นหย่อมๆ และแผ่ออร่าภายในตัวออกมา ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็สร้างความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

หลังจากนั้นประมาณสามนาที เมื่อเห็นผู้คนอยู่รวมตัวกันจนครบ นายพลวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวพร้อมกับแถบบนไหล่หลายๆ แถบก็ก้าวขึ้นไปบนเวที

“สวัสดีทุกๆ ท่านครับ กระผมซ่านหงเลี่ยง หัวหน้าทีมสายฟ้า ยินดีต้อนรับการมาเยือนของทุกท่าน”

“ผมเชื่อว่าทุกท่านคงอดใจรอไม่ไหวกันแล้ว ฉะนั้นผมจะไม่ขอพูดอะไรให้มากกว่านี้ และผมขอประกาศว่า การแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้าในครั้งที่ 16 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!”