ด้วยการนำทางของเซวหมานจื่อผู้มีประสบการณ์ในก่อนหน้านี้ ทั้งสี่คนก็ลงจากรถแล้วขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์
นี่คือเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ซึ่งด้านในเครื่องมีชายหลายคนนั่งอยู่บวกกับสีหน้าที่ดูเย็นชาและแผ่ออร่าความอันตรายออกมาจากตัวทุกคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เซวหมานจื่อกับหยุนเหมิงหยานดูสนิทกับพวกเขามากโดยที่ไม่ต้องสงสัย หลังจากขึ้นเครื่องแล้วทั้งสองก็กล่าวทักทายกับชายกลุ่มนั้น จากนั้นแนะนำเย่เทียนกับจี้เยียนหรันให้พวกเขา
จี้เยียนหรันค่อยยังชั่ว เพราะเธอคือสาวสวย เชื่อว่าไม่มีชายใดในโลกจะปฏิเสธที่จะรู้จักสาวสวยเช่นนี้อย่างแน่นอน
แต่ตรงกันข้าม เพราะชายจากกองทัพกลุ่มนี้ไม่อยากสนใจเย่เทียนเลย และในสายตาของพวกเขานั้น เย่เทียนก็คือไอ้หน้าจืดคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย ที่ตามไปก็แค่อยากเป็นผู้รับชมคนหนึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะสนใจเย่เทียนได้อย่างไร?
แต่เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเช่นกัน เขากระทั่งมีความสุขกับเวลาว่างและเริ่มหลับตาพักผ่อน
เวลาผ่านไปอีกสักพัก หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์เต็มไปด้วยผู้คน ในที่สุดพวกเขาก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง
“เย่เทียน การแข่งขันในครั้งนี้จะดูแตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อยนะ”
ในเวลานี้ เซวหมานจื่อที่ทักทายกลุ่มเพื่อนทหารเสร็จก็เข้ามาพูดคุยกับเย่เทียน “เมื่อกี้ผมได้ยินจากพวกเขาว่า การแข่งขันในครั้งนี้คนจะมากขึ้น และคนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มาจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้อีกด้วย”
“จะว่าไป คุณรู้จักผู้คนหนึ่งที่มีอายุราว 24 ถึง 25 ไหม? ฝีมือของเธออยู่ในระดับดำตอนปลาย เธอสามารถควบคุมงูได้ 7 ถึง 8 ตัว และหนึ่งตัวในนั้นคืองูหลามยักษ์ที่มีความยาวมากกว่า 20 เมตร”
เย่เทียนที่กำลังพักสายตาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงพูดของจี้เยียนหรันกับหยุนเหมิงหยาน เขาก็หันมองไปแต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ควบคุมงูได้ด้วย?”
เซวหมานจื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัวตอบ “ไม่รู้จักนะ ทำไมเหรอ? ผู้หญิงที่คุณพูดถึงจะมาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนก็ฉายแสงขึ้นมาทันที แม้แต่เซวหมานจื่อยังไม่รู้จักผู้หญิงที่ว่าเลย แสดงว่าสถานะของผู้หญิงคนนี้ต้องลึกลับแน่นอน!
ด้วยความสามารถที่ว่านั้น ภูมิหลังของเธอต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเซวหมานจื่อไม่รู้จักเธอ หมายความว่าเธอต้องมาจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้แน่!
เมื่อรวมกับคำพูดของเซวหมานจื่อก่อนหน้านี้ เย่เทียนในตอนนี้ก็เริ่มสงสัยมากขึ้น สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าผู้คนในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง? ทำไมปีนี้ถึงมีคนเยอะขนาดนี้ด้วย?
เมื่อคิดเช่นนี้ เย่เทียนก็เริ่มกังวลเล็กน้อย เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความกังวลเหล่านี้ก็หายไป เพราะเย่เทียนเป็นนักสู้ที่มากความสามารถและเป็นผู้กล้าหาญ ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“ถึงอย่างไรแล้ว การแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องไปถึงแชมป์ถึงจะเข้าร่วมทีมสายฟ้าได้ ขอแค่รักษาอันดับต้นๆ ไว้ ใครกล้ามาขวางเราเจอดีแน่!”
เย่เทียนคิดในใจและกำหมัดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฮลิคอปเตอร์บินมาเกือบชั่วโมง ซึ่งได้ออกจากเขตของเมืองจินแล้ว และในที่สุดก็ได้ดิ่งลงในเขตแดนรกร้างแห่งหนึ่ง
เย่เทียนเหลือบมองลงไปและเห็นเหมืองแร่ที่เพิ่งปรับสถานที่เสร็จ ซึ่งดูแล้วที่นี่ต้องเป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้แน่นอน
เวลาเพียงครู่เดียว ในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดอย่างราบรื่น จากนั้นเย่เทียนแตะเท้าเบาๆ แล้วกระโดดลงพื้นอย่างง่ายดาย
“ตามผมมาครับ!”
บนพื้นมีคนรออยู่สักพักแล้ว เมื่อเห็นทุกคนลงจากเครื่องกันหมด เขาก็ตะโกนเสียงดังแล้วเดินนำหน้าไปก่อน
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที พวกเขาก็ได้เดินมาถึงพื้นที่ราบที่ค่อนข้างกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเต็นท์กันแดดมากมายตั้งอยู่ราวกับกำลังรับสมัครงาน
เต็นท์กันแดดเหล่านี้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ และด้านหน้าของเต็นท์ทั้งหมดยังมีธงตระกูลขนาดใหญ่ตั้งอยู่
เมื่อมองไปตรงหน้าสุดของสถานที่ จะพบว่ามีเวทีขนาดเล็กที่ซึ่งดูเหมือนกับโรงหนังขนาดเล็กของสมัยก่อนที่ดูกันทั้งหมู่บ้าน
ในขณะนี้ คนอื่นๆ ที่นั่งเฮลิคอปเตอร์มาพร้อมกับกลุ่มของเย่เทียนต่างก็แยกย้ายกันไปหมดเพื่อตามหาเต็นท์กันแดดของตนเอง
เซวหมานจื่อที่เคยมาที่นี่ก็มีประสบการณ์ในการหาเต็นท์กันแดดเช่นกัน เขาจึงเดินนำเย่เทียนและคนอื่นๆ ไปก่อนโดยที่ไม่ต้องมองหาเต็นท์ให้เสียเวลา
ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนก็มองไปที่เต็นท์โดยรอบ แต่ก็ไม่พบว่ามีใครที่คุ้นเคยเลย
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสี่คนก็ได้เดินมาถึงบริเวณโดยรอบของเต็นท์ที่มีชื่อคำว่าถังเขียนอยู่ด้านใน
ซึ่งด้านในเต็นท์แรกในตอนนี้ ถังเหวินหลงแต่งกายชุดลำลองแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้และใช้พัดขนาดใหญ่พัดตัวเองอยู่ นอกจากนี้ รอบข้างเขายังมีลู่เกาเจี๋ยและชายสูงอายุที่รุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคน ซึ่งทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างเมามัน
เมื่อเห็นภาพนี้ ดวงตาของเย่เทียนกระตุกเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าถังเหวินหลงจะมีโมเม้นแบบนี้นี้ด้วย เพราะเขาไม่เหมือนขุนนางชั้นผู้ใหญ่เลยสักนิด แต่เหมือนชาวสวนที่กำลังแอบนินทาคนอยู่!
จี้เยียนหรันก็คิดไม่ต่างกัน เธอได้แต่จ้องมองอย่างตะลึงงันและไม่สามารถตั้งสติได้ในสักพัก
“ท่านถังครับ!”
แต่กลับเป็นเซวหมานจื่อที่เดาสถานการณ์นี้ได้และกล่าวทักทายถังเหวินหลงก่อน
“หมานจื่อ เย่เทียน พวกเอ็งมากันแล้วเหรอ?”
ถังเหวินหลงที่กำลังพูดคุยกันอยู่ก็เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นใช้พัดในมือชี้ไปยังด้านหลังของเต็นท์ “คนจากเขตทหารของพวกเอ็งมาถึงกันหมดแล้ว เข้าไปพักผ่อนกันก่อนสิ! การแข่งขันคัดเลือกก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
“ครับ”
แน่นอนว่าเย่เทียนไม่ปฏิเสธและเดินเข้าไปตามที่แนะนำ
“เย่เทียน เรามาถึงแล้ว”
ในระยะการเดินเท้าที่ไม่ไกลมากนัก พวกเขาก็ได้มาถึงเต็นท์บังแดดของเขตทหารเจียงห้วย จากนั้นเซวหมานจื่อเหยียดมือออกมาตบไหล่เย่เทียนเบาๆ แล้วพูดว่า “เต็นท์ของเขตทหารเจียงหนันของพวกคุณน่าจะอยู่เต็นท์ที่สองนับจากด้านหลังนะครับ งั้นเดี๋ยวเราค่อยเจอกันนะ”
“ขอบคุณครับ”
เย่เทียนยิ้มจางๆ แล้วพาจี้เยียนหรันเข้าไปในเต็นท์ที่สองนับจากด้านหลังสุด
เมื่อทั้งสองเดินมาถึง ก็เห็นชายสองคนในเต็นท์ที่กำลังเล่นหมากรุกกันอย่างตั้งใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเฉิงหลงหัวหน้าหน่วยชางหลง ส่วนอีกคนคือฉินชิงหู่ หัวหน้าเขตทหารของเจียงหนัน!
“พี่เฉิง คุณอาฉิน พวกคุณสองคนน่าจะสนุกมากเลยนะคะ!”
ในที่สุดก็เจอคนรู้จักสักที รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นที่มุมปากของจี้เยียนหรัน และเธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
“เยียนหรัน เย่เทียน มากันแล้วเหรอ!”
ฉินชิงหู่รีบลุกขึ้นยืนและชี้ไปที่เก้าอี้ว่างสองตัวที่อยู่ข้างๆ เขา “มา มา มา เข้ามานั่งก่อน”
“บรรยากาศการแข่งขันคัดเลือกมันธรรมดาแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอครับ?”
เย่เทียนนั่งลงด้วยสีหน้าขมขื่น ในที่สุดเขาก็พูดความสับสนในใจออกมา
เขาไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก แต่บรรยากาศของงานมันธรรมดาเกินไปจริงๆ!
เพราะเก้าอี้ที่นั่งเป็นเก้าอี้พับที่มีราคาไม่ถึง 20 หยวน ส่วนโต๊ะก็เป็นโต๊ะพับเท่านั้น นอกจากยังมีน้ำเปล่าอีกสองขวดก็ไม่มีอะไรอีกเลย ซึ่งราคาต้นทุนไม่ถึง 200 หยวนเลยด้วยซ้ำ!
นี่มันเป็นการคัดเลือกของทีมสายฟ้าจากกองทัพที่แข็งแกร่งหนึ่งในสามของเหล่าเดอะคิงจริงๆ หรือ? แล้วมันต่างอะไรกับที่พักชั่วคราวของคนงานรับจ้างในเหมืองแร่ล่ะ?!