เมื่อเย่เทียนกลับมาถึงที่โรงแรม เขาก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นจี้เยียนหรันก็อยู่ด้วย และยังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นเย่เทียนกลับมาถึง ฝ่ายหญิงก็ลุกขึ้นมาทันที เธอเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก
เย่เทียนนั้นรู้ดีว่าจี้เยียนหรันนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงส่ายหัวแล้วยิ้มพูด “ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขาหรอก”
เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ จี้เยียนหรันก็โล่งอกและถามไปว่า “งั้นคุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?”
“ไม่เลย”
เย่เทียนถูจมูกไปมาและพูดอย่างจนใจว่า “หลังจากที่คุณกลับออกมา เดิมทีผมตั้งใจจะกลับไปถามคนกลุ่มนั้น แต่พอผมกลับเข้าไปในบ้านหลังพวกมันก็ไม่มีใครอยู่แล้ว!”
เขาตั้งใจปิดบังเรื่องของผู้หญิงคนนั้น หนึ่งคือเขาไม่อยากให้เธอเป็นกังวล สองคือเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเธออย่างไร
เพราะถึงอย่างไรแล้ว ด้วยนิสัยของคนอย่างจี้เยียนหรัน เธอจะถามจนกว่าจะรู้ความจริงให้ได้ ถ้าแบบนั้นเรื่องของเซ่เจียต้องถูกเปิดเผยแน่
“หายไปงั้นเหรอ?!”
คิ้วอันสวยงามของจี้เยียนหรันขมวดขึ้น และมองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาแปลกๆ
สำหรับเธอแล้ว เย่เทียนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่วันนี้กลับมีคนที่รอดพ้นจากน้ำมือของเขา แล้วเธอจะเชื่อได้อย่างไร!
แต่ในขณะเดียวกัน จี้เยียนหรันก็คิดว่าเย่เทียนส่งพวกเขาไปดื่มน้ำชากับยมบาลแล้ว แต่ตั้งใจสร้างเรื่องมาโกหกเธอเท่านั้น
“หืม?!”
เย่เทียนสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของจี้เยียนหรัน แล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึบรีบพูดไปว่า “เยียนหรัน ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ นะครับ มีคนมาช่วยพวกนั้นไปจริงๆ!”
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมมีพยานนะ เดี๋ยวผมจะเรียกเขามาตอนนี้เลย”
เมื่อพูดจบ เย่เทียนทำท่าเหมือนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
“พอแล้ว ฉันเชื่อคุณก็ได้”
จี้เยียนหรันยื่นมือออกไปหยุดเย่เทียนไว้ แต่สีหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความสงสัย
“เยียนหรัน คุณดีจังเลยนะ มา! ขอกอดหน่อย”
เย่เทียนยิ้มและเตรียมอ้าแขนเข้าไปกอดเธอ
“คุณสกปรกมาก ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
แต่จี้เยียนหรันกลับถอยออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำด้วยมืออันขาวเนียนของเธอ
“เยียนหรัน งั้นคุณรอผมแป๊บนึงนะ!”
เย่เทียนขยิบตาเจ้าเล่ห์ใส่จี้เยียนหรัน พร้อมกับฮัมเพลงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างมีความสุขและได้ใจมาก ขอแค่เป็นคนก็จะรู้ว่าหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ คงไม่ใช่แค่จะกอดแน่นอน
จี้เยียนหรันมองไปที่ห้องน้ำจากด้านหลังพร้อมกับส่ายหัวอย่างจนใจ เธอไม่รู้จะรับมือเย่เทียนคนนี้อย่างไรแล้ว
“ไม่ได้! ในเมื่อปล่อยพวกมันหนีไปได้ งั้นเราก็ต้องแจ้งตำรวจอยู่ดี!”
เมื่อครุ่นคิดแล้ว จี้เยียนหรันก็ไม่ค่อยวางใจ หลังจากฝากข้อความทิ้งไว้ให้กับเย่เทียนแล้วเธอก็ไปที่สถานีตำรวจทันที
เย่เทียนที่กำลังอาบน้ำอยู่ยังไม่รู้ว่าจี้เยียนหรันออกไปข้างนอกแล้ว ในเวลานี้เขายังคิดว่าคืนนี้จะแสดงศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับจี้เยียนหรันดู และยังคงฮัมเพลงแล้วอาบน้ำไปอย่างมีความสุข
“น้องเยียนเยียน น้องหรันหรัน ผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะครับ คุณจะอาบต่อไหมครับ?”
ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น เย่เทียนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมพึมพำในปากกับตัวเอง
“คนล่ะ? หายไปไหนแล้ว?”
เนื่องจากเป็นห้องเดี่ยวที่หรูหรา แค่มองเย่เทียนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนี่ก็ทำให้เย่เทียนต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เมื่อนึกได้อย่างนี้ เย่เทียนก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่เขาวางไว้เพื่อที่จะโทรหาจี้เยียนหรัน
แต่ในขณะนี้ เย่เทียนก็เห็นข้อความที่จี้เยียนหรันฝากไว้ ทำให้เขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น แต่เขาไม่สามารถขัดใจเธอได้ ทำได้เพียงส่งข้อความสั้นๆ กลับไปให้เธอ
ในเมื่อนางเอกไม่อยู่ เย่เทียนก็ต้องหยุดความคิดที่ไม่ใสซื่อในใจ เขาขณะนี้เขาได้แต่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงนุ่มแล้วฝึกวิชาของเขา จากนั้นสักพักก็นอนลงและเข้าสู่ความฝัน
ในเช้าวันใหม่ เย่เทียนถูกปลุกให้ตื่นด้วยนาฬิกาปลุกที่เขาตั้งไว้ในโทรศัพท์ หลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จเขาก็ลงไปรับประทานอาหารที่ชั้นล่าง และเมื่อเดินออกไปจากประตูโรงแรม ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว
รอไม่ถึงสองนาที รถจิ๊ปของทหาารคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าเขา และคนที่นั่งอยู่ในรถนอกจากจี้เยียนหรันกับเพื่อนอีกสองคนแล้วจะเป็นใครได้อีก?!
เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มการแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้าอย่างเป็นทางการ!
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
เซวหมานจื่อที่รับผิดชอบเป็นคนขับรถใส่แค่เสื้อกั๊กธรรมดา ทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ของเขาและทำให้มองแล้วรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งมาก
ส่วนผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นใส่ชุดลำลองธรรมดาและมัดผมไว้สูงๆ ซึ่งทำให้มองแล้วดูมีออร่าเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่า ทั้งสามคนให้ความสำคัญกับการแข่งขันคัดเลือกของทีมเดอะคิงในปีนี้มาก
เย่เทียนที่รอเวลานี้มานานก็ไม่รอช้าและรีบขึ้นไปข้างที่นั่งคนขับทันที
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เทียน และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างแรงกล้า
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เขาไม่กล้ารับประกันว่าปีนี้จะคว้าแชมป์ แต่การได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมสายฟ้านั้นเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเขามาก!
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกๆ เดือนจะได้รับยาที่เหมาะสมกับความสามารถของตนเองฟรีๆ หนึ่งเม็ด ฉะนั้นคงไม่ต้องพูดถึงสิทธิประโยชน์อีกมากมาย
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้เลือกที่จะพูดก่อน แต่กลับหันมองไปที่เซวหมานจื่อที่กำลังขับรถอยู่และพักสายตาไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้เวลาในการเดินทางนานเท่าไร่ และในที่สุดรถจิ๊บก็ค่อยๆ จอดลง
เย่เทียนที่พักสายตามาตลอดทางก็ลืมตาขึ้น และพบว่ารถจิ๊บที่นั่งอยู่ได้มาจอดอยู่ที่สนามกว้างอันรกร้างแห่งหนึ่ง
ตุบ ตุบ ตุบ!!!
เย่เทียนยังไม่ทันหายสงสัย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแหลมดังเข้าหู เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าเขาก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังร่อนลงมาอย่างช้าๆ
“การแข่งขันคัดเลือกไม่ได้จัดที่เขตทหารเมืองจินเหรอ?”
เย่เทียนขมวคิ้วขึ้นมาทันที เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
เพราะจากการสรุปการประชุมเมื่อวาน ได้ข้อสรุปมาว่าจะจัดรายการนี้ในเขตทหารของเมืองจินถึงจะถูก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ครับ”
เซวหมานจื่อจะเคยมีประสบการณ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือก แถมยังเป็นคนในพื้นที่ของเมืองจินอีกด้วย อีกทั้งตระกูลของเขานั้นเป็นมหาอำนาจในเมืองนี้ เขาจึงความใจข่าววงในอย่างชัดเจน จึงได้อธิบายว่า “ตอนแรกก็ว่าจะจัดการแข่งขันคัดเลือกในเขตทหารนะ แต่ว่า……”
“คุณก็น่าจะรู้ดี คนอย่างพวกเราถ้าเอาจริงขึ้นมา พลังในการทำลายล้างมันจะรุนแรงจนเกินไป เอาง่ายๆ เลย ต่อให้ต้องซ่อมพื้นคอนกรีตมันก็ต้องใช้ทุนไม่ใช่หรือ?”
“ต่อมาหัวหน้าใหญ่ในเขตทหารแนะนำว่าควรจัดการแข่งขันในสถานที่ที่ต้องใช้ระเบิดถึงจะทำลายได้ บางทีก็ไปจัดในตึกร้างเก่าๆ หรือบางทีก็ไปจัดบนเนินเขาที่แห้งแล้ง แต่ครั้งนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะจัดที่ไหน ถึงเวลาค่อยว่ากัน”
เย่เทียนพยักหน้าและครุ่นคิดไปด้วย เขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เพราะนักสู้นั้นแตกต่างจากคนทั่วไปมาก และถ้าหากเอาจริงขึ้นมา พลังทำลายล้างมันอาจเท่ากับรถขุดขนาดใหญ่ หรืออาจรุนแรงกว่านั้นก็ได้!