”ปัง!”จงคุยทุบมือลงโต๊ะอย่างแรง ทำให้ชุดกาน้ำชาโบราณมูลค่าสูงร่วงตกลงพื้นแตกกระจาย
”ไอ้พวกทหารรับใช้ของจงไคมันกล้าพูดอย่างนี้จริงๆเหรอ?!”จงคุยในตอนนี้กำลังโกรธจัด
”คะ-ครับ!”นายทหารที่ถูกถามเอ่ยตอบตัวสั่นเพราะท่าทางที่น่ากลัวของจงคุย “แต่ท่านพลเอกครับ ตอนนี้กลุ่มชาวบ้านกำลังสร้างปัญหา พวกเขาเรียกร้องการชดเชยจากเราครับ”
”หึ!ถุย! ไอ้พวกขอทาน!” จงคุยตวาดลั่น แต่แล้วจู่ๆเขาก็เปลี่ยนใจ “จ่ายให้พวกมันแล้สส่งพวกกลับออกไป”
ยังไม่ทันที่จงคุยจะพูดจบประโยคดี——–
”ท่านครับ!แย่แล้วครับ!” ทันใดนั้นก็นายทหารอีกคนก็วิ่งเข้ามาในห้องหน้าตื่นเพื่อรายงานสถานการณ์เร่งด่วน “กลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ประท้วงอยู่หน้าศูนย์บัญชาการครับ พวกเขาบอกว่าเพราะทหารของกับทหารจากกองทัพส่วนตัวของพลเอกจงไคต่อสู้กันจนทำให้บ้านเรือนของพวกเขาพังครับ!”
”อะไรน่ะ?!”จงคุยตาเบิกกว้างทันทีเมื่อสะดุดกับคำคำหนึ่ง “กองทัพส่วนตัวของจงไค? นี้มันเรื่องอะไรกัน? แล้วทำไมไอ้พวกชาวบ้านขอทานนั้นต้องมาแต่จากฉัน?”
”พวกเขาบอกด้วยว่าพลเอกจงไคพูดว่า——“นายทหารที่กำลังรายงานยังไม่ทันจบดีจู่ๆก็โดนจงคุยตะคอกขัดขึ้นมาก่อน
”แกเรียกใครว่าพลเอก?!”เสียงตวาดอย่างรุนแรงที่เป็นผลมาจากความโกรธของจงคุยทำให้นายทหารที่กำลังรายงานต้องรีบกลืนคำพูดลงคอด้วยความกลัว “ฉันเป็นพลเอกคนเดียวในค่ายจินหยาง!”
”คะ-ครับท่าน! ใช่ครับ!” นายทหารรีบพยักหน้าตามรัวๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “ถ้างั้นให้ผมเรียกว่าอะไรดีครับ?”
”%^&@^%$!!”จงคุยสบถตามแรงอารมณ์ “ไอ้หมาลอบกัดจงไค มันกล้าดียังไง…” จงคุยที่กำลังด่าทอจงไคเพื่อระบายอารมณ์ ทันใดนั้น——
”ท่านพลเอกครับ!แย่แล้วครับ!”
นายทหารคนที่สามเข้ามารายงานด้วยท่าทางกระวนกระวายหากยังไม่ทันที่นายทหารคนนี้จะได้ทันรายงานให้จงคุยฟัง จงคุยที่กำลังอารมณ์เดือดอยู่ก็พูดขัดขึ้นก่อน
”แก!พอ! อย่าบอกนะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?!” จงคุยที่กำลังหัวเสียพอจะเดาได้แล้วว่านายทหารคนนี้จะเข้ามารายงานเรื่องอะไร
ขณะเดียวกันภายในบ้านพักของจงไคภาพเหตุการณ์เช่นเดียวกับภายในห้องของจงคุยก็เกิดขึ้นกับจงไคเช่นกัน มีนายทหารวิ่งเข้ามารายงานด้วยสีหน้าแตกตื่นตามด้วยเสียงตะคอกอารมณ์เสียของจงคุยดังออกมาเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ เหล่าทหารของจงคุยเองก็หวาดกลัวกับแรงอารมณ์ของจงคุยจนไม่กล้าไปไหน
เพียงแค่วันแรกที่ชูฮันมาถึงค่ายจินหยางเขาก็สามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างสองพลเอกจนเกิดความวุ่นวายไปทั่วทั้งค่ายได้แล้ว
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่ชูฮันวางไว้โดยที่จงคุยและจงไคไม่รับรู้และมีความคิดที่จะหามาตราการมารับมือเลย เพราะทั้งคู่มัวแต่คิดโทษแต่ละฝ่ายอยู่ แต่ละคนต่างค้านหัวฝายืนยันเสียงแข็งว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดแก่ชาวบ้านที่มาประท้วง ทว่าต้องเป็นอีกฝ่ายต่างหาก
ดังนั้นตลอดระยะเวลาสองวันค่ายจินหยางจึงตกอยู่ในการจลาจลซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ามีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการทหารของชูฮันที่ปลอมตัวเป็นคนของพลเอกจงคุยและจงไคเล่นละครต่อสู้ทะเลาะกันต่อหน้าชาวบ้านเพื่อปลุกระดมคนเกิดความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ผู้ลี้ภัยที่เกิดความวุ่ยวายสูงสุดในประวัติศาสตร์
ในระหว่างนั้นทั้งสองพลเอกอย่างจงคุยและจงไคก็ได้เรียกประชุมฉุกเฉินภายในฝั่งอำนาจของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่กลยุทธ์ในการรับมือของทั้งสองฝ่ายต่างเป็นการช่วยเหลือแค่ชาวบ้านในเขตปกครองของตัวเองเท่านั้น เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงส่วนใหญ่ของแต่ละฝั่งก็เอาแต่ประจบเอาใจพลเอกในฝั่งตัวเองเพื่อผลประโยชน์
มีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่คาดเดาความรุนแรงที่จะเกิดตามมาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้พวกเขาได้เอ่ยขอให้พลเอกของตัวเองไปพบกับอีกฝ่ายเพื่อเจรจาและวิเคราะห์หาความจริงเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่กำลังลุกลามไปทั่วจนอาจจะเกินการควบคุมได้ในภายหน้า ทว่าก็ไม่เป็นผลเพราะทั้งสองพลเอกต่างหยิ่งยโสและคิดแต่จะเอาชนะอีกฝ่ายจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
หน่วยข่าวกรองลับที่นำโดยเหมิงชีเหว่ยได้แฝงตัวลึกเข้าไปภายในของค่ายจินหยางลึกเข้าไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือต้องไม่ให้อำนาจทั้งสองฝ่ายภายในค่ายจินหยางมาเจรจากันได้ จะต้องหาเรื่องยุแยงให้ต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกันมากขึ้น ทำให้รอยร้าวมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนความโกรธเปลี่ยนเป็นไฟที่สุมอก และเวลานีร้ความโกรธของทั้งสองฝ่ายได้มาถึงระดับสูงสุดแล้ว
เวลานี้สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องการคือกำจัดศัตรูให้สิ้นซาก!
ในวันที่สี่ของการมาถึงของชูฮันทั้งค่ายจินหยางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ราวกับกำลังจะจมน้ำ จนในที่สุดมันก็เกิดการจลาจลขนาดใหญ่ปะทุขึ้นไปทุกพื้นที่ของค่ายจินหยาง
แผนผังโครงสร้างภายในค่ายจินหยางไม่ได้แตกต่างไปจากค่ายอื่นๆมากนักมีการแบ่งพื้นที่สำหรับผู้ลี้ภัย พื้นที่สำหรับชาวบ้านผู้อยู่อาศัย และพื้นที่สำหรับชนชั้นสูงสำหรับคนมีเงินและฐานะเหมือนกับในซางจิง นี้เป็นแง่มุมที่จริงที่สุดในโลกาวินาศ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น สิ่งเหล่านี้จะพัฒนาตามขึ้นมาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ในเวลานี้มีผู้คนไม่มากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สำหรับชนชั้นสูงภายในค่ายจินหยางเหล่าคนที่มีอำนาจและเงินต่างหนีไปจากค่ายจินหยางตั้งแต่ช่วงแรกที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองพลเอกแล้ว คนที่เหลืออยู่ถ้าไม่ใช่คนที่มีแต่เงินแต่ไม่มีอำนาจก็เป็นพวกครอบครัวของเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลาย
และวันนี้…บนถนนของพื้นที่ชนชั้นสูงจู่ๆมันก็มีเสียงดังราวกับอะไรบางอย่างระเบิดขึ้นมา ตามมาด้วยความโกลาหล
”ตู้ม!!!”
หน้าต่างและประตูของทุกบ้านถูกเปิดออกทันทีทุกคนต่างออกมาดูว่ามันมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นข้างนอก
”อีพวกตัวดีทั้งหลาย!โผล่หัวออกมาสิ!” เสียงตะโกนรุนแรงป่าเถื่อนของผู้ชายคนหนึ่งดังเข้าหูทุกคนทุกคนที่เห็นภาพต่างตกใจกลัวและรีบวิ่งหนีเข้าไปบ้านตัวเองทันที
”ไปเอาตัวพวกผู้หญิงมา!เอามาให้หมด!”
ก่อนที่ทุกคนจะได้ทันหนีไปบ้านเรือนทั้งหลายก็ถูกพังและบุกเข้าไปชิงตัวเหล่าออกมา เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณ
”ไอ้ชั่ว!คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าพวกแกมันเป็นสมุนของไอ้ชั่วจงคุย? ส่งคนมาซ้อมทหารของพลเอกจงไคทุกวัน วันนี้แหละทุกคนในค่ายจินหยางจะได้เห็นความจริง!”
”ทุกคนฟัง!ทหารของไอ้จงคุยมันกำลังจะจับฉันไป!!!”
”ใครจะตายก่อนดี!”มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เหล่าผู้คนที่ถูกจับตัวมาซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นภรรยาและลูกๆของเหล่าเจ้าหน้าที่ของค่ายจินหยาง พวกเขาหันไปมองตามคนที่พูดด้วยแววตาหวาดกลัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ��