ตอนที่ 235: ทองแท่ง โดย Ink Stone_Romance

กินข้าวเสร็จ ไม่มีอะไรทำ และไม่ต้องทำอะไร ทุกคนก็จะมาพูดคุยกันที่บ้านหลังเก่า

มาถึงตอนเที่ยง เฉินเยี่ยนจะช่วยทำอาหาร แต่โดนย่าซินห้าวรั้งไว้ จนไป๋ซิ่วเหมยพาลูกสาวสองคนไปทำอาหาร ย่าซินห้าวถึงค่อยพาเฉินเยี่ยนเข้าไปในห้อง

ย่าซินห้าวอุ้มกล่องใบหนึ่งไว้ เอามาเปิดตรงหน้าเฉินเยี่ยน

เฉินเยี่ยนมองดู เห็นว่าของข้างในไม่น้อยเลย

มีกำไลเงิน มีแหวนเงิน มีหินโมรา แล้วยังมีพวกเงินตราต่างๆ อีก ชั้นล่างสุดสีทองเป็นประกาย เหมือนทองคำ

“เยี่ยนจื่อ เธอเป็นภรรยาของซินห้าว ซินห้าวเป็นหลานชายคนโตของฉัน เป็นหลานคนโตที่จะสร้างครอบครัวในอนาคต นี่เป็นของที่พ่อแม่ฉันมอบให้ตอนนั้น แล้วฉันก็ไม่สามารถเอาไปไว้ในโลงศพได้ด้วย เลยต้องแบ่งให้พวกเธอ เธอเป็นภรรยาหลานชายคนโตเลยแบ่งให้เธอก่อน อีกหน่อยค่อยแบ่งให้ภรรยาของซินเหวย

ย่าของซินห้าวพูดกับเฉินเยี่ยน

พร้อมเอาของมาให้ตัวเองด้วย

“คุณย่า คุณย่าเก็บไว้ก่อนดีกว่าไหมคะ? รอซินเหวยแต่งงานค่อยว่ากันใหม่”

เฉินเยี่ยนไม่อยากได้สมบัติพวกนี้ เธอกลัวว่าเธอหยิบไปก่อน แล้วภรรยาในอนาคตของซินเหวยจะมีความเห็น

“เธอวางใจได้ ฉันจะให้เธอ เขาก็ว่าอะไรไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็ต้องเก็บไว้ให้เขาหน่อย กำไลทองนี้เป็นคู่ ฉันจะส่งมอบให้ภรรยาของหัวหน้าครอบครัวซิน เดิมทีควรจะให้ภรรยาของซินชาน ก็แม่สามีเธอนั่นแหละ แต่ตอนนั้นเธอดูถูกครอบครัวฉัน ฉันเลยไม่ได้ให้ไป เธอจะได้ไม่ต้องมาดูถูกด้วย”

“กำไลเงินนี้ให้พวกเธอสองคนไว้ หินโมรานี้เธอเอาไปสองเส้น ส่วนเงินพวกนี้ ไม่ใช่ของดีอะไร เธออยากเอาไปเท่าไรก็เอาไป แล้วยังมีอันนี้ ดูสิว่าเธอเอาไปอันหนึ่งแล้วเก็บไว้ให้ภรรยาซินเหวยอันหนึ่งดีไหม?

ย่าของซินห้าวบอกว่าแบ่งของให้เฉินเยี่ยน สุดท้ายเธอชี้ไปในกล่อง

เฉินเยี่ยนเห็นชัดแล้ว เป็นทองคำแท่งสองแท่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นของแบบนี้ เมื่อก่อนเคยเห็นในทีวี เป็นของประดับฉาก คิดไม่ถึงว่ามีจริง

ฐานะของย่าซินห้าวต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมีของแบบนี้ได้ยังไง? เพราะย่าของเธอเก็บสินสอดไว้ให้ที่บ้านก็มีกำไลเงินสองคู่ สร้อยคอหินโมราหลายเส้น ที่เหลือก็เป็นพวกเหรียญทองแดง ห่างไกลกับย่าซินห้าวมาก

“เก็บไว้แท่งหนึ่งให้ภรรยาซินเหวยเถอะค่ะ คุณย่า ทองคำแท่งนี่เก็บไว้ที่ย่าดีไหมคะ?”

เฉินเยี่ยนไม่กล้ารับ ทองคำเป็นสิ่งมีค่ามาก ตัวเองแต่งงานวันแรกก็เอาของมีค่าขนาดนี้กับคุณย่า เธอรู้สึกไม่ดีที่จะรับไว้

“ให้เธอก็รับไว้ ย่ารู้ว่าเธอเป็นคนดี เธอยอมแต่งงานกับซินห้าวในหมู่บ้านเกษตรกร บอกว่าจะอยู่กับซินห้าวที่นี่ เคารพฉันและปู่เขา ไม่ต้องพูดเลยว่าใจฉันเป็นสุขมากแค่ไหน เห็นพวกเธอมีความสุข ดียิ่งกว่าสิ่งของอะไรเสียอีก อีกหน่อยฉันตายไป ของพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร? เอาให้เธอเร็วหน่อย ฉันก็วางใจแล้ว ที่เหลือนอกจากซินเหวย ซินฮุ่ย ซินหลานฉันจะแบ่งให้พวกเธอส่วนหนึ่ง ก่อนเธอแต่งงานฉันก็พูดไว้ชัดเจนแล้ว ไม่มีใครว่าอะไรได้”

ย่าซินห้าวตบมือเฉินเยี่ยนเบาๆ เธอพอใจหลานสะใภ้คนนี้มาก ไม่โลภ กตัญญู ดีกว่าลูกสะใภ้เธอเยอะเลย

เฉินเยี่ยนรู้ว่าตัวเองได้ใจคุณย่าเพราะตัดสินใจอยู่กับซินห้าวที่หมู่บ้าน ดูเหมือนซุนหม่านเซียงจะทำร้ายคุณย่าหนักมาก

เฉินเยี่ยนเก็บของไว้เพราะคุณย่าดึงดัน เธอไม่ได้แสดงท่าทีมากมาย ถึงแม้ว่าเธอจะพูดมากยังไงก็เทียบไม่ได้กับการกระทำ วันข้างหน้าเธอจะกตัญญูต่อท่านทั้งสอง

เฉินเยี่ยนประคองของไว้เดินเข้าไปในห้องโถง เธอรู้สึกว่าของนั้นหนักอึ้ง ไม่ใช่เพราะเงินทองในมือ แต่เป็นเพราะน้ำใจของคุณย่าที่มีต่อเธอ

อันที่จริงไม่มีของพวกนี้ เธอก็กตัญญูต่อผู้อาวุโสอยู่แล้ว แต่คุณย่าให้ความสำคัญกับเธอ เธอจะยิ่งทำดีกับพวกท่าน

“ย่าเอาของให้เธอแล้วหรือ?”

ซินต้าฉุยรู้เรื่อง เลยถามเฉินเยี่ยน

เฉินเยี่ยนพยักหน้า

ซินฉุ่ยไม่ได้พูดอะไร สีหน้าก็ปกติมาก ดูเหมือนรู้เรื่องจริงๆ

“ที่บ้านซินห้าวนี้เป็นหลานคนโต แม่เจ้าก็เก็บไว้ให้ภรรยาในอนาคตของซินเหวยเหมือนกัน”

ซินต้าฉุยอธิบายให้ลูกชายคนเล็กฟัง

“พ่อ ผมรู้แล้ว วางใจได้ ซิ่วเหมยก็บอกแล้ว เราไม่แย่งกัน”

ซินฉุยเข้าใจความหมายพ่อแม่ เดิมทีของพวกนี้ต้องให้พี่สะใภ้ แต่พี่สะใภ้ดูถูกที่บ้าน แม่เลยไม่ได้เอาออกมา ตอนที่ตัวเองแต่งงานกับไป๋ซิ่วเหมย แม่เอากำไลคู่หนึ่งให้เขาเอาไปให้ซิ่วเหมย และพูดเรื่องนี้กับซิ่วเหมยด้วย

ซิ่วเหมยเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ได้มีความคิดอะไร กับเรื่องพวกนี้เธอก็ไม่มีความเห็น

ดูเหมือนลุงรองและป้ารองนิสัยไม่แย่เลย เฉินเยี่ยนแอบให้คะแนนในใจ บางทีสมบัติพวกนี้ก็สามารถทำให้เห็นนิสัยคนได้ แบบนี้ก็ดี แบบนี้พวกเขาก็สามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้

ตอนกินข้าวไป๋ซิ่วเหมยก็รู้เรื่องนี้ ก็แค่ยิ้ม สีหน้าไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร

ซินฮุ่ย ซินหลานก็รู้เรื่อง พวกเธอเป็นหลานสาว คุณย่าบอกว่าตอนที่พวกเธอแต่งงานจะให้กำไลเงินคนละคู่ แล้วยังมีหินโมรา เงิน เหรียญทองแดง อย่างอื่นให้แค่ภรรยาของบ้านซิน พวกเธอเข้าใจ ดังนั้นพวกเธอเลยไม่แก่งแย่ง

กินข้าวเสร็จ เฉินเยี่ยน ย่าซินห้าว ไป๋ซิ่วเหมยและซินฮุ่ย ซินหลานพูดคุยกันในห้อง

“ฮุ่ยเอ๋อร์ เธออยากไปโรงงานม้วนบุหรี่หรือเปล่า?”

เฉินเยี่ยนเป็นฝ่ายถามก่อน ในครอบครัวซินมีซินฮุ่ยที่อายุมากสุด สิบเจ็ดปีแล้ว ซินหลานอายุสิบห้าปี ซินเหวยเด็กสุด เพิ่งอายุสิบสามปี ไม่ต่างจากเฉินหู่มาก

“พี่สะใภ้ ฉันไม่ไป รอหลานเอ๋อร์ถ้าอยากไปจะมาบอกพี่สะใภ้อีกที”

ซินฮุ่ยปฏิเสธ

เฉินเยี่ยนรู้สึกคาดไม่ถึง

เธอเห็นซินฮุ่ยและซินหลานสองพี่น้องต่างขยับ มือไม้คล่องแคล่ว เธอถึงมีความคิดนี้ขึ้นมา ไม่ได้อยากจะประจบใคร

“ฮุ่ยเอ๋อร์หมั้นหมายแล้ว เดือนสามปีหน้าจะแต่งงาน แม่สามีเธอขาไม่ค่อยดี ฮุ่ยเอ๋อร์ไปทำงานบ้านงานในไร่ ไม่สามารถทำงานได้แล้ว”

ฝั่งไป๋ซิ่วเหมยกลัวเฉินเยี่ยนเข้าใจผิด เลยกระซิบเล่าให้เฉินเยี่ยนฟัง

แบบนี้นี่เอง เฉินเยี่ยนพยักหน้า

แต่เธอคิดไม่ถึงว่าบ้านสามีของซินฮุ่ย แม่สามีจะขามีปัญหา ฐานะของบ้านซินดีมาก ดูแล้วซินฮุ่ยกันซินหลานก็หน้าตาไม่แย่ ทำไมถึงไม่หาคนที่ดีกว่านี้นะ?

อีกอย่างปีหน้าซินฮุ่ยเพิ่งจะสิบแปดเอง ยังไม่ถึงอายุที่ต้องแต่งงานเลย แต่ที่นี่ก็นับว่าไม่เด็กแล้ว มีบางคนแต่งงานตั้งแต่อายุสิบหก ถึงเวลาค่อยไปจดทะเบียนสมรสก็ได้

แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้ถาม ยังไงเธอก็ยังไม่ได้สนิทกับคนที่นี่ถึงขั้นนั้น

“พี่สะใภ้ อีกหน่อยฉันสามารถไปได้ไหม? แต่ฉันม้วนบุหรี่ไม่เป็น ฉันไม่อยากทำให้พี่วุ่นวาย ถ้าวุ่นวายฉันจะไม่ไป”

ซินหลานกลับอยากจะไปโรงงานม้วนบุหรี่ เธออายุยังเด็ก ยังไม่หมั้นหมาย แต่แม่เธอเคยบอกเธอว่า อย่าตักตวงผลประโยชน์จากคนอื่น ดังนั้นก่อนหน้านี้เธอเลยไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ได้ยินเฉินเยี่ยนเป็นฝ่ายถาม เธอเลยรู้สึกซาบซึ้ง

“ทำไมจะไม่ได้? ถ้าเธออยากไป ไปได้แน่นอน เดี๋ยวอีกหลายวันฉันจะสอนเธอม้วนบุหรี่ เธอฝึกอยู่ที่บ้านก่อนค่อยไปก็ได้”

เฉินเยี่ยนยิ้มให้ซินหลานด้วยความเป็นมิตร

สายตาซินหลานเป็นประกายขึ้นมาทันที

พอสายตาเธอเป็นประกาย เธอดูสวยขึ้นมาเยอะเลย

เฉินเยี่ยนรู้ว่าผู้หญิงวัยนี้เป็นช่วงที่อยากจะแสดงคุณค่าในตัวเอง คุณให้โอกาสเธอ เธอจะทำอย่างถึงที่สุด อยากได้รับการยอมรับ นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่มีค่าสำหรับเธอ