บทที่ 2303 ได้รับความช่วยเหลือ 3 / บทที่ 2304 ฝ่าวงล้อม

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2303 ได้รับความช่วยเหลือ 3

ภายในเรือนยังนับได้ว่าโล่งสว่าง ด้านในมีนางกำนัลสูงวัยคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยคนนั้นไว้ปลอบโยนจนเหงื่อชุ่มศีรษะไปหมดแล้ว

แต่เด็กน้อยคนนั้นกลับร้องไห้ไม่ยอมหยุดเสมือนโดยแมงป่องต่อยก็มิปาน ดวงหน้าเล็กๆ แดงก่ำไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาร้องไห้อย่างหนักจริงๆ

เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วเข้ามา นางกำนัลสูงวัยก็รีบเข้ามาทำความเคารพเธอ

กู้ซีจิ่วชักใบหน้าพริ้มเพราให้เคร่งตึงนิดๆ

“เจ้ากล้าทารุณเขาหรือ?! เหตุใดเขาจึงร้องไห้จนกลายเป็นเช่นนี้?”

นางกำนัลสูงวัยคุกเข่าลงเสียงดังตึง

“ขอความเป็นธรรมด้วยเถิด! บ่าวปลอบโยนเขาเห็นเป็นดั่งบรรพบุรุษ ไหนเลยจะกล้าทารุณเจ้าคะ?”

“เช่นนั้นเขาหิวหรือ?”

“เขาไม่กินนมเลยเจ้าค่ะ”

นางกำนัลสูงวัยผู้นั้นอยากร้องไห้ทว่าไร้น้ำตา

“บ่าวเสาะหาแม่นมที่ดีที่สุดในเมืองมาให้เขา น้ำนมพรั่งพร้อม รูปลักษณ์คนก็เหมาะสม แต่ท่านบรรพบุรุษน้อยผู้นี้กลับหลับตาไม่ยอมกินท่าเดียว! จะฝืนยัดใส่ปากเขาก็ยัดไม่เข้า…”

กู้ซีจิ่วมองดูหนูน้อย หนูน้อยยังคงอ้าปากตะเบ็งเสียงอยู่ แต่พอเห็นกู้ซีจิ่วเข้ามา ดวงตาใหญ่คู่เล็กคู่สบกันเข้า ดวงตาหนูน้อยก็หยีโค้งแวบหนึ่ง คล้ายจะยิ้มแวบหนึ่ง

แน่นอน รอยยิ้มของเขาเลือนหายไปอย่างรวดเร็วยิ่ง สองมือน้อยๆ ยื่นมาทางเธอ ท่าทางอยากให้อุ้ม

กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว!

ไอ้หนูนี่จงใจ! จงใจใช้วิธีร้องไห้โยเยมาก่อกวนองค์หญิง มีเพียงวิธีนี้ เขาถึงจะถูกพามายังสถานที่ห่างไกลเช่นนี้…

และเสียงร้องไห้ของเขาก็ง่ายต่อการได้ยินของผู้ที่มาช่วยเหลือ สามารถตามรอยมาได้

ไอ้หนูนี่ตัวเล็กแค่นี้ก็รู้จักวางแผนแล้ว! ผู้ใดให้กำเนิดกัน?!

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกริษยามารดาของหนูน้อยอยู่บ้าง ให้กำเนิดทารกน้อยที่ละเมิดสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้ผู้ใดจะไม่ดีใจบ้างเล่า?!

กู้ซีจิ่วยื่นมืออกไป

“ให้ข้าลองอุ้มเขาหน่อย”

นางกำนัลสูงวัยผู้นั้นผงะไปแวบหนึ่ง นางกำนัลเย่ท่านนี้รังเกียจเด็กเล็กๆ เสมอมา ขอเพียงได้ยินเสียงเด็กร้องก็จะหัวเสียแล้ว หนนี้เป็นอะไรไป?

“แม่นางเย่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นยิ่ง บ่าวเกรงว่าเขาจะทำให้ท่านรำคาญเอาได้…”

กู้ซีจิ่วยังไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นหนูน้อยก็ยื่นแขนออกมา ฟาดหน้านางกำนัลสูงวัยจนตาลายเห็นดาวแล้ว!

นางกำนัลสูงวัยทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วจึงยื่นมือไปรับเด็กมาเสียเลย

ว่าไปแล้วก็แปลก พอหนูน้อยเข้าสู่อ้อมแขนของกู้ซีจิ่วก็หยุดร้องเลย ลืมตากลมแป๋วมองกู้ซีจิ่ว สดใสอย่างยิ่ง

นางกำนัลสูงวัยถอนหายใจอย่างโล่งอก

“นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะถูกชะตากับแม่นางเย่…”

กู้ซีจิ่วโบกมือ

“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะดูเด็กคนนี้เอง”

นางกำนัลสูงวัยย่อมยินดีที่ได้โยนเผือกร้อนลวกมือหัวนี้ออกไปชั่วขณะ จึงตอบรับแล้วออกไป

“เฮ้อ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว! คอข้าแหบแห้งไปหมดแล้ว!”

หนูน้อยถอนหายใจ เอ่ยขึ้นมา

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าจะมา?”

“เจ้าตัดใจทิ้งข้าไม่ลงหรอก”

หนูน้อยเอียงหัวซุกอกเธออย่างน่ารักน่าเอ็นดู

“ข้ามีอะไรให้ตัดใจจากเจ้าไม่ลงกัน? เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับข้าเลยด้วยซ้ำ”

หนูน้อยกะพริบตา

“เจ้าเป็นแม่ข้าไง…”

กู้ซีจิ่วมือสั่นนิดๆ เกือบจะทำหนูน้อยในอ้อมแขนหล่นลงไปแล้ว!

“พูดจาเหลวไหล!”

กู้ซีจิ่วแทบจะเขกหัวเขาแล้ว

“ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลยนะ! จะไปให้กำเนิดเจ้าตอนไหนกัน?!”

โชคดีที่เธอไม่ใช่ผู้ชาย มิเช่นนั้นคงนึกว่ามีผู้หญิงแอบคลอดลูกนอกสมรสให้เธอเสียแล้ว!

แต่เธอเป็นผู้หญิง ใช่เด็กที่ตนให้กำเนิดหรือไม่จะไม่ทราบได้ยังไง? แถมเธอก็ไม่ได้ความจำเสื่อมแล้วด้วย!

ไอ้ตัวเล็กพูดจาเหลวไหลโป้ปด!

เพียงแต่ในเวลาเช่นนี้กู้ซีจิ่วคร้านจะถกเถียงกับเขา เธอต้องพาทั้งคู่ออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

กู้ซีจิ่วอุ้มหนูน้อยไว้ในข้างหนึ่ง อีกข้างก็หิ้วเซี่ยจื้อน้อยขึ้นมา ใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที…

เธอยังคงคำนวณระยะทางได้แม่นยำยิ่ง แผนการของเธอคือเคลื่อนย้ายไปยังทิศตะวันออกของเมือง เธอเตรียมรถม้าไว้ที่นั่นหนึ่งคัน เมื่อถึงเวลาก็ออกจากเมืองได้ทันที

————————————————————————————-

บทที่ 2304 ฝ่าวงล้อม

กลับคาดไม่ถึงว่าหลังจากเคลื่อนย้ายเสร็จสิ้นแล้ว พอเธอตั้งสติลืมตาขึ้นมาก็พบว่ารอบกายคือทุ่งรกร้าง มีพฤกษาใหญ่ที่คล้ายต้นไผ่อยู่ไม่กี่ต้น

บุรุษที่ดูคล้ายไผ่เขียวคนหนึ่งกำลังนอนเอกเขนกเลิกคิ้วมองเธออยู่บนแขนงกิ่งก้านหนึ่ง นัยน์ตาดอกท้อพราวระยับ

กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง อาณาจักรมารแห่งนี้ติดตั้งค่ายกลพิเศษอันใดไว้หรือเปล่า? พอเธอเคลื่อนย้ายออกมาจากตำหนักมารและจวนองค์หญิง ล้วนตรงมาโผล่ที่นี่เหมือนกัน

“แม่นางน้อย พวกเราช่างมีวาสนาต่อกันโดยแท้ เจอกันอีกแล้ว!”

บุรุษผู้นั้นพลันเคลื่อนกาย กระโดดลงมาจากต้นไม้เสมือนใบไม้ที่ปลิดปลิว ร่อนลงตรงหน้ากู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ ตอนนี้เธอยังอยู่ในรูปลักษณ์ของนางกำนัลเย่ผู้นั้นอยู่ ชายท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยผู้นี้กล่าวเช่นนี้ออกมา เป็นเพราะเดิมทีก็รู้จักนางกำนัลเย่อยู่แล้ว? หรือเขาจดจำตัวเธอกู้ซีจิ่วได้?

ตอนนี้เธอไม่คิดจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก และไม่คิดจะสนใจคนอยู่ว่างด้วย ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าให้นิดๆ เตรียมพาเจ้าตัวน้อยทั้งสองทำการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง

“แม่นาง ครั้งก่อนที่พบเจ้าเจ้ายังร้องไห้อย่างมืดฟ้ามัวดินอยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าหนนี้จะพาลูกมาด้วย หรือว่าครั้งก่อนที่ร้องไห้เป็นเพราะลูกหาย? เอ๋ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะสยบเซี่ยจื้อตัวหนึ่งได้ด้วย แม่นาง เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ!”

ชายหนุ่มเสเพลผู้นี้ยกนิ้วให้เธอ

มารดามันเถอะ เจ้าน่ะสิยอดเยี่ยม!

กู้ซีจิ่วแทบจะผรุสวาทแล้ว!

ไอ้เวรนี่ไม่เพียงแต่มองทะลุทักษะแปลงโฉมของเธอได้เท่านั้น ยังมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอด้วย มิเช่นนั้นคงมองทะลุตัวตนที่เธอแปลงโฉมออกว่าเป็นคนเดียวกันได้ถึงสองครั้งหรอก

แถมมองแวบเดียวก็แยกแยะเซี่ยจื้อได้แล้ว…

ชายเสเพลผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงดูคล้ายว่าเติบใหญ่ขึ้นที่นี่? ทั้งสองครั้งที่เธอเคลื่อนย้ายมาโผล่ที่นี่ล้วนได้พบกับเขา…

ขณะที่กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง คนผู้นั้นก็วนเวียนรอบตัวเธอสามรอบ

หนูน้อยคนนั้นมองเขาอย่างระแวดระวัง ดวงตาตามติดการเดินวนของเขา

“เด็กน้อยคนนี้เป็นลูกเจ้ากระมัง? โอ้ เหมือนเจ้ามากเลย”

สายตาบุรุษผู้นั้นดั่งไฟฉาย กวาดตามองหนูน้อยรอบหนึ่ง

เหมือนบ้าอะไร! นี่ไม่ใช่ลูกเธอด้วยซ้ำ!

เห็นทีว่าสายตาคนผู้นี้จะย่ำแย่เกินไปแล้ว…

คนแปลกๆ แบบนี้ยั่วยุให้น้อยที่สุดจะดีกว่า

ตามหลักที่ว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้นมิสู้มีเรื่องน้อยลง กู้ซีจิ่วค่อยๆ ถอยหลังไป ใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง…

เพียงแต่หนนี้เธอเคลื่อนย้ายออกไปไม่ได้ ซ้ำยังหวิดจะชนถูกต้นไผ่ต้นหนึ่ง!

ส่วนปากของเซี่ยจื้อน้อยแทบจะเสียบทะลุกิ่งไม้แล้ว ตกใจจนหดตัวทันที กลิ้งหลุดมือกู้ซีจิ่ว ร่วงลงบนพื้น

กู้ซีจิ่วตั้งหลักทันที หรี่ตานิดๆ มองไปที่ชายชุดไผ่

“ท่านผู้สูงศักดิ์มีเจตนาใด?”

ชายชุดไผ่ผู้นั้นยิ้มละไมพลางตบเสื้อคลุมตน

“ปล่อยให้เจ้าหนีไปได้หนหนึ่งแล้ว หนที่สองย่อมต้องระวังหน่อย เจ้าบุกเข้ามาในอาณาเขตของข้าถึงสองครั้ง หากว่าปล่อยเจ้าไปเช่นนี้ ข้าจะเสียหน้ามากแค่ไหนกัน?”

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร?”

“ฝีมือในการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมได้ตามใจปรารถนาของเจ้าเยี่ยมยอดนัก! มิสู้สอนให้ข้าต่างค่าผ่านทางเล่า?”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…

“เจ้าจะไม่สอนให้ข้าก็ได้นะ ที่แห่งนี้ของข้าไม่มีผู้ใดเข้ามาเนิ่นนานแล้ว ข้าเหงามากเลย มิสู้เจ้ารั้งอยู่ที่นี่สักสามวัน พูดคุยร่ำสุราเป็นเพื่อนข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”

แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ เม้มปากแล้วตอบว่า

“ข้าอยากตอบรับเงื่อนไขที่สองของเจ้านัก แต่เจ้าก็รู้ ข้าเป็นเผ่ามนุษย์จากด้านนอก ไม่อาจรั้งอยู่ในอาณาจักรมารนานๆ ได้ ดังนั้นข้าไม่สามารถตอบรับเงื่อนไขที่สองของเจ้าได้ ส่วนเงื่อนไขแรก เคล็ดแปลงโฉมของข้าซับซ้อนยิ่ง ต่อให้เจ้าฉลาดเลิศล้ำปานใด ก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้สี่ห้าวันถึงจะร่ำเรียนไปได้เสี้ยวกระผีกหนึ่ง… ดังนั้นไม่อาจตอบรับเงื่อนไขเจ้าได้ ขออภัยด้วย!”

วรยุทธ์ของชายชุดไผ่ผู้นี้สูงยิ่ง อย่างน้อยๆ ก็มีพลังยุทธ์ขั้นจินเซียนขึ้นไป ซ้ำวรยุทธ์ยังพิสดารยิ่งนัก คนประหลาดเช่นนี้กู้ซีจิ่วไม่อยากไปยั่วยุเป็นที่สุด