อันจี๋อวี่รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ตอนนี้จะให้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองครอบครัวมีปัญหาไม่ได้เด็ดขาด มันจะเป็นผลเสียกับพวกเขามาก
อันจี๋อวี่พูดอย่างร้อนรน “นี่ก็น่าจะมีทางแก้ไขไม่ใช่เหรอครับ ผมจะให้ลูกสาวฝึกฝนตัวเองใหม่ เธอต้องเป็นสะใภ้ที่ดีได้แน่ คุณก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของครอบครัวพวกเราทั้งสองฝ่ายดีนี่ครับ หวังว่าคุณจะยอมให้อภัยเธอสักครั้ง”
เซียวเฉียงโกรธมาก นี่เป็นการหลอกลวงกันชัดๆ ทำไมเขาต้องยอมทนด้วย?
เซียวเฉียงพูดเสียงดังว่า “ในเมื่อเรื่องที่อันซิงทำลงไปนี้พวกเรารู้เรื่องแล้ว งั้นก็ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเซียวจิ่งสือกับเธอซะ จะให้ลูกชายผมแต่งงานกับคนแบบนี้ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้ว คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกทั้งนั้น ถึงแม้ผมจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ แต่ผมก็มีหลักการอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่ามีความร่วมมือทางการค้าก็จะแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวของพวกเราได้ ผมหวังว่าคุณจะเคารพในการตัดสินใจของผม”
คราวนี้อันจี๋อวี่นึกอยากจะโมโหขึ้นบ้าง เมื่อครู่เขาอดทนกับเซียวเฉียงเพราะคำนึงถึงความร่วมมือต่อไปภายหน้า แต่ตอนนี้เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ในเมื่อเซียวเฉียงพูดแบบนี้ออกมาได้ อันจี๋อวี่ก็ไม่คิดจะอดทนกับเขาอีก
อันจี๋อวี่ร้องว่า “ตอนนี้คุณคิดจะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน [ 1 ] หรือไง ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้อันซิงเคยทำเรื่องพวกนั้นทำให้เธอมีประวัติด่างพร้อย แต่เป้าหมายก่อนหน้าของพวกเราทั้งสองครอบครัวก็คือช่วยเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตอนนี้คุณกลับจะมาทิ้งไปกลางครัน ผมพูดไว้ที่นี่เลยนะ ถ้าคุณคิดจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเราสองครอบครัว ผมจะให้ข่าวว่าเซียวจิ่งสือเห็นแก่ผลประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับบริษัทของคุณได้มากอยู่ล่ะมั้ง! ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะทำงานให้กับคนที่เห็นแก่ประโยชน์เท่านั้นหรอกนะ”
อันจี๋อวี่จำต้องใช้วิธีการข่มขู่เพื่อหยุดเรื่องนี้ไว้ให้ได้ เขาไม่อยากให้เซียวจิ่งสือกับอันซิงยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย สำหรับบริษัทของพวกเขานั่นจะเป็นเรื่องเลวร้ายมากแน่นอน
เซียวเฉียงยิ่งเกลียดการถูกข่มขู่แบบนี้เสียด้วย เขายอมยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเซียวจิ่งสือกับอันซิงเสียยังจะดีกว่า
ขณะที่เซียวเฉียงกำลังจะพูดออกมานั้น โทรศัพท์ของอันจี๋อวี่ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรเหรอ” อันจี๋อวี่พูดอย่างหงุดหงิด
“อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน คุณรออยู่นั่นนะเดี๋ยวผมจะรีบไปหา” อันจี๋อวี่ขมวดคิ้ว วางสายลง
เซียวเฉียงเห็นว่าอันจี๋อวี่สวมเสื้อนอกแล้วเก็บข้าวของออกไปอย่างร้อนรนขนาดนี้ ก็นึกประหลาดใจว่าเมื่อครู่เกิดเหตุเร่งด่วนอะไรขึ้น
“เซียวเฉียง ผมมีเรื่องด่วนต้องไป ไม่มีเวลาจะคุยกับคุณแล้ว คุณกลับบ้านไปก่อนก็แล้วกัน!” พูดจบอันจี๋อวี่ก็ตั้งท่าออกจากบ้านไป
เซียวเฉียงจึงกลับมาบ้าน
อันจี๋อวี่รีบร้อนมาถึงบริษัท ผู้ช่วยของเขามาที่ห้องทำงานโดยเร็ว
“ท่านประธานอัน คราวนี้บริษัทอาจต้องเจอกับวิกฤตใหญ่เสียแล้ว เรื่องที่ดินนั่นมีปัญหาแล้ว รัฐบาลกำลังมีแผนจะใช้ที่ดินนั่นสร้างถนน แล้วตอนนี้เงินทุนของบริษัทเราก็ไหลออกตลอดเลย ทำให้การเงินของเราตึงตัวอย่างมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าบริษัทจะต้องเจอกับเรื่องอะไรอีก พวกเราไม่กล้าคาดเดาต่อ” ผู้ช่วยพูดจากอ้ำอึ้ง เขารู้ว่าอันจี๋อวี่ฟังแล้วอาจโมโหเอาได้ ดังนั้นตอนพูด ในใจก็หวาดผวาไปตลอด
อันจี๋อวี่ยิ่งหงุดหงุดฉุนเฉียวเข้าไปอีก เขานึกในใจว่าทำไมเรื่องร้ายๆ จึงมาชนกันในวันเดียว เมื่อครู่เซียวเฉียงยังมาพูดเรื่องของเซียวจิ่งสือกับอันซิง ตอนนี้บริษัทก็เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้ อันจี๋อวี่โมโหมาก เขาสงบใจลงแล้วคิดว่าตอนนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรดี
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตอนนี้รีบเรียกตัวผู้ถือหุ้นใหญ่ของพวกเรามาประชุม ต้องหาวิธีแก้ปัญหาออกมาให้ได้ เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกจะยิ่งเป็นอันตรายจริงๆ แล้ว” อันจี๋อวี่พูด
ฝ่ายเซียวจิ่งสือก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะเล่นงานบ้านตระกูลอันแล้ว จะพลาดโอกาสทองครั้งนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต้องให้ตระกูลอันได้เจอกับความลำบากซะบ้างจะได้ไม่เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้อีก
เซียวจิ่งสือเรียกตัวผู้ช่วยที่เขาไว้ใจได้มาคนหนึ่ง พูดว่า “ตอนนี้พวกเราต้องการผู้ช่วยเก่งๆ สักคน คนพวกนี้จะให้ดีสุดคือไปซื้อตัวมาจากเครือบริษัทตระกูลอัน ให้ราคาสูงหน่อยก็ได้ ครั้งนี้ต้องถล่มพวกเขาให้ยับ แล้วเราจะไม่มีบริษัทคู่แข่งที่ทัดเทียมได้อีก”
“ได้ครับ ท่านประธานเซียว ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย จะพยายามให้สำเร็จในคราวเดียวครับ” ผู้ช่วยพูดจบก็เดินออกไป
ไม่นานนักบริษัทของเซียวจิ่งสือก็ซื้อตัวคนมีฝีมือจากเครือบริษัทตระกูลอันมาได้หลายคน คนพวกนี้รู้ว่าระหว่างนี้เครือบริษัทบ้านตระกูลอันกำลังประสบปัญหาหนัก พวกเขาจึงเลือกที่จะข้ามห้วยมาบริษัทของเซียวจิ่งสือ
กลุ่มบริษัทตระกูลอันสูญเสียบุคลากรที่มีฝีมือเหล่านี้ไป อีกทั้งการเงินของบริษัทยังรั่วไหลไม่หยุด ตอนนี้จึงประสบปัญหาอย่างหนัก ถ้าพวกเขายังไม่สามารถหาหนทางแก้ไขได้ หากเกิดเรื่องขึ้นย่อมจะเกิดผลร้ายแรงตามมา
อันจี๋อวี่เพิ่งรู้ว่าเซียวจิ่งสือซื้อคนเก่งมีความสามารถในบริษัทตัวเองไปหมด เขาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอยู่ในห้องทำงาน เขายิ่งโกรธแค้นเซียวจิ่งสือมากขึ้น แต่สติสัมปชัญญะยังดีอยู่ เขารู้ว่าตอนนี้ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาของบริษัทก่อน ไม่ใช่เวลามาด่ากราด มันไม่มีประโยชน์อะไร
อันจี๋อวี่กลับถึงบ้านก็ปรึกษากับคนในครอบครัว ยังไม่มีวิธีการที่ดีในการรับมือกับปัญหา สุดท้ายได้แต่พุ่งเป้ามาที่อันซิง อันจี๋อวี่รีบโทรให้อันซิงกลับบ้าน
อันซิงอยู่ข้างนอกก็ได้ยินเรื่องของกลุ่มบริษัทตระกูลอัน พอรู้ว่าพ่อของเธอเรียกให้กลับบ้านด่วน คงต้องเจอกับปัญหาหนักเป็นแน่
วันนี้อันซิงจึงกลับถึงบ้านเร็วมาก เธอทำท่าว่านั่งอยู่ที่นั่นอย่างเชื่อฟัง ขณะที่จ้องมองใบหน้าอมทุกข์ของพ่อที่กำลังนั่งคอตกอย่างท้อแท้โดยไม่กล้าพูดอะไร เนื่องจากเธอรู้แล้วว่าชีวิตด้านมืดของเธอก่อนหน้านี้ได้ทำให้เซียวเฉียงไปคุยกับพ่อเธอ และเป็นเหตุให้บริษัทของพวกเขาตอนนี้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
“อันซิง คราวนี้เรียกเธอกลับมาเพราะต้องการให้เธอทำผลงานลบล้างความผิด เธอก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เซียวเฉียงทะเลาะกับพ่อด้วยเรื่องอดีตพวกนั้นของเธอ” อันจี๋อวี่พูดเสียงจริงจัง
อันซิงไม่เข้าใจความหมายของพ่อเธอ จึงมองอันจี๋อวี่ด้วยสายตาสงสัย
“ความหมายฉันก็คือ ตอนนี้เธอต้องไปแฝงตัวอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือ พวกเราจะให้พวกเขาโอกาสนี้แซงหน้ากลุ่มบริษัทตระกูลอันไม่ได้ พ่อไม่ยอมหรอก ดังนั้นคราวนี้ต้องให้ลูกออกหน้า พ่อเชื่อว่าลูกทำได้ ลูกเข้าไปอยู่ข้างกายเขา ที่สำคัญที่สุดเมื่อถึงคราวจำเป็น เธอต้องไปเอาแผนการดำเนินงานของบริษัทเซียวจิ่งสือ
ออกมา แม้ว่าวิธีการนี้จะดูไม่ดีนัก แต่เพื่อบ้านตระกูลอันก็ต้องทำ ตอนนี้พวกเราไม่มีหนทางอื่นแล้ว อันซิง พวกเราได้แต่ฝากความหวังที่ลูกแล้วล่ะ” อันจี๋อวี่พูด
อันซิงรู้ว่าตอนนี้เธอคงปฏิเสธไม่ได้ แต่เธอไม่ชอบที่จะมีส่วนร่วมกับเรื่องแบบนี้ คราวนี้เธอจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ แฝงตัวเข้าไปอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือ
“อื้ม ได้ค่ะ” อันซิงผงกศีรษะรับคำ
——
[ 1 ] ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน หมายถึง พอหมดประโยชน์ใช้สอยก็ถีบหัวส่ง