ตอนที่ 160 ใช้ประโยชน์

รักเล่ห์เร้นใจ

คนของบ้านตระกูลอันต่างพากันนั่งหน้านิ่วเป็นทุกข์อยู่ที่ห้องโถงกลาง ทุกคนต่างก็รู้สึกวิตกอย่างมากกับเรื่องของบริษัท สถานการณ์ในตอนนี้คับขันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาหวังว่าจะคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ออกมาได้ กลุ่มบริษัทตระกูลอันเคยเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่ตอนนี้กลับต้องมาตกที่นั่งลำบากขนาดนี้

 

 

ทุกคนเงียบกันไปนานมาก อันจี๋อวี่เอ่ยปากช้าๆ ว่า “ตอนนี้เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพวกเราจะต้องทำอย่างไรก็ต้องช่วยบริษัทเอาไว้ให้ได้ ตอนนี้ผู้ถือหุ้นต่างร้อนรนกระวนกระวายกัน พวกเราต้องทำให้พวกเขาสงบลงให้ได้ก่อน ถ้าพวกเขาไม่เชื่อถือบริษัทเราอีก ต่อไปผลสุดท้ายก็คงมีแต่ความพินาศ พวกพนักงานต่างก็ใจไม่ดี เมื่อวานยังมีพนักงานคนหนึ่งลาออกไปหางานใหม่แล้ว อย่ารอจนพนักงานพากันหมดหวังกับบริษัทของเรา ถึงตอนนั้นพวกเราจะพยายามก็เปล่าประโยชน์แล้ว”

 

 

อันซิงก้มหน้าไม่กล้าพูด เรื่องกลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

 

 

“ว่าแต่ตอนนี้คิดวิธีอะไรออกบ้าง บริษัทกลายเป็นแบบนี้ ไม่มีบริษัทไหนเสนอตัวมาร่วมมือกับพวกเราหรอก”

 

 

อันโฮ่วสยงหน้าบึ้ง พูดว่า “ไม่มีบริษัทมาติดต่อพวกเรา พวกเราก็ต้องเป็นฝ่ายออกไปหาพวกเขา ชักจูงให้พวกเขามาร่วมมือกับเราสิ และบริษัทที่ว่านี่ต้องเป็นบริษัทของซิงฮว่าด้วย”

 

 

คนตระกูลอันพากันมองอันโฮ่วสยงด้วยสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นบริษัทของซิงฮว่าด้วย ตอนนี้ถ้าจะมีบริษัทสักแห่งมาร่วมมือด้วยก็ดีมากแล้ว หรือยังจะเลือกบริษัทที่จะร่วมมือด้วยอีก? ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ของบ้านตระกูลอัน พวกเขาได้สูญเสียคุณสมบัติที่จะเป็นผู้เลือกนี้ไปแล้ว

 

 

“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

 

 

“ซิงฮว่ากรุ๊ปเป็นปฏิปักษ์กับบริษัทของเซียวจิ่งสือ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา เชื่อว่าถ้าพวกเขาได้ฟังเหตุในการร่วมมือของพวกเราแล้วคงต้องตอบตกลง เนื่องจากพวกเขาตั้งใจจะจัดการกับบริษัทของเซียวจิ่งสืออยู่เหมือนกัน จับจุดอ่อนของพวกเขาให้ได้ ก็ย่อมจะคุยกันด้วยดีได้แน่” อันโฮ่วสยงพูดอย่างไม่เร่งรีบอะไร

 

 

อันจี๋อวี่ได้ฟังดังนั้นก็ผงกศีรษะถี่ๆ รีบเดินออกไป ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจ ต้องรีบไปหาทางทำความร่วมมือกับซิงฮว่ากรุ๊ป เขาอยากจะไปด้วยตัวเองเพื่อแสดงความจริงใจ โอกาสคราวนี้จะผิดพลาดอีกไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นตายของบริษัทเลยทีเดียว

 

 

อันจี๋อวี่มาที่ห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ซิงฮว่ากรุ๊ปด้วยตนเอง เขาคิดจะแสดงความจริงใจ เพื่อให้พวกเขาต้องการร่วมมือกับเขามากขึ้น

 

 

อันจี๋อวี่มองดูท่านประธานจางที่หยิ่งยโสตรงหน้าแล้วรู้สึกไม่พอใจ แต่พอนึกว่าตอนนี้บริษัทของตัวเองกำลังประสบกับวิกฤต เพื่อจะได้ร่วมมือกับซิงฮว่าจึงได้แต่สะกดกลั้นใจเอาไว้

 

 

อันจี๋อวี่ยิ้มพลางพูดกับประธานจางแห่งซิงฮว่ากรุ๊ป “ประธานจาง สถานการณ์ของบริษัทเราตอนนี้คุณคงทราบแล้ว แน่นอนว่า บริษัทเราเคยยิ่งใหญ่มากมาก่อน สถานการณ์ในตอนนี้เป็นฝีมือของเซียวจิ่งสือ ถ้าหากให้บริษัทเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ย่อมจะกลับไปยิ่งใหญ่เหมือนครั้งก่อนได้อีก”

 

 

ประธานจางเงยหน้าขึ้นมองอันจี๋อวี่ ในใจก็นึกดูแคลน ตอนนี้กลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะพูดคุยกันให้มากความนัก

 

 

ประธานจางพูดช้าๆ ว่า “ประธานอัน กลุ่มบริษัทตระกูลอันเคยยิ่งใหญ่มาก่อนในช่วงเวลาหนึ่ง ผมยังนับถืออยู่เลย แต่ตอนนี้คุณกับผมไม่มีการติดต่ออะไรกัน บริษัทคุณเกิดวิกฤตขึ้นทำไมผมต้องยื่นมาเข้าช่วยด้วย แล้วผมจะได้อะไรล่ะ ถ้าบริษัทคุณย่ำแย่ลงไปยิ่งกว่านี้อีก ผมไม่ขาดทุนแย่เหรอ คุณให้เหตุผลมาสักข้อ ที่จะทำให้ผมร่วมมือกับคุณสิ!”

 

 

อันจี๋อวี่ยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจ เขาไม่เคยต้องมาวิงวอนขอร้องคนอื่นแบบนี้มาก่อน มีแต่คนจะมาคอยประจบเอาใจเขาต่างหาก แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งพูดจานอบน้อมกับคนที่ตัวเองเคยดูถูกมาก่อนด้วยซ้ำ

 

 

อันจี๋อวี่พยายามสงบจิตใจตัวเองลงให้ได้ ยังปั้นหน้ายิ้มพลางพูดว่า “ประธานจาง ครั้งนี้บริษัทที่เราสู้ด้วยเป็นบริษัทของเซียวจิ่งสือ เมื่อก่อนพวกเขากับบริษัทคุณไม่ได้เป็นศัตรูกันหรอกเหรอ? ถ้าพวกเราร่วมมือกันต้องสามารถสู้กับเซียวจิ่งสือได้แน่ และถ้าบริษัทเราพลิกฟื้นสถานการณ์ได้สำเร็จ ย่อมจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมาก”

 

 

ประธานจางนึกถึงเซียวจิ่งสือ นี่เป็นแผลใจของเขาเลยทีเดียว เขาเกลียดเซียวจิ่งสือ เพราะเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจในตอนนั้น ตอนนี้พอได้ยินว่าบ้านตระกูลอันสู้กับเซียวจิ่งสืออีก ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น

 

 

ประธานจางยืนขึ้น พูดกับอันจี๋อวี่ว่า “ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกันคือเซียวจิ่งสือ คิดดูแล้วพวกเราก็มีความจำเป็นต้องร่วมมือกัน งั้นพวกเราก็ร่วมมือกันเถอะ ผมจะช่วยให้บริษัทคุณผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แต่ต้องร่วมมือกันจัดการกับบริษัทของเซียวจิ่งสือ นี่เป็นแผนขั้นต้นของผม”

 

 

อันจี๋อวี่พอได้ฟังก็ดีใจขึ้นมา ภารกิจในตอนนี้สำเร็จแล้ว อย่างน้อยกลับไปอันโฮ่วสยงก็จะได้ไม่โมโหอีก งั้นต่อไปเขาได้ร่วมมือกับซิงฮว่ากรุ๊ป บริษัทอาจจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้โดยเร็ว

 

 

“ขอบคุณที่เข้าใจเรา ครั้งนี้พวกเราจะร่วมกันสู้กับเซียวจิ่งสือ อย่างนั้นพอได้รับหนังสือสัญญาแล้วขอให้ลงนามโดยเร็วที่สุด ผมจะให้คนของบริษัทนำสัญญามาให้บริษัทคุณเอง หวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นไปด้วยดี” อันจี๋อวี่พูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

พอปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว อันจี๋อวี่ก็ออกจากซิงฮว่ากรุ๊ปกลับมาประชุมที่บริษัท ตอนนี้เขาต้องการประกาศให้บรรดาผู้ถือหุ้นและพนักงานของบริษัทได้รับทราบความคืบหน้าของสถานการณ์โดยเร็ว ให้ผู้คนในบริษัทไม่ว้าวุ่นใจอีก จะได้ตั้งหน้าทำงานกันต่อไป เชื่อมั่นในบริษัทว่าจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

 

 

กลุ่มธุรกิจบ้านตระกูลอันกับซิงฮว่ากรุ๊ปร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ พอสื่อทราบเรื่องนี้เข้าก็พากันเขียนบทความออกมาจำนวนมาก ข่าวที่แพร่สะพัดบนอินเทอร์เน็ตบอกว่า เซียวจิ่งสือพอใช้ประโยชน์อันซิงกับ

 

 

กลุ่มธุรกิจบ้านตระกูลอันเสร็จก็สลัดทิ้งโดยไม่ใยดี

 

 

เซียวจิ่งสืออยู่ที่บริษัท ผู้ช่วยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล เซียวจิ่งสือทราบทันทีว่าเกิดเรื่อง หลายวันมานี้เขารู้สึกได้ว่าบ้านตระกูลอันจะรุกกลับในที่สุด

 

 

“ท่านประธานเซียวครับ เรื่องที่ผมจะพูดตอนนี้คุณคงต้องเตรียมทำใจไว้ก่อน ตอนนี้สื่อออนไลน์มีบทความจำนวนมากที่บอกว่าบริษัทของเราทรยศหักหลัง ใช้ประโยชน์จากบ้านตระกูลอันแล้วเขี่ยทิ้ง กลายเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลอัน ทำให้บริษัทของพวกเขาเสียหายยับเยิน เรื่องนี้เผยแพร่ในวงการธุรกิจอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะเป็นผลเสียกับบริษัทของเราอย่างมากนะครับ” ผู้ช่วยพูดอย่างเป็นกังวล

 

 

เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วนึกดู เขารู้ว่าถ้าหากเรื่องนี้ยังเผยแพร่ออกไปแบบนี้บริษัทเขาคงไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีก ต่อไปจะทำความร่วมมือกับบริษัทอื่นก็คงไม่มีใครอยากจะร่วมมือด้วย หรือถึงกับตั้งป้อมอย่างหวาดระแวงบริษัทของเขา ซึ่งจะส่งผลกับบริษัทอย่างมาก เซียวจิ่งสือคิดว่าไม่เพียงแต่จะต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้ แต่ยังต้องใช้วิธีทำให้ผู้คนรู้ว่าความผิดนั้นไม่ได้อยู่ที่บริษัทของเขา