บทที่ 1591 ปล้นและพัฒนา

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1591 ปล้นและพัฒนา

 

“บึม!”

 

ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อส่งควันสีดํากระจายไปทั่ว เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณอีกครั้ง

 

นี้เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด มันสามารถทําลายแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะของเทือกเขาไผ่เมฆาได้ทันที

 

“บึม!”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมดพังทลายลงในที่สุด

 

“พวกเขาจากไปแล้ว” มองไปยังสถานที่ว่างเปล่าสายตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดมนแต่เขาไม่แปลกใจ

 

ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณอมตะต่อต้านการโจมตีของเขาอย่างเต็มที่ แต่ต่อมาฟางหยวนพบว่ามันตอบสนองการโจมตีของเขาได้ช้าลง

 

ค่ายกลวิญญาณต้องการคนควบคุม กระทั่งเจตจํานงค่ายกลก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับการคงอยู่ของผู้อมตะ

 

“โอ้ วิญญาณอมตะถูกทําลายไปแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบางเบาของวิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ ชัดเจนว่าผู้อมตะตระกูลจื่อทําลายมันก่อนที่พวกเขาจะล่าถอย

 

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความเสียดายแต่เขาก็ชื่นชมการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม หากเป็นเขา เขาก็จะทําสิ่งเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตามยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่ฟางหยวนเริ่มปล้นสะดมเทือกเขาไผ่เมฆาทันที

 

เทือกเขาไผ่เมฆาเต็มไปด้วยรูปแบบชีวิตบนเส้นทางแห่งเมฆา ตัวอย่างเช่นจิ้งจอกเมฆา

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสปลดปล่อยแสงสีส้มออกไปปกคลุมบริเวณรอบๆเอาไว้ทั้งหมด

 

ภายใต้แสงสีส้ม ฝูงจิ้งจอกเมฆาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ พวกมันคํารามอย่างดุเดือด แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็หยุดเคลื่อนไหวและกลายเป็นทาสของฟางหยวนในที่สุด

 

ฟางหยวนเปิดทางเข้ามิติช่องว่างและส่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้าไปราวกับสายน้ํา

 

เขายังดําเนินการต่อไปและเก็บสิ่งมีชีวิตจํานวนมากเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่จิ้งจอกเมฆาเดียวดายสองตัววิ่งหนีออกจากส่วนลึกของเทือกเขาด้วยความที่นตระหนก

 

“กลับมา” ฟางหยวนหัวเราะและบินไล่ล่าพวกมันพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากชั่วครู่พวกมันก็ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย

 

เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต เป็นเรื่องปกติที่จะมีสัตว์อสูรและพืชอสูรเติบโตขึ้นที่นี่ มันมีกระทั่งสัตว์อสูรบรรพกาลหลายตัว สําหรับวิญญาณอมตะ มีอยู่ดวงหนึ่งแต่มันถูกทําลายไปแล้ว

 

หลังจากเสร็จสิ้นการปล้นสะดม ฟางหยวนได้รับจิ้งจอกเมฆาเดียวดายเจ็ดตัว พืชอสูรเดียวดายสิบเอ็ดต้นจากสามสายพันธุ์ได้แก่โสมปราณเมฆาเดียวดาย โสมผมขาวเดียวดายและไผ่หอก เดียวดาย สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนมีความสุขที่สุดคือทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดดินเมฆขนาดใหญ่

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่พบสัตว์อสูรบรรพกาลหรือพืชอสูรบรรพกาล

 

“ผู้อมตะที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ต้องนําพวกมันออกไปแล้วหรือบางทีพวกมันอาจไม่มีอยู่ที่นี่

 

ตามกฎของธรรมชาติ มีความเป็นไปได้ที่สัตว์อสูรบรรพกาลหรือพืชอสูรบรรพกาลจะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่สถานที่แห่งนี้ถูกยึดครองโดยตระกูลจือมานานแล้ว พวกเขาเชี่ยวชาญด้านค่ายกลแต่ไม่เชี่ยวชาญด้านการกดขี่ทาส พวกเขาย่อมไม่ยินดีอนุญาตให้สัตว์อสูรบรรพกาลที่ไม่สามารถควบคุมอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา

 

แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขายังค้นหาสมบัติต่อไป

 

ไผ่หอกเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ ไผ่หอกเดียวดายถูกฟางหยวนยึดครองไปหมดแล้ว

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนค่อนข้างลําบาก เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งทาสมากมายแต่เขาไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้เนื่องจากเขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้

 

“ข้าต้องมีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมหากต้องการย้ายป่าไผ่หอกเหล่านี้” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

หากเขาต้องการย้ายป่าไผ่หอก เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไม้ที่ละเอียดอ่อน วิธีบนเส้นทางสายอื่นจะทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่แตกต่างไว้บนไผ่หอก แม้จะเป็นการชั่วคราวแต่มันก็ยังสร้างความเสียหายต่อไผ่หอกและลดคุณค่าของมันลง

 

แท้จริงแล้วมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีวิธีบนเส้นทางแห่งไม้อยู่มากมายแต่ฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่จําเป็น

 

ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้วิธีระดับมนุษย์เท่านั้น

 

แต่วิธีการนี้ทําให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เปรียบเทียบกับปาไผ่หอกทั้งหมดบนเทือกเขาไผ่เมฆา ปริมาณไผ่หอกที่ฟางหยวนสามารถนําออกมายังไม่ถือว่าไร้นัยสําคัญ

 

น่าเสียดายที่วิญญาณอมตะยกภูเขาเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก แม้มันจะสามารถยกภูเขา แต่มันไม่สามารถเคลื่อนย้ายเทือกเขาทั้งหมด

 

ในอดีตฟางหยวนเคยใช้วิญญาณอมตะยกภูเขาในการเคลื่อนย้ายภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป แต่ที่มันทําได้เป็นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสองถูกดัดแปลงมาแล้วโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

ขณะที่เทือกเขาไผ่เมฆาไม่ถูกดัดแปลงด้วยวิธีดังกล่าว

 

แน่นอนว่าฟางหยวนสามารถทุกทําลายเทือกเขาไผ่เมฆาแต่ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา

 

ต้นไม้มีรากของต้นไม้ ภูเขามีรากฐานของภูเขา เว้นเพียงเขาจะมีวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีที่เหมาะสม มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถรักษารากฐานของภูเขาเหล่านี้

 

“กระไรนะ!? ฟางหยวนโจมตีเทือกเขาไผ่เมฆางั้นหรือ!?” จ่อชิวหยูขมวดคิ้วลึกและแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครื้ม

 

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจือ ข้อมูลดังกล่าวมาถึงเขาอย่างรวดเร็ว

 

ทะเลสาบสัมผัสใจก่อนหน้านี้เป็นแหล่งทรัพยากรขนาดกลาง การสูญเสียของมันไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก แต่เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่

 

“ในอดีตตระกูลของเรายอมจ่ายราคามหาศาลเพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปฐพี่มาช่วยพัฒนาเทือกเขาไผ่เมฆา มันมีขนาดเท่าทุกวันนี้หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะตกเป็นเป้าหมาย!”

 

ตระกูลจื่อเป็นกองกําลังใหญ่ พวกเขามีแหล่งทรัพยากรมากมาย แต่เทือกเขาไผ่เมฆาค่อนข้างพิเศษ

 

ย้อนกลับไปเมื่อตระกูลลื่อยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น บรรพบุรุษของตระกูลจือดิ้นรนและเพียรพยายามเพื่อพัฒนามันอย่างช้าๆ

 

ในประวัติศาสตร์ของตระกูลจือ เทือกเขาไผ่เมฆาแห่งนี้เป็นแหล่งรายที่มั่นคงของพวกเขามาตลอด มันไม่เคยทําให้ผู้ก่อตั้งต้องผิดหวัง

 

หลังจากทํางานหนักมาหลายชั่วอายุคน ตระกูลจื่อเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและสามารถขยายอาณาเขตอย่างต่อเนื่อง แม้ตอนนี้พวกเขาจะมีแหล่งทรัพยากรมากมาขณะที่เทือกเขาไผ่เมฆามีความสําคัญน้อยลง แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยและจะส่งผู้อมตะสองคนไปปกป้องมันเสมอ

 

เทือกไผ่เมฆาไม่ได้เป็นเพียงแหล่งทรัพยากรแต่มันถือเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของสมาชิกตระกูลจือทั้งหมด

 

“ลืมแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่อื่นๆไปก่อน แต่เทือกเขาไผ่เมฆาไม่สามารถถูกทําลายระดม คฤหาสน์วิญญาณอมตะออกไปและนําเทือกเขาไผ่เมฆากลับมา!” จ่อชิวหยูคิดก่อนออกคําสั่ง

 

“แล้วผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง?” ผู้อมตะตระกูลจื่อถาม

 

ชื่อชิวหยูกันเสียงเย็น “ฟางหยวนดูเหมือนจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาคืออาณาจักรแห่งความฝัน ข้าจะคอยคุ้มกันมันอยู่ที่นี่ เขาจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน พวกเจ้าจะเป็นการแสดงเบื้องหน้าขณะที่ข้าจะรอพบเขาอยู่ที่นี่”

 

ด้วยเหตุนี้ตระกูลจือจึงนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะไปยังเทือกเขาไผ่เมฆา

 

ฟางหยวนยังไม่ได้จากไป เขายังเก็บไผ่หอกอยู่ที่นี่

 

ผู้อมตะตระกูลจื่อเห็นฟางหยวนและรู้สึกกังวล นี่คือเทือกเขาไผ่เมฆา หากพวกเขาต่อสู้กับฟางหยวนที่นี่ เทือกเขาไผ่เมฆาอาจถูกทําลายทั้งหมด

 

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญาณ!

 

ฟางหยวนเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว มือปีศาจปล้นวิญญาณของเขาซุ่มอยู่และรอเวลาโจมตีมานานแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายของมันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลจื่อ!

 

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ทางเหนือสุดของภาคเหนือน้อย หิมะกําลังโปรยปรายลงมา

 

เผ่ามนุษย์หิมะเดินทางมาอย่างยาวนานก่อนจะบรรลุถึงจุดหมายของพวกเขาในที่สุด

 

มวลอากาศเย็นทําให้เผ่ามนุษย์หิมะเผยรอยยิ้มแห่งความสุข

 

“ที่นี่เป็นที่ที่ดีสําหรับพวกเรา!”

 

“มันมีพื้นที่กว้างใหญ่ พวกเราไม่ต้องอยู่อย่างแออัดเหมือนก่อนหน้า”

 

“ขอบคุณนายท่านผู้อมตะยิ่งเจา ฮือ..ฮือ…”

 

ผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์หิมะคุกเข่าลงบนพื้นและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

“ดูนั่น!” บางคนตะโกน

 

เผ่ามนุษย์หิมะเงยหน้าขึ้นและเห็นฉากที่พวกเขาไม่มีวันลืม พายุหิมะสงบลงและเผยให้เห็นภูเขาคริสตัลขนาดใหญ่สามลูก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาลอยอยู่กลางอากาศและพยักหน้าให้กับพวกเขา จากนั้นสายหมอกก็ลอยเข้ามารวมตัวกันและปกปิดภูเขาทั้งสามเอาไว้อีกครั้ง

 

“เป็นนายท่านผู้อมตะปิงเจา!”

 

“นี่คือบ้านที่นายท่านผู้อมตะบอกพวกเรา มันคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม!”

 

“ดูเหมือนนายท่านผู้อมตะจะอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน!”

 

เผ่ามนุษย์หิมะตื่นเต้นมาก พวกเขาคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนไปยังทิศทางของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม

 

พวกเขาไม่รู้ว่านายท่านผู้อมตะป่งเจาที่พวกเขาเคารพบูชาผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนแปลกหน้า แน่นอนว่าเขาก็คือเป็นร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน!

 

“อาหาร สิ่งแวดล้อม พืช พวกมันพร้อมแล้ว แม้สภาพแวดล้อมจะเรียบง่าย แต่นี่ก็เพียงพอสําหรับพวกเขาแล้ว”

 

“เมื่อถึงจุดนี้การย้ายเผ่ามนุษย์หิมะก็เสร็จสมบูรณ์”

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาพยักหน้าเบาๆ ขณะที่เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง

 

ทันใดนั้นอสูรหิมะกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันกวาดตามองสภาพแวดล้อมด้วยความสงสัยก่อนจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ

 

“ไม่เลว ภายใต้พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง อสูรหิมะถือกําเนิดขึ้นในที่สุด สายการผลิตอสูรหิมะเริ่มทํางานแล้ว หลังจากนี้มันจะสร้างกําไรมหาศาลให้ข้า”

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาออกจากภาคเหนือน้อยและไปยังภาคกลางน้อย

 

หลังจากนั้นเขาก็วางทะเลสาบสัมผัสใจไว้ที่นี่ ริมทะเลสาบมีหินทรงกลมสีขาวจํานวนนับไม่ถ้วนที่มีขนาดแตกต่างกัน นอกจากนี้บนพื้นผิวของทะเลสาบยังมีวิญญาณสัมผัสใจอาศัยอยู่

 

ฟางหยวนขายวิญญาณสัมผัสใจส่วนใหญ่ในสวรรค์สีเหลืองและเก็บวิญญาณสัมผัสใจบางส่วนไว้ที่นี่เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ หลังจากนี้เขาจะสามารถพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งรายได้อีกแหล่งหนึ่งของเขา

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบสัมผัสใจ

 

มันเป็นพื้นที่รกร้างที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเริ่มปลูกป่าไผ่หอกและปล่อยฝูงจิ้งจอกเมฆารวมถึงสัตว์อสูรอื่นๆไว้ที่นี่

 

สถานที่แห่งนี้ไม่มีเทือกเขาแต่ฟางหยวนวางแผนที่จะสร้างป่าไผ่เมฆาขึ้นที่นี่