บทที่ 399

อวสาน

มู่หรงเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าจะยังมีศัตรูหัวใจอยู่อีกนะ ไม่งั้นนางคงไม่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับเธอขนาดนี้หรอก “เจ้าแน่ใจนะว่าอยากให้ข้าออกไปน่ะ?” เธอเลิกคิ้วสูงและพูดออกมาเสียงเบา

“ใช่ ถูกต้องแล้ว กรุณาออกไปจากบ้านข้าด้วย ที่นี่จะไม่มีวันต้อนรับเจ้า” โม่เสี่ยวหลิงชี้ไปที่ประตูพร้อมทั้งพูดออกมา

มู่หรงยังเลิกคิ้วสูง “ได้!” แล้วจึงหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปที่สนามด้านใน

“ข้าบอกให้เจ้าออกไป แล้วทำไมยังเดินเข้าไปข้างในอีกล่ะ?” โม่เสี่ยวหลิงวิ่งตามไปขวางข้างหน้ามู่หรงด้วยความโกรธ

“เพื่อนข้าอยู่ข้างในนั้น ข้าจะพาเขาออกไปด้วย!” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

โม่เสี่ยวหลิงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “ที่นี่เป็นตระกูลโม่ของข้า ที่นี่ไม่มีเพื่อนของเจ้า รีบออกไปได้แล้ว!” เธอจะปล่อยให้นางเจอพี่เฟิงไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แล้วถ้าพี่เฟิงหลงเสน่ห์นางล่ะ

จ้าวไห่ไม่คิดแบบนั้น เพื่อนเหรอ งั้นอาจจะไม่ใช่แค่ เฟิงจือหลิงแต่เพื่อนของเขาด้วย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงดึงโม่เสี่ยวหลิงไว้ “ท่านหญิง นางอาจจะเป็นเพื่อนของนายท่านก็ได้ พูดอะไรระวังหน่อย” มาสเตอร์ระดับสีม่วง พวกเขารับมือไม่ไหวหรอกนะ

โม่เสี่ยวหลิงกัดริมฝีปากและพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง “จะเป็นไปได้ยังไง? ไร้สาระ ข้างกายพี่เฟิงไม่มีผู้หญิง อีกอย่างต่อให้เพื่อนของเขามาที่นี่ ก็ควรที่จะเห็นตอนที่เดินเข้าประตูมาไม่ใช่เหรอ? แต่ข้าไม่เคยเห็นใครเข้ามาเลย”

จ้าวไห่เริ่มที่จะกังวลอย่างมาก อารมร์ของโม่เสี่ยวหลิงมักจะรุนแรงเกินไปเสมอ เธอมักจะได้สิ่งที่ต้องการเสมอ เธอเกลียดผู้หญิงที่สวยกว่าตัวเอง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างสวยเหลือเกินจนเขาอดที่จะหลงเสน่ห์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นไม่ได้

“เฟิงจือหลิงเป็นเพื่อนของข้า! หลบไปให้พ้นทาง” อารมณ์ดีของมู่หรงถูกทำลายไปแล้ว เธอหมดความอดทนกับผู้หญิงคนนี้แล้ว

“ไม่ เจ้าไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปข้างใน” โม่เสี่ยวหลิงยื่นมือออกมาเพื่อที่จะห้ามมู่หรงเสวี่ยไม่ให้ยอมให้เธอเข้าไป

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชาและรอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปาก เธอค่อยๆยกมือขึ้น เกิดพลังเย็นๆที่ทำให้รู้สึกเย็นไปทั่วร่างกายอย่างอธิบายไม่ได้ ก่อนที่โม่เสี่ยวหลิงจะทันได้ตอบโต้ เธอก็โดยพลังแห่งจิตวิญญาณของมู่หรงเสวี่ยเข้าไปอย่างจังจนตัวลอยขึ้นไปสูงและร่วงลงมากระแทกอย่างแรงแล้ว

เมื่อคิดว่ายังไงซะเฟิงจือหลิงก็พักอยู่ที่นี่ มู่หรงเสวี่ยจึงไม่ได้ลงมือหนักอะไรแค่ให้บทเรียนนางเล็กๆน้อยเท่านั้น แต่นี่ก็หนักมือไปหน่อยจนทำให้เหล่าแขกในงานถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน

นี่ นี่เป็นพลังความแข็งแกร่งระดับสีม่วง!!!

มู่หรงไม่สนใจเหล่าแขกที่ยืนตะลึงกันอยู่ในงาน เธอรีบวิ่งเข้าไปในสนามที่อยู่ด้านในทันที

เฟิงจือหลิงเริ่มที่จะอารมณ์ดีขึ้นและเตรียมที่จะออกไปหามู่หรงแต่ก็บังเอิญได้เจอเธอระหว่างทางพอดี

“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

“ได้” เฟิงจือหลิงไม่ได้ถามอะไร ไม่ว่าอะไรที่เธอบอกเขาก็พร้อมที่จะทำ ตราบใดที่มีเธออยู่ก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว

มู่หรงเสวี่ยหัวเราะแล้วออกเดินเคียงข้างกันไป

ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวแสนสวย ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ

โม่เสี่ยวหลิงที่ถูกเล่นงานไปเมื่อกี้มือกุมอยู่ที่หน้าอกที่บาดเจ็บแล้วค่อยๆลุกขึ้นพร้อมทั้งสายตาที่เกลียดชังในดวงตาของเธอ

จ้าวไห่รีบเดินเข้ามาช่วยพยุงโม่เสี่ยวหลิง “ท่านหญิงเป็นยังไงบ้าง? กินยาก่อนนะขอรับ” จ้าวไห่หยิบยาออกมาและส่งให้โม่เสี่ยวหลิงกินเข้าไป

โม่เสี่ยวหลิงกลืนยาที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายเข้าไป หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเธอก็ลืมตาขึ้นและผลักจ้าวไห่ไปข้างๆ

“เจ้ามัวทำอะไรอยู่?! ข้าหยุดนางไม่ได้ด้วยซ้ำ” โม่เสี่ยวหลิงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

ตอนนี้เหล่าแขกในงานต่างก็ชี้นิ้วและเริ่มที่จะซุบซิบกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะมีมาสเตอร์ที่ทรงพลังขนาดนี้โผล่มาที่งานด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ประหลาดใจได้ยังไง

ที่ไม่ห่างออกไปนัก มู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงค่อยๆเดินออกมาช้าๆ เกิดเป็นภาพภาพวาดน้ำหมึกแสนสวย เบื้องหลังพวกเขาคือกลีบดอกไม้ที่กำลังพลิ้วร่วงหล่น ทำให้พวกเขาดูราวกับเป็นเทพนิยาย

ไม่เสี่ยวหลิงรีบวิ่งตามไปทันที ขนาดจ้าวไห่ยังไม่ทันจะได้ห้ามอะไรเลย

“เจ้าช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายจริงๆ ปล่อยนะ ข้าบอกให้เจ้าปล่อยมือไง!” เธอคลั่งไปแล้วเมื่อได้เห็นมู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงกำลังจับมือกัน

ความอิจฉาในดวงตาทำให้สติเธอรางเลือน เฟิงจือหลิงที่ทำร้ายหัวใจของเธอได้ในช่วงเวลาไม่นานกลับมองผู้หญิงอื่นด้วยสายตาที่ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

โม่เสี่ยวหลิงจะยอมให้เฟิงจือหลิงได้เจอกับมู่หรงเสวี่ยได้ยังไง? เพียงแค่เสี้ยววินาที โม่เสี่ยวหลิงก็ถูกเฟิงจือหลิงโจมตีลอยไปราวกับเป็นว่าวพังๆ

ครั้งนี้เฟิงจือหลิงไม่แสดงถึงความเมตตาเลย โม่เสี่ยวหลิงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ขนาดลมหายใจก็ยังอ่อนลงด้วยราวกับว่ากำลังจะตายอีกไม่นาน

จ้าวไห่รีบวิ่งเข้ามาและเอาแต่ป้อนยาให้โม่เสี่ยวหลิง

เธอไม่มีความคิดที่จะเผชิญหน้ากับเฟิงจือหลิง ต่อให้มันไม่ได้ผล เธออาจจะต้องตายอย่างเสียเปล่า

โม่เสี่ยวหลิงมองไปที่คนทั้งสองด้วยสายตาต่อต้าน ที่หางตามีหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาแต่ก็ไม่ทำให้เฟิงจือหลิงหันมามองเธอได้แม้สักวินาที

แสงจากร่างของพวกเขาหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาในทันที ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วและที่ถนนก็เต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คนที่เดินไปมาเป็นสายน้ำไหล

“เสี่ยวเสวี่ย!” จู่ๆเฟิงจือหลิงก็เริ่มที่จะมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา

“ฮ่ะ?” มู่หรงนิ่งไปชั่วขณะแล้วจึงหันมามองที่เฟิงจือหลิง

ทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าเธอก็เริ่มที่จะเบลอขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเฟิงจือหลิงราวกับภาพโมเสก บรรยากาศรอบๆจู่ๆก็กลายเป็นวังน้ำวน

ก่อนที่มู่หรงเสวี่ยจะทันได้ตอบโต้อะไร ความคิดของเธอก็เริ่มที่จะมืดลงและสติก็รางเลือนไปเรื่อยๆ

เสียงเพลงนางฟ้าดังเข้ามาในหู บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้มากมาย

“โอมาน! เธอฟื้นแล้ว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาและก็เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นอย่างมาก

ขนตาของเธอเริ่มที่จะสั่นเล็กน้อยและดวงตาสีดำเข้มราวหมึกก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ความสับสนในดวงตาดูราวกับว่าฝันไป “ที่นี่ที่ไหน?”

“โอมาน เธอหลับไปนานมาก” เสียงผู้ชายที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความโล่งใจ

“ฉันคือมู่หรงเสวี่ย…” น้ำเสียงที่ดังออกมาไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าไร

“โอมาน ทุกอย่างคือเรื่องที่เธอฝันไป เธอคือโอมาน! โอมานของฉัน” น้ำเสียงชัดเจนของผู้ชายดังขึ้นมา ช่วยปลุกความทรงจำทั้งหมดของหญิงสาว

กลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันหลายพันปีเท่านั้น!

อวสาน!