บทที่ 65 อาหารในยามยาก โดย Ink Stone_Romance
การนำทหารฝีมือดีห้าร้อยนายนั้น เป็นสิ่งที่หัวหน้ากองพันจึงจะสามารถกระทำได้ หัวหน้ากองพันในค่ายยังมิได้ถูกสังหารไปจนหมด แต่กถึงอย่างไร ในเวลานี้ นาทีนี้ คนเดียวที่เหยียนฉงหมิงจะพึ่งพาได้มีเพียงอวี๋เซ่าชิง
อวี๋เซ่าชิงสั่งการลงไปแล้ว
จากนั้นครู่หนึ่ง ศพแรกของทหารพลีชีพของซยงหนูก็ปรากฏขึ้นในค่าย
อีกชั่วพริบตา ก็มีศพที่สอง ศพที่สาม…
อวี๋เซ่าชิงลากศพสภาพบูดเบี้ยวของทหารพลีชีพชาวซยงหนูออกมา
ในบรรดาหทารฝีมือดีห้าร้อยนายนี้ ก็มิได้ปราศจากผู้เคราะห์ร้ายไปเสียทีเดียว ในทางตรงกันข้าม ทหารพลีชีพของกองทัพซยงหนูล้วนเป็นเลิศด้านศิลปะการต่อสู้ และได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ลำพังเหล่าทหารฝีมือดีเข้าไปต่อสู้ตัวต่อตัวคงไม่ไหว เหยียนฉงหมิงมัวแต่กระหยิ่มยิ้มย่องกับจำนวนศพที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนมิได้สังเกตเห็นทหารฝีมือดีสามนายตกลงมาด้านข้างตน
ความอดทนของอวี๋เซ่าซิงขาดสะบั้น เขายกกระบี่ขึ้นบั่นคอทหารพลีชีพชาวซยงหนู!
เลือดแดงฉานสาดเต็มหน้าของเขา
แม่ทัพเซียวซึ่งบาดเจ็บหนักถูกทหารใต้บังคับบัญชาแบกขึ้นหลัง
ทหารม้าทั้งสองพันนายที่แม่ทัพเซียวนำไป ไม่เหลือรอดกลับมาเลยสักคนเดียว
แท้จริงแล้ว ทัพใหญ่ของซยงหนูมีมากกว่าห้าหมื่นคน หลังจากแม่ทัพเซียวนำทัพไปจัดการ ด้านหลังก็ยังมีอีกห้า
หมื่นนาย!
ทหารม้าสองพันนายมิอาจต่อกรกับทหารหนึ่งแสนนายได้
เมื่อทัพใหญ่ซยงหนูบุกเข้ามา ค่ายใหญ่ของซีเป่ยก็พ่ายแพ้ยับเยิน จากทหารกว่าสองหมื่นนาย บัดนี้มีไม่ถึงหนึ่ง
ร้อยนายที่อารักขาและพาแม่ทัพเซียวหลบหนี
พวกเขาหนีไปยังภูเขาหิมะที่ได้ชื่อว่าเป็นเทือกเขามรณะ นี่เป็นที่เดียวที่ปราศจากการป้องกันของชาวซยงหนู เมื่อเข้าไปก็ไม่มีทางรอดออกมาได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องวางกำลังเอาไว้
เมื่อเข้าไปในหุบเขา ทุกคนต่างแตกกระสานซ่านเซ็นกันไป
อู๋ซันตามติดอวี๋เซ่าชิง ทั้งยังมีพลหทารใหม่ซึ่งเพิ่งเข้ากองทัพได้เพียงไม่ถึงเดือนตามมาด้วย
ทหารใหม่เหล่านี้มิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของอวี๋เซ่าชิง หากแต่หัวหน้ากองร้อยของพวกเขาได้สละชีวิตไปแล้ว เดิมทีแม่ทัพเซียวสั่งให้พวกเขาขนเสบียง แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อแม่ทัพเจียงหายไปที่ใดแล้วก็มิอาจรู้ เสบียงก็ไม่เหลืออยู่เลย
พลทหารทั้งห้าคนได้แต่ตามอยู่ด้านหลังอย่างน่าเวทนา ด้วยกลัวว่าอวี๋เซ่าชิงจะไล่พวกเขาไป
อวี๋เซ่าชิงหยุดฝีเท้าลง กล่าวว่า “ด้านหน้ามีถ้ำ พวกเจ้าเข้าไปหลบในนั้นก่อน”
อู๋ซันนำหน้า เขาแบกของห่อใหญ่เดินจ้ำเข้าไป
“อวี๋เฒ่า!” หลังจากอู๋ซันสำรวจถ้ำเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปโบกมือให้อวี๋เซ่าชิง
อวี๋เซ่าชิงเดินเข้าไป
พลหทารมองหน้ากันแล้วจึงเดินตามไป
ถ้ำนี้นับว่ากว้างขวางพอสมควร
อู๋ซันเปิดห่อผ้า เขาหยิบเบียงออกมา มีหมั่นโถวขาวๆ ยี่สิบลูก แป้งห้าจิน ข้าวจ้าวห้าจิน และไหอีกสองใบซึ่งเขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปคว้ามาจากในกระโจมของอวี๋เซ่าชิง
ทันทีที่เห็นไหทั้งสองใบ ดวงตาของอวี๋เซ่าชิงก็เป็นประกายขึ้น
อู๋ซันหัวเราะในคอ “ข้ารู้ว่าเจ้าทนไม่ได้หรอก! ของที่พี่สะใภ้กับหลานๆ ส่งมาให้ ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไปเอามาให้เจ้าอยู่ดี!”
“ขอบคุณมาก” อวี๋เซ่าชิงพูด
อู๋ซันเบะปาก “อยู่กับเจ้ามานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าพูดว่าขอบคุณกับข้า!”
พวกเขาหิวแล้ว อวี๋เซ่าชิงจึงแบ่งหมั่นโถวให้คนละลูก เหล่าทหารใหม่รีบกัดหมั่นโถวด้วยความหิวโหย แต่ยังไม่ทันกัดคำที่สอง เหยียนฉงหมิงและผู้ใต้บัญชาของเขาอีกสิบคนก็กรูเข้ามา
เหยียนฉงหมิงอยู่ในสภาพย่ำแย่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง รองเท้าหายไปแล้ว เมื่อเข้ามาในถ้ำแล้วก็ทรุดลงทันที
“แม่ทัพเซียวเล่า?” อวี๋เซ่าชิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เหยียนฉงหมิงตอบอย่างหารใจไม่ทัน “พวก…พวกเราต้อง…ถามเจ้า…มากกว่า…”
“ถามพวกเราทำไม” อู๋ซันแค่นเสียง “พวกเราคอยรับการโจมตี เดิมทีก็มิได้อยู่กับแม่ทัพเซียวอยู่แล้ว เจ้าสิที่ต้องอยู่คุ้มกันแม่ทัพเซียวตลอด!”
เหยียนฉงหมิงสำลัก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับว่าเขาสนใจเพียงเอาชีวิตรอดเท่านั้น จึงทิ้งแม่ทัพเซียวเอาไว้
สายตาของอวี๋เซ่าชิงไปตกอยู่ที่หลังของทหารด้านหลังเหยียนฉงหมิง
อู๋ซันเข้าใจทันที “พวกเขาแบกอะไรนั่น มิใช่เสบียงหรอกกระมัง?”
เหยียนฉงหมิง “เหอะ!”
อู๋ซันโมโห “เจ้าทิ้งแม่ทัพเซียว แล้วขโมยเสบียงมา เจ้าจะให้แม่ทัพเซียวหิวตายรึ?!”
“เจ้าพูดอะไรกระดากหูเช่นนั้น! เหตุใดมาบอกว่าข้าทิ้งแม่ทัพเซียวแล้วขโมยเสบียงมา” แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง ทว่า
ที่เขาออกรบและรอดกลับมาได้นานถึงเพียงนี้ แน่นอนว่ามิใช่เพราะเขาสู้สุดใจเฉกเช่นอวี๋เซ่าชิง หากแต่เป็นเพราะ
ความสามารถในการเอาตัวรอดที่ผู้อื่นเรียกว่าไร้ยางอายนั่นแล เสบียงอยู่ที่ใด เขาก็อยู่ที่นั่น แม่ทัพไม่ต้องมีก็ได้ แต่เสบียงจะทิ้งไม่ได้เด็ดขาด!
“เจ้าๆๆๆ ” อู๋ซันไม่มีอะไรจะพูด!
“อู๋ซัน มานี่” อวี๋เซ่าชิงเสียงทุ้มต่ำ
อู๋ซันกลอกตา แล้วกลับไปยืนข้างๆ อวี๋เซ่าชิง
“โถๆๆๆ พวกเจ้าก็ไม่ธรรมดานี่ บอกว่าข้าขโมยเสบียง แต่พวกเจ้าเองก็ดูจะได้มาไม่น้อย!”
“ของนี่ข้าเอามาเอง!” อู๋ซันเท้าเอวพูด
เหยียนฉงหมิงแค่นเสียง “ให้เจ้าไปจัดการข้าศึก เจ้ากลับขโมยเสบียง โทษเพิ่มอีกหนึ่งสถาน!”
พลหทารใหม่กลัวจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะกลืนหมั่นโถวในปากลงคอ
สุดท้ายแล้ว เหยียนฉงหมิงก็มิได้ใช้กฏของกองทัพลงโทษอู๋ซัน ทว่าเลวร้ายกว่านั้น เขายึดเสบียงของอู๋ซันไปทั้งหมด พร้อมกับขับไล่อู๋ซันและอวี๋เซ่าชิงออกจากถ้ำ
ส่วนอาหารในไหสองใบที่อวี๋หวั่นทำ เหยียนฉงหมิงคืนให้แก่อวี๋เซ่าชิงด้วยความใจ(รัง)กว้าง(เกียจ)
จากนั้น เหยียนฉงหมิงก็มองไปยังพลทหารทั้งห้าคนด้วยความโอหัง และพูดขึ้นว่า “คนที่ยินดีจะไปกับข้าก็มา ข้ามีเสบียงให้กิน มิยอมให้พวกเจ้าอดอยาก หากยินดีจะไปกับพวกเขา ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด! จะเป็นจะตายอย่างไรก็เรื่องของพวกเจ้า!”
ในบรรดาทหารใหม่ห้านาย มีเพียงทหารชื่อว่า ‘ต้าหนิว’ ที่มิได้อยู่ต่อ ส่วนอีกสี่คนที่เหลือเลือกอยู่ต่อในค่ายของเหยียนฉงหมิง
การตัดสินใจเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องแปลก นอกจากตำแหน่งแล้ว เหยียนฉงหมิงก็ยังมีเสบียงอีกด้วย
อวี๋เซ่าชิงและอีกสองคนไปหยุดพักในถ้ำซึ่งห่างออกไปห้าหลี่
อู๋ซันกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่มีเสบียง ข้าก็กินหิมะประทังชีวิตได้”
แผ่นแป้ง ลูกชิ้น และผักดองซึ่งถูกจัดให้เป็นของที่กินไม่ได้: …
ในถ้ำของเหยียนฉงหมิงเริ่มกินดื่มกันอย่างสำราญใจ
ได้ชื่อว่าเป็นเสบียงของแม่ทัพเซียว ก็ย่อมต้องมีหลากหลาย มิได้มีเพียงหมั่นโถว อัวอัวโถว[1] ข้าวสาร แป้ง ยังผักดองและเนื้อแห้ง นอกจากนั้น ในกระเป๋าทหารของเขาก็ยังมีรังนก ใบชา และขนมที่เหยียนหรูอวี้ให้คนส่งมาให้
หลังจากที่กินดื่มกันจนอิ่มหมีพีมัน พวกเขาก็ต้มชาหลงจิ่งหอมอ่อนๆ หนึ่งกา กินขนมกุ้ยฮวากรอบกล่องหนึ่ง มีความสุขกันเสียไม่มี!
อีกด้านหนึ่ง อู๋ซันและต้าหนิวหิวจนหน้าอกติดหลัง[2]แล้ว อวี๋เซ่าชิงก็ท้องร้องโครกครากเช่นกัน ในที่สุดก็จำต้องหยิบแผ่นแป้งในไหออกมา
อู๋ซันมีสีหน้าตื่นตระหนก
อวี๋เซ่าชิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ดินกวนอิมเจ้าก็กินมาแล้ว จะกินสิ่งนี้ไม่ได้เชียวหรือ?”
อู๋ซัน: ไฉนประโยคนี้จึงฟังดูไม่ค่อยถูกต้องนัก?
สุดท้ายแล้วทั้งสามคนก็ต้องกล้ำกลืนฝืนกินลงไป
จะว่าไปก็น่าแปลก แผ่นแป้งนี้แข็งนัก ทว่ากินลงไปแล้วอยู่ท้อง กินเข้าไปสองคำก็รู้สึกอิ่มแล้ว
ส่วนผักดองนั้น พวกเขานำแผ่นเล็กไปต้มเป็นน้ำแกง เมื่อกินเข้าไปไม่กี่คำ ทั้งสามคนก็เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แม้แต่เท้าที่หนาวเหน็บจนไร้ความรู้สึก บัดนี้พลันมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
………………………………………………
[1] อัวอัวโถว อาหารจำพวกแป้งของภาคเหนือของประเทศจีน มักทำจากแป้งข้าวโพด ถั่วเหลือ หรือธัญพืชชนิดอื่นๆ นำมาปั้นเป็นก้อนกลมคล้ายกับหมั่นโถว กดให้เป็นรูตรงกลาง แล้วจึงนำไปนึ่ง
[2] หน้าอกติดหลัง เปรียบเปรยว่าหิวโหยเป็นอย่างมาก